น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

เอช พลัส (30 แคปซูล) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ให้ทำงานดีขึ้น

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เอช พลัส (30 แคปซูล)
 



เอช พลัส
ส่วนประกอบสำคัญ
แอล-คาร์นิทีน
                เป็นกรดอะมิโนธรรมชาติ ทำหน้าที่นำพากรดไขมันในกระแสเลือดไปเผาผลาญในเซลล์ให้เกิดเป็นพลังงานที่ กล้ามเนื้อ เป็นกรดอะมิโน (หน่วยที่เล็กที่สุดของโปรตีน) ชนิดหนึ่ง ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ปกติแล้วร่างกายจะได้รับ แอล-คาร์นิทีนจากการบริโภคเนื้อสัตว์และสามารถผลิตขึ้นได้เองในตับและไต หน้าที่ของแอล-คาร์นิทีนในร่างกายคือการนำเอากรดไขมันเข้าสู่เซลล์เพื่อเผา ผลาญไขมัน นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและทำให้การทำงานของตับและไตดีขึ้น
โครเมียม อะมิโน แอซิต คีเลต
                เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน และฮิวแมนโก๊รธฮอร์โมน ในร่างกายให้ทำงานดียิ่งขึ้น ฮอร์โมนอินซูลินมีหน้าที่ ในการเปลี่ยนอาหารทุกชนิดโดยเฉพาะแป้งและน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ลดการสะสมของไขมันฮิวแมนโก๊รธฮอร์โมนมีหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สลายไขมันเก่าใหม่ และสร้างกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย ทำหน้าที่เร่งและเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญน้ำตาลในกระแสเลือด ให้เปลี่ยนเป็นพลังงานและสะสมเป็นพลังงานสำรอง (ไกลโคเจน) เพื่อนำมาใช้ใหม่
เคลป์
                ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ร่างกายมีการเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันให้กลายพลังงานในรูปไกลโคเจนได้ มากกว่าปกติ 20 % จึงส่งผลให้มีพลังงานอย่างรวดเร็วช่วยให้สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้ มากกว่าเดิมโดยไม่อ่อนเพลีย


โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
                เป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนธรรมชาติ ทำหน้าที่นำพากรดไขมันในกระแสเลือดไปเผาผลาญในเซลล์ให้เกิดเป็นพลังงานที่ กล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดี
คอปเปอร์ อะมิโน แอซิค คีแลต
                ช่วยปรับสมดุลต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบการเผาผลาญ การหายใจ สร้างภูมิคุ้มกัน และมีผลวิจัยสนับสนุนในเรื่องของการช่วยลดความเครียดอีกด้วย
สังกะสี อะมิโน แอ ซิค คีเลต
                ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายทนต่อมลภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น ป้องกันการระคายเคือง และเพิ่มความแข็งแรงของผิวที่แพ้ง่าย
ซีเลียม อะมิโน แอซิค คอมเพล็กซ์
                เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูบำรุงและพิทักษ์ผิว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ผิดปกติ หรือเสื่อมสภาพให้กลับเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพดีขึ้น ช่วยให้รอยหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยเหี่ยวย่นจางลง รักษาสมดุลให้ระบบการทำงานของผิวเป็นไปอย่างปกติ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น สดใส เปล่งปลั่งไร้ริ้วรอย รวมไปถึงสุขภาพผมและเล็บที่แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ทำให้สามารถต่อสู้มลภาวะแสงแดดและการแพ้ได้มากขึ้น
แมงกานีส อะมิโน แอซิต คีเลต
                เพิ่มอัตราการเผาผลาญ ไขมันให้กลายเป็นพลังงานมากขึ้น และกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานอย่างรวดเร็ว กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวสดชื่นและพร้อมที่จะรับสารอาหารได้เต็มที่
สารสกัดจากชาเขียว “เร่งการสลายของไขมันเก่า”
                มีฤทธิ์ในการกระตุ้นอัตราการเผาผลาญของร่างกาย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการควบคุมเอนไซม์อะไมเลสที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งและน้ำตาลให้ทำงานช้าลงและ สม่ำเสมอขึ้น ช่วยไม่ให้หิวบ่อยจนเกินไป ทำให้ลดความอยากอาหารลงได้ สารออกฤทธิ์ในชาเขียวมีชื่อว่า EGCG ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญแล้ว ยังมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็ง ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน และลดคอเลสเตอรอลในหนูทดลอง ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน พบว่า มีสารแคดทีซีนที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย การย่อย การดูดซึมให้ดียิ่งขึ้น
สารสกัดจากพริก “เพิ่มการเผาผลาญยับยั้งการเกิดไขมันใหม่”
                ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน เดิมการกินพริกถูกมองว่า ทำให้ระคายเคืองต่อระบบย่อย แต่ในช่วง 25 ปี ที่ผ่านมานี้ นักวิจัยกลับพบว่าในพริกมีสาร “แคปไซซีน” ซึ่งให้ผลต่อสุขภาพเกินคาด ช่วยลดความเจ็บปวดช่วยในระบบการย่อย เกิดการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันของร่างกาย และยังกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดียิ่งขึ้น
สารสกัด HCA ในผลส้มแขก
                มีประโยชน์ในการช่วยควบคุมความหิว ความอยากอาหารและไม่ออกฤทธิ์กดศูนย์ควบคุมความอยากอาหารในสมอง เหมือนกับยาลดน้ำหนักสมัยใหม่ จึงไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น หงุดหงิด คลื่นไส้อาเจียน หรืออาการตื่นตัวผิดปกติ
                จากการวิจัยพบว่าสาร HCA หรือ Hydroxy-citrc acid มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย ลดความอยากอาหารได้ เพราะเหตุนี้จึงได้มีคนนำสาร CHA ในผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
                โดยกลไก HCA จะออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb’s cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคสของเซลล์ร่างกาย) ช่วยยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภทแป้ง, ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันสะสม แต่จะเปลี่ยนเป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย เมื่อกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะนำไปสะสม ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลง จึงมีผลทำให้รูปร่างดีขึ้น
วิธีการรับประทาน :
 ครั้งละ 1-2 แคปซูล หลังอาหาร กลางวัน
http://www.pgpthai.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81_Weight_control_%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1_%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B5_pgp_pgpthai/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%8A-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%AA_H-PLUS_%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

HTTP://WWW.PGPTHAI.COM

'ตำรวจจราจร-พนักงานขับรถ'เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

'ตำรวจจราจร-พนักงานขับรถ'เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

กรมควบคุมโรค ระบุ "ตำรวจจราจร-พนักงานขับรถ" เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด จากพิษควันท่อไอเสียเครื่องยนต์บนท้องถนน แนะนำหลีกเลี่ยง
สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมกรมควบคุมโรค แนะนำผู้ประกอบอาชีพที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เป็นอันตรายะจากควันท่อไอเสีย เครื่องยนต์ดีเซลอาจเป็นสารก่อมะเร็งปอดให้หลีกเลี่ยงการสูดดมสารพิษ โดยระบุกลุ่มเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงในการได้รับผลกระทบจากสารดังกล่าวคือ 1.พนักงานขับรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและพนักงานขับเรือ 2.ตำรวจจราจร
3.พนักงานบริษัทหรือประชาชนที่สัญจรไปมาในเขตเมืองโดยกลุ่มคนดังกล่าวจะ ได้รับผลกระทบจากการเผาไหม้ของดีเซล ซึ่งหากได้รับหรือสูดดมในปริมาณมากจะเกิดผลกระทบเบื้องต้น เริ่มจากการแสบจมูก ไอ ระคายเคือง และหากได้รับในปริมาณมากจะทำให้เกิดทางเดินหายใจอักเสบ และการได้รับความรุนแรงจากการเผาของ ดีเซลยังขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของ ร่างกายด้วย ซึ่งเด็กและผู้สูงอายุรวม ถึงผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจมีโอกาสได้รับอันตรายมากกว่าคนปรกติสำหรับคำ แนะนำในการป้องกันตนเอง ประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงการสัญจรในเมืองที่มีความ แออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะจะได้รับอันตรายจากการสูดดมการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และน้ำมันเชื้อ เพลิงโดยตรง ควรป้องกันเบื้องต้นด้วยการสวมหน้ากากอนามัยในที่ที่มีควันหรือการเผาไหม้ สูง เปลี่ยน เส้นทางการสัญจรไปใช้ระบบขนส่ง ทั้งรถไฟฟ้าบนดินหรือใต้ดินแทน หรือหากจำเป็นควรเลือกรถโดย สารปรับอากาศส่วนผู้ใช้รถควรตรวจเช็กสภาพรถยนต์ เพราะหากรถยนต์มีการชำรุดหรือเสื่อมอาจทำให้มีสารดีเซลเข้าไปภายในรถยนต์ได้ และผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องควรหมั่นตรวจ สุขภาพร่างกาย


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ



อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงผิว 
วิตามินบำรุงสายตา น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ,เสริมความงาม,เสริมสุขภาพ

สธ.ห่วงขี้ยาป่วยทางจิตเพิ่มฟุ้ง 8 เดือนบำบัดผู้เสพได้กว่า 3 แสนราย

สธ.ห่วงขี้ยาป่วยทางจิตเพิ่มฟุ้ง8เดือนบำบัดผู้เสพได้กว่า3แสนราย
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมค่ายพลังแผ่นดินบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ที่ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า ในปี 2555 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งเป้าหมายบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จำนวน 400,000 รายทั่วประเทศ โดยมาจากระบบสมัครใจไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ที่เหลืออีกร้อยละ 30 เป็นระบบ บังคับบำบัด และระบบต้องโทษตามกฎหมาย ผลการดำเนินงานในรอบ 8 เดือน คืบหน้า ไปแล้วเกือบร้อยละ 80 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554-12 มิถุนายน 2555 มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์ฟื้นฟู 1 อำเภอ 1 ศูนย์ รวมกว่า 2,000 แห่ง จำนวน 305,904 ราย โดยเป็นผู้สมัครใจ 193,275 ราย คิดเป็น ร้อยละ 63 ที่เหลืออีก 112,629 ราย เป็นระบบบังคับบำบัดและต้องโทษ ผู้เข้ารับการบำบัดร้อยละ 80 เสพยาบ้า รองลงมา คือ ยาไอซ์ กัญชา กระท่อม และสารระเหย ตามลำดับ มั่นใจว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายภายใน 4 เดือนนี้
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาที่น่าห่วง และเกิดตามมาจากการใช้สารเสพติดเป็นเวลานานพบว่าทำให้เกิดโรคทางจิตเวชมาก ขึ้น เนื่องจากระบบสมองถูกทำลาย จากการรวบรวมสถิติผู้ป่วยที่มีอาการ ทางจิต เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช 13 แห่ง ทั่วประเทศ ในปี 2554 พบเกิดจากการใช้สารเสพติดจำนวน 3,564 ราย และ ในรอบ 6 เดือนของปีนี้ พบ 1,738 ราย จึงเป็นเรื่องที่จะต้องเร่งตัดไฟแต่ต้นลมโดยบำบัดฟื้นฟูผู้ที่ใช้สารเสพติด ทั้งหมดทั้งที่ติดและยังไม่ติดให้เลิกเสพอย่าง เด็ดขาดไม่หันไปเสพยาซ้ำอีก


ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า


อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงผิว 
วิตามินบำรุงสายตา น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ,เสริมความงาม,เสริมสุขภาพ

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks