นอกจากใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดตา รอยยิ้มสวยสดใส แต่จะเฟอร์เฟกต์ยิ่งขึ้นเมื่อพูดแล้วไม่มีกลิ่นปากแถมออกมา
การจะกลบ "กลิ่นปาก" ให้อยู่หมัด ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าปัญหากลิ่นปากเกิดจากอะไร ทพญ.จิราภรณ์ ผลพิบูลย์ ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลบีเอ็นเอช บอกว่า สาเหตุของกลิ่นปากส่วนใหญ่เกิดจากเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน บริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก หรือในรูฟันผุ
80-90% ของผู้ที่มีปัญหาเรื่องลมหายใจมีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นปาก มีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาในช่องปาก เศษอาหารที่เน่าอยู่ตามซอกฟัน รวมทั้งแผ่นคราบฟันและหินปูนที่อยู่รอบๆ ฟัน เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้อย่างดี นอกจากนี้โรคในช่องปาก เช่น ภาวะเหงือกอักเสบ เป็นหนอง จากโรคปริทันต์ หรือฟันโยก ยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้อีกด้วย
"น้ำลาย" ก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก เพราะน้ำลายเปรียบเสมือนน้ำยาบ้วนปากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อช่วยชะล้าง สิ่งสกปรกภายในช่องปาก ช่วยลดการบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น ดังนั้น หลังตื่นนอนใหม่ๆ จะสังเกตได้ว่า กลิ่นปากจะแรง เพราะในขณะที่นอนหลับน้ำลายจะถูกขับออกมาน้อย ทำให้น้ำลายมีการหมุนเวียนน้อย เศษอาหารที่ตกค้างสะสมอยู่จึงมีการบูด เกิดเป็นกลิ่นปากแต่เมื่อแปรงฟันแล้วน้ำลายมีการไหลเวียนมากขึ้น กลิ่นปากจะบรรเทาลง
อย่างไรก็ตาม คนที่มีปัญหาปากแห้งเนื่องจากมีการหลั่งน้ำลายน้อย จะพบปัญหากลิ่นปากมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ทานยาบางชนิด อยู่ในภาวะอดอาหาร ดื่มน้ำไม่เพียงพอ อากาศร้อน ตลอดจนภาวะทางจิตใจ ความเครียด อาชีพที่ใช้เสียงมากๆ เช่น ครู และทนายความ
บางครั้งกลิ่นปากก็เกิดขึ้นได้จากโคนลิ้นด้านในสุด เนื่องจากมีน้ำเมือกในช่องจมูกไหลลงคอ ซึ่งในภาวะพบได้ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โดยแบคทีเรียที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะย่อยน้ำเมือกและทำให้เกิดกลิ่นขณะมีลม ผ่านลิ้นที่เคลื่อนไหวในขณะพูด
สำหรับปัจจัยอื่นๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดเมื่อรับประทานไปแล้วจะมีกลิ่นขับออกมาทางลม หายใจ เช่น หัวหอม กระเทียม ทุเรียน ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ คนที่ท้องผูกต่อเนื่องหลายวัน ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยโรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง วัณโรค โรคปอดและโรคระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะโรคเบาหวานจะมีกลิ่นลมหายใจเหม็นจากสารคีโตน ซึ่งพบเฉพาะในผู้ที่คุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
ทันตแพทย์ แนะว่า การดูแลสุขภาพในช่องปากอย่างถูกวิธีควรทำความสะอาดโคนลิ้นด้วยแปรงทำความ สะอาดลิ้นและแปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น การบ้วนปากและกลั้วปากด้วยน้ำยาทำความสะอาด รับประทานอาหารที่มีใยอาหาร เคี้ยวหมากฝรั่ง การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
"หากต้องการทำความสะอาดช่องปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ช่วงเวลาทำความสะอาดที่ดีที่สุด คือช่วงเวลาก่อนนอน เนื่องจากจะทำให้น้ำยาทำความสะอาดตกค้างในปากได้นาน และออกฤทธิ์ได้นาน ทำให้ลดกลิ่นปากหลังตื่นนอนได้อย่างดี" คุณหมอกล่าว
สำหรับยาสีฟันและแปรงสีฟันที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพช่องปากนั้น ทันตแพทย์แนะว่า ยาสีฟันมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบผง แบบครีมและแบบเจล แต่ชนิดที่เป็นครีมหรือเจล จะทำให้เคลือบฟันของเราสึกกร่อนน้อยกว่าชนิดผง และควรเลือกยาสีฟันที่มีสี กลิ่น รส ตามที่ชอบ ไม่จำเป็นต้องราคาสูง หรือในภาวะที่มีอาการเสียวฟัน อาจเลือกใช้ยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟัน หรือถ้าต้องการป้องกันฟันผุก็เลือกแบบที่ผสมฟลูออไรด์
ส่วนแปรงสีฟันควรเลือกที่ขนแปรงอ่อนนุ่มและปลายขนมนกลม จะได้ไม่คมบาดเหงือก เลือกขนาดที่พอดีกับช่องปากของตัวเอง ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปและเลือกที่ด้ามจับถนัดมือ
ผู้ที่กำลังเผชิญอยู่กับปัญหากลิ่นปาก คงต้องลองกลับไปค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและแก้ไข แต่ถ้าปัญหากลิ่นปากยังไม่หมดไป ทางออกที่ดีที่สุดควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ หาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อบุคลิกภาพที่ดี บอกลาปัญหากลิ่นปากได้อย่างถาวร
กลเม็ดพูดแล้วหอม- จิบน้ำทุกครึ่งชั่วโมง อย่าปล่อยให้ปากแห้ง - ทุกครั้งหลังอาหาร ควรแปรงฟันและลิ้น หรือบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปาก- ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 - 3 ครั้ง- เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล- งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม- หลีกเลี่ยงกาแฟ เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก- เลิกสูบบุหรี่
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
PG&P
สโนว์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น