น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

กลุ่มชายรักชาย ยังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอดส์สูง | PG&P

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สถานการณ์เอดส์พบกลุ่มเสี่ยงยัง เป็นชายรักชายพุ่งสูง ติดเชื้อสูง ตรวจหาเชื้อต่ำ ห่วงผู้ป่วยเอดส์เข้ารับการรักษาช้า พร้อมวางยุทธศาสตร์ตั้งเป้าลดการติดเชื้อใหม่
พญ.เพชรศรี ศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ กรมควบคุมโรค กล่าว ถึงผลการศึกษาเรื่อง ภาวะโรคเอดส์ กลุ่มเสี่ยงที่(ไม่)เปลี่ยนแปลง ว่า อัตราการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มเสี่ยงในการสำรวจภาระโรคปี 2553พบว่า กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มชายรักชาย ร้อยละ 20 กลุ่มผู้ใช้ยาร้อยละ 21.9 เพศชาย ร้อยละ 17.7 และ เพศหญิง ร้อยละ2.2 โดยในกลุ่มนี้พบว่าอัตราการใช้ถุงยาง พบว่า กลุ่มพนักงานหญิงบริการมีการใช้ถุงยางร้อยละ 95.7 พนักงานบริการชาย ร้อยละ 87.3 ชายรักชาย ร้อยละ 84.5 และกลุ่มผู้ใช้ยา ร้อยละ 41.6 เมื่อสำรวจเรื่องอัตราการตรวจการติดเชื้อในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มพนักงานหญิงบริการตรวจร้อยละ 50.4 พนักงานบริการชาย ร้อยละ 50.4 ชายรักชาย ร้อยละ 29.2 และกลุ่มผู้ใช้ยา ร้อยละ 40.8
สำหรับสถานการณ์ดำเนินป้องกัน พบว่าความครอบคลุมในการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 53 ที่ร้อยละ 72 เป็นปี 54 ที่ร้อยละ 77 แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงและต้องดำเนินมาตรการเพิ่มคือ การรับยาต้านไวรัสและเข้าระบบการรักษา พบว่าร้อยละ 57 เริ่มรับยาต้านเมื่อระดับภูมิคุ้มกันต่ำ (CD4 ) กว่า 100 มากถึง ร้อยละ 57 ซึ่งระดับภูมิคุ้มที่เป็นไปตามข้อแนะนำอยู่ที่ 350 ซึ่งการเข้าถึงบริการต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
พญ.เพชรศรี กล่าวว่า สำหรับยุทธศาสตร์เอดส์ชาติระหว่างปี 2552-2559 ตั้งเป้าว่า ทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง 2 ใน 3 และลดอัตราติดเชื้อแรกเกิดลง โดยการคาดประมาณจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ คาดว่าว่า ร้อยละ 62 จะเกิดจากการติดเชื้อจากกลุ่มชายรักชาย การขายบริการ และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ร้อยละ 32 จะเกิดจากคู่ของตนเอง และ ร้อยละ 6 จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์จากผู้ที่ไม่ใช่คู่ครองและกลุ่มเยาวชน โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่ 31 จังหวัดที่มีความชุกสูงประมาณ ร้อยละ 65 และเฉพาะพื้นที่กทม.คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ร้อยละ 27 ซึ่งเป้าหมายจะทำให้เกิดการเข้าถึงการรับบริการในทุกกลุ่มร้อยละ 80 เช่น การป้องกันการติดเชื้อแรกเกิด การป้องกันในกลุ่มเยาวชน การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยแบบบูรณาการ การบริการโลหิตปลอดภัย การดูแลรักษาให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ การดูแลเด็กที่รับผลกระทบจากเอดส์และเด็กที่มีภาวะเปราะบาง การลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติ และ การสื่อสารสาธารณะ
 “ปัจจุบันการใช้งบประมาณจากรัฐบาลเพื่อใช้ในงานเอดส์ ใช้งบประมาณจากประเทศร้อยละ 93 เป็นงบเพื่อใช้ในการป้องกันร้อยละ 14 ซึ่งงบประมาณทั้งหมดมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากกองทุนโลก โดยยุทธศาสตร์ในระยะยาวคือลดการติดเชื้อรายใหม่ให้ได้ จากที่ช่วง 3 ปีจะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละหมื่นราย ให้ลดลงเหลือ 1 ใน 3 ทั้งนี้ ในเรื่องการเข้าถึงบริการพบว่า กลุ่มคนต่างชาติที่เป็นแรงงานในประเทศไทย ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้วยยาต้านไวรัส นอกจากนี้ นโยบายการดำเนินงานด้านยาเสพติดยังเป็นส่วนที่ทำให้ข้อจำกัดในการดำเนินงาน เรื่องลดอัตราจากการใช้ยา ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องเอดส์ต้องอาศัยปัจจัยหลายด้านเพื่อลดผู้ติดเชื้อ ลง”พญ.เพชรศรี กล่าว


ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ผลวิจัยเผยลิปสติกต้นตอสารพัดโรค | PG&P

เว็บไซท์แท็บลอยด์ เดลีเมล ของอังกฤษ รายงานว่า ผู้หญิงจำนวนมาก รู้สึกเหมือนตัวเองเปลือยเปล่า ถ้าไม่ได้ทาลิปสติก แต่ผู้หญิงเหล่านี้อีกเช่นกัน ที่ไม่ทราบถึงความลับที่อันตรายของลิปสติก เหล่านี้
รายงานผลวิจัยที่น่าเป็นห่วง ระบุว่า ลิปสติกสีสดใสที่ติดปากได้นานแสนนาน มีส่วนผสมของสารเคมีนานาชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังเพิ่มความน่าวิตกขึ้นเรื่อยๆ ว่า อาจมีส่วนโยงใยกับปัญหากล้ามเนื้อ, รบกวนการทำงานของฮอร์โมน และโลหะหนักที่ทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย รวมถึงความเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ และหรือแม้แต่โรคข้อต่ออักเสบด้วย ในจำนวนส่วนผสมที่น่าเป็นห่วง รวมถึงสารเคมีนานาชนิด เช่น พาราเบน หรือ สารกันบูดในเครื่องสำอาง, เมธอะคริเลท ที่ใช้ในการทำพลาสติก, สารตะกั่ว และแคดเมียม ซึ่งเป็นธาตุโลหะชนิดหนึ่ง
มีการพบสารไตรโคซาน ซึ่งผลวิจัยระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ และยังก่อให้เกิดความวิตกว่าจะเป็นสาเหตุให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ และกลายเป็นซูเปอร์บั๊ค หรือ แบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิด
การวิจัยล่าสุด เกี่ยวกับไตรโคซาน พบว่า อาจมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่ได้รับคำสั่งจากสมอง รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย ศาสตราจารย์ ไอแซ็ค เพสซาห์ นักวิจัยด้านโมเลกุล ได้ค้นพบในห้องทดลองว่า สารไตรโคซานสามารถลดอัตราการเต้นของหัวใจของหนู ภายในเวลา 20 นาที และมีหลักฐานที่ชัดเจนว่า อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ และยังลดความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออีกด้วย
การค้นพบก่อนหน้านี้ ระบุว่า สารไตรโคซาน อาจเกี่ยวข้องกับโรคไทรอยด์และการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชาย หรือ แอนโดรเจน ในผู้หญิงเพิ่มขึ้นกลายเป็นสาเหตุของอาการต่างๆ เช่น สิวขึ้น, น้ำหนักเพิ่ม, ขนดก, รอบเดือนไม่ปกติ


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สร้างเด็กอัจฉริยะยุคดิจิตอล เน้นเสริมพัฒนาการตามระดับวัย | PG&P

กุมารเวช จุฬาฯ เผยงานวิจัยชี้ว่า การส่งเสริมพัฒนาการโดยการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนรู้ตามวัยของ เด็กตั้งแต่เล็กๆ สามารถเพิ่มระดับไอคิวลูกได้ถึง 20-30 คะแนน ในทางตรงข้าม ถึงแม้พ่อแม่ฉลาด แต่ลูกถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ก็จะส่งผลให้สมองไม่พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพและมีผลต่อระดับไอคิวได้   

     สร้างเด็กอัจฉริยะยุคดิจิตอลเน้นเสริมพัฒนาการตามระดับวัย

พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการและการเจริญเติบโต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการพัฒนาไอคิวของเด็กในยุคปัจจุบันว่า เด็กจะมีไอคิวสูงหรือต่ำ ถูกกำหนดโดยปัจจัยหลัก 2 ประการ คือพันธุกรรม และสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู ถ้าพ่อแม่ฉลาดลูกก็จะฉลาด ถ้าพ่อแม่ไม่ฉลาด ลูกก็มีแนวโน้ม จะไม่ฉลาดตามไปด้วย แต่การจัดสภาพแวดล้อมและส่งเสริมพัฒนาการตามวัยอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ลูก พัฒนาและมีความสามารถดีกว่าพ่อแม่ได้ มีผลงานวิจัยออกมาแล้วว่า การส่งเสริมพัฒนาการโดยการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ตามวัยของ เด็กตั้งแต่เล็กๆ สามารถเพิ่มระดับไอคิวลูกได้ถึง 20-30 คะแนน ในทางตรงข้าม ถึงแม้พ่อแม่ฉลาด แต่ลูกถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ก็จะส่งผลให้สมองไม่พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพและมีผลต่อระดับไอคิวได้        

ดังนั้น พ่อแม่ยุคดิจิตอลจึงต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดเพื่อส่งเสริม พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละช่วงวัย สิ่งสำคัญคือ 1.การเลือกใช้สื่อที่ช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์จริง จะช่วยให้เรียนรู้ในหลายมิติมากกว่า เช่น การให้ลูกรู้จักผลไม้โดยดูจากรูปหรือบัตรคำ จะสู้การหยิบผลไม้มาให้ดู ถือ ดม กัด ชิม ลิ้มรสไม่ได้ เพราะลูกได้เรียนรู้โดยตรงผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5        

2.กำหนดเวลาในการรับสื่อหรือการใช้เทคโนโลยีของเด็ก ซึ่งหากเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบก็ยังไม่ควรให้ดูโทรทัศน์ รวมถึงการใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ต่างๆ ด้วย เพราะการที่เด็กติดการใช้เทคโนโลยีจะทำให้ขาดการสื่อสารสองทาง ไม่ได้ฝึกทักษะการใช้ภาษา ซึ่งมีผลกับระดับสติปัญญา ส่วนในเด็กโตต้องกำหนดเวลาให้เหมาะสมคือ ไม่เกินวันละ 1-2 ชั่วโมง       

ดร.พัฒนา ชัชพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนาการเด็กเล็ก กล่าว่า การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน โดยอนุญาตให้เด็กได้มีโอกาสทดลองใช้ตั้งแต่ยังเล็ก สำหรับประเทศไทยเอง ก็ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้รับประสบการณ์รูปแบบใหม่ เพราะหากจัดสรรการใช้เทคโนโลยีให้ดี ก็จะถือเป็นสิ่งที่มีคุณอนันต์ อยากให้มองว่าเทคโนโลยีใหม่ดๆ เป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่ต้องเลือกว่าจะเล่นอย่างไรให้เกิดประโยชน์ อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นผู้กระทำฝ่ายเดียว บุคคลในวงการศึกษาอย่างคุณครูเอง











ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

งดโกหกช่วยสุขภาพดี

เพื่อสุขภาพที่ดีตั้งแต่เยาว์วัย นอกจากหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ พยายามบริโภคผัก ผลไม้ การ “งดพูดโกหก” แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ผู้ทดลองทำพบว่า รู้สึกเครียดน้อยลง ปวดศีรษะน้อยลงด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ มีผลศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา ในกลุ่มตัวอย่าง 100 คนที่ถูกสั่งให้ละเว้นการพูดโกหกไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ หรือเรื่องใหญ่เป็นเวลา 10 สัปดาห์ เพื่อนำผลลัพธ์มาประมวลเปรียบเทียบกับ “กลุ่มควบคุม” ที่ปล่อยให้ใช้ชีวิตตามปกติ
ซึ่งหลังจากผ่านไป 10 สัปดาห์ ปรากฏว่า กลุ่มที่ถูกสั่งห้ามพูดโกหก รายงานว่า มีอาการปวดศีรษะ เจ็บคอ วิตกกังวล และปัญหาอื่นๆ ลดน้อยลงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเห็นได้ชัด
“จากการศึกษาล่าสุดของเราพบว่า คนอเมริกันโดยเฉลี่ยพูดโกหกสัปดาห์ละ 11 ครั้ง และเราก็พบจากกลุ่มตัวอย่างด้วยว่า ด้วยความตั้งใจจริง พวกเขาสามารถลดการพูดโกหกในแต่ละวันได้อย่างฮวบฮาบ แล้วมันก็ส่งผลดีต่อสุขภาพทำให้สุขภาพของพวกเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่น กัน”แอนนิตา อี.เคลลี่ หัวหน้าคณะผู้ศึกษาเรื่องนี้กล่าวต่อที่ประชุมประจำปีของสมาคมสุขภาพจิต อเมริกันที่เมืองออร์ลันโด มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
ลินดา สตรอห์ อาจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยโลโยลา นครชิคาโก กล่าวกับหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ว่า ผลการศึกษาของแอนนิตา คล้ายกับผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาเรื่องความไว้ใจที่เธอเคยทำ ซึ่งพบว่า “เมื่อคุณไม่พูดโกหก คุณก็จะเครียดน้อยลง ความขัดแย้งยิ่งทำให้ชีวิตเครียดมากขึ้น”
ทั้งนี้ จากการศึกษาของแอนนิตา กลุ่มตัวอย่างเล่าว่า พวกเขาพยายามไม่พูดโกหกแม้แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ไม่พูดโกหก หรือ พูดแก้ตัวเมื่อไปทำงานสาย หรือไปไม่ทันนัดหมาย หรือทำงานไม่เสร็จ



ที่มา : เว็บสารสนเทศสุขภาพไทย หนังสือพิมพ์มติชน

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks