พูดถึงเรื่องรอยด่างดำบนใบหน้า
คงมีผู้อ่านหลายท่านสนใจ เพราะเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย รอยด่างดำบนใบหน้าที่พบได้บ่อย เช่น ฝ้า กระตื้น
กระลึก กระแดด กระเนื้อ รวมไปถึงรอยดำจากการอักเสบ เช่น รอยสิว
ปัญหารอยด่างดำต่าง ๆ มีลักษณะเป็นอย่างไร
แล้วมีวิธีการแก้ไขและรักษาทางการแพทย์อย่างไร คอลัมน์หมอรามาฯ
ไขปัญหาสุขภาพ ฉบับนี้มีคำตอบมาฝาก
"ฝ้า" คือ
ภาวะที่ผิวหนังมีเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้นซึ่งเกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ด
สีทำงานมากขึ้น บางครั้งจะพบว่าเซลล์สร้างเม็ดสีมีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วย
มักพบบริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดด เช่นใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก แก้ม จมูก
เหนือริมฝีปากบน และกราม มักเริ่มเป็นฝ้าเมื่ออายุ 30-40 ปี
เชื่อว่าเกิดจากแสงแดดเป็นหลัก เราจะพบได้ว่าฝ้ามักจะเข้มขึ้นเมื่อไปตากแดด
และฝ้าสามารถจางลงได้ถ้าหากหลบแดด
นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดและในผู้ที่ตั้งครรภ์
การรักษาฝ้าสามารถทำได้โดยการใช้ยาทาที่มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสี
การใช้สารกลุ่มกรดผลไม้เพื่อผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินออก
ร่วมกับการใช้ยากันแดดและการหลบแดด
สำหรับการรักษาด้วยเลเซอร์จัดเป็นการรักษารอง
บางรายที่ตอบสนองก็จะมีฝ้าจางเร็วขึ้นได้
แต่บางรายฝ้าอาจจะดำขึ้นหากเลือกใช้เลเซอร์หรือการตั้งค่าพลังงานเลเซอร์ไม่
เหมาะสม ส่วน
"กระ" สามารถแบ่งได้หลายชนิด เช่น กระตื้น
กระลึก กระแดด กระเนื้อ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีหน้าตาแตกต่างกันไป กระตื้น
จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด ขนาด 2-3 มิลลิเมตร
มักพบได้ที่บริเวณสัมผัสแสงแดด เช่นใบหน้า โดยเริ่มเป็นตอนเข้าสู่วัยรุ่น
มักพบในผู้ที่มีผิวละเอียดสีขาว หากสัมผัสแดดจะเป็นมาก และหากหลบแดดได้ดี
อาจจะจางได้เอง บางรายอาจเริ่มเป็นตั้งแต่อายุก่อน 10 ปี
สำหรับการรักษากระตื้นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการใช้เลเซอร์ที่มี
ความยาวคลื่นที่เหมาะสมที่จะจับเม็ดสี เช่น เลเซอร์คิวสวิทช์เอนดีแย็ก
คิวสวิทช์อเลกซานไดรท์ และเลเซอร์ทับทิมชนิดคิวสวิทช์
นอกจากนี้ยังมีแสงความเข้มสูงหรือที่เรียกกันว่า
"ไอพีแอล"
อาจจะพอช่วยได้ บางครั้งอาจใช้น้ำยาทางการแพทย์ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแต้ม
เพื่อให้กระหลุดออก แต่การใช้น้ำยามีข้อเสียคือ อาจเกิดแผลเป็นได้
หากแต้มมากเกินไป กระตื้นจุดที่รักษามักจะหายได้ภายหลังการรักษาโดยเลเซอร์
1-2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นกระตื้นอาจจะเป็นกระตื้นจุดใหม่ได้อีก
ดังนั้น จึงควรหลบแดดและใช้สารกันแดด เพื่อไม่ให้เกิดจุดใหม่
กระอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในชาวเอเชีย คือ
"กระลึก"
รอยโรคจะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลเข้ม อมเทาดำ ขอบเขตไม่ชัด ขนาด
2-3 มิลลิเมตร มักพบที่โหนกแก้มและจมูก พบได้เมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป
สีจะค่อย ๆ เข้มขึ้นตามกาลเวลา โดยส่วนใหญ่
คนไข้จะได้รับการรักษาแบบฝ้ามาบ้างแล้วหรือรักษาด้วยแสงความเข้มสูงหรือ
ไอพีแอล แต่ไม่ดีขึ้น
ซึ่งกระลึกต้องทำการรักษาด้วยเลเซอร์พลังงานและความยาวคลื่นที่เหมาะสม
เท่านั้น ไม่สามารถใช้ยาทา น้ำยาแต้ม หรือแสงความเข้มสูงไอพีแอลรักษาได้
หากทำการรักษาได้ถูกวิธี กระลึกมักจะหายไปภายหลังการรักษา 3-6 ครั้ง
ส่วนมากผู้ที่เป็นกระลึกจะไม่เป็นซ้ำอีก
หากทำการรักษาด้วยเลเซอร์จนหายไปแล้ว
"กระแดด"
เป็นกระอีกรูปแบบหนึ่งที่มักเกิดได้ในวัยกลางคนถึงสูงวัย
ลักษณะจะเป็นแผ่นสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด ขนาด 0.3-2 เซนติเมตร
เกิดจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้น กระชนิดนี้หากปล่อยทิ้งไว้
อาจใหญ่และนูนขึ้นได้ กระชนิดนี้ไม่สามารถจางลงได้แม้หลบแดด
จึงต้องทำการรักษาโดยเลเซอร์เท่านั้น เลเซอร์ที่ใช้จะเป็นชนิดเดียวกันกับ
เลเซอร์ที่ใช้รักษากระตื้น ส่วนมากจะหายภายหลังการรักษาด้วยเลเซอร์ 1-2
ครั้ง ผู้ที่เป็นกระแดดอาจจะเป็นกระแดดจุดใหม่ได้อีก
ดังนั้นจึงควรหลบแดดและใช้สารกันแดด เพื่อไม่ให้เกิดจุดใหม่
"กระเนื้อ" คือเนื้องอกของผิวหนังชนิดหนึ่ง
กระชนิดนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่กระ แต่เป็นเซลล์ผิวหนังที่แบ่งตัวมากขึ้น
มีลักษณะสีน้ำตาลอ่อนจนไปถึงสีน้ำตาลเข้มและดำ
รอยโรคจะเป็นตุ่มนูนผิวขรุขระ ขนาดตั้งแต่ 2 มิลลิเมตรจนถึงหลายเซนติเมตร
มักพบบริเวณใบหน้า คอ แขนและลำตัว
เชื่อว่าเกิดจากกรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น บางคนเริ่มเป็นตั้งแต่อายุ 20
ปี เนื้องอกชนิดนี้เป็นเนื้อดี ไม่กลายเป็นมะเร็ง
แต่อาจใหญ่ขึ้นทำให้แลดูไม่สวยงามได้ บางรายอาจพัฒนามาจากกระแดด
การรักษาที่ดีที่สุดคือการใช้เลเซอร์ที่มีอำนาจทำลายผิวชั้นบน เช่น
คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ อาจใช้จี้ไฟฟ้า หรือทำการรักษาด้วยไนโตรเจนเหลว
หรือตัดออก เมื่อกระเนื้อจุดเดิมหายแล้ว ในอนาคตอาจเป็นกระเนื้อจุดใหม่ได้
ไม่มีวิธีป้องกันการเกิดกระเนื้อรอยดำอีกชนิดบนใบหน้าที่พบได้บ่อย
คือรอยดำที่เกิดภายหลังการอักเสบของผิวหนัง
ซึ่งรวมไปถึงการที่ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ตัวอย่างที่พบได้บ่อย
คือรอยดำจากสิว
โดยจะพบมากหากเป็นสิวอักเสบหรือไปแกะสิวเพราะการแกะสิวจะทำให้ผิวหนังบาด
เจ็บและอักเสบมากขึ้น รอยดำลักษณะนี้จะเป็นจุดหรือปื้นสีน้ำตาล
เกิดบริเวณเดียวกับที่ผิวหนังเคยมีการอักเสบมาก่อน (เช่น มีอาการแดง บวม
เจ็บ) วิธีการรักษาที่สำคัญที่สุดคือต้องหยุดการอักเสบโดยเร็วที่สุด
เพราะหากปล่อยการอักเสบให้เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ รอยดำจะเป็นมากขึ้น
เมื่อการอักเสบหายแล้ว สามารถรักษารอยดำที่เหลือได้โดยการใช้ยาทา
หรืออาจใช้เลเซอร์เสริมเพื่อทำให้จางเร็วขึ้น
ขึ้นชื่อว่ารอยดำแล้ว แม้จะไม่อันตราย
แต่ก็ส่งผลต่อการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับชีวิต
โดยเฉพาะในคุณผู้หญิงที่มักจะกังวลกับปัญหารอยดำกันมาก
เชื่อเหลือเกินว่าแฟนคอลัมน์คงจะได้ความรู้เกี่ยวกับรอยดำชนิดต่าง ๆ
บนใบหน้า รวมถึงแนวทางการรักษารอยดำแต่ละชนิดกันเป็นอย่างดี ฉะนั้น
หากพบว่ามีรอยดำและต้องการแก้ไขรักษา
แนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเป็นการดีที่สุด
ที่มา :
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย อาจารย์นายแพทย์ วาสนภ วชิรมน
อาจารย์แพทย์ประจำแผนกผิวหนังและเลเซอร์ หน่วยโรคผิวหนัง
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
PG&P
สโนว์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI
คลิปตัวอย่าง PG&P
FEED PG&P