น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

เตือนพ่อแม่..ระวังการใช้ยาลดไข้ในเด็ก!

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ในช่วงหน้าฝน ถือเป็นช่วงที่เด็ก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองมีการเจ็บป่วยมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นไข้ ตัวร้อน ซึ่งพ่อแม่ และผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะให้ลูกหลานกินยาลดไข้เอง แต่ไม่ค่อยได้ศึกษาข้อมูลในการเลือกใช้สูตรยาลดไข้อย่างถูกต้องและปลอดภัย เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจเกิดอันตรายตามมาได้
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โดยปกติร่างกายของคนเราจะมีอุณหภูมิ 37.5 องศาเซลเซียส เมื่อเด็กมีไข้อุณหภูมิในร่างกายจะสูงกว่าปกติ ควรใช้ปรอทในการวัดไข้ ไม่ควรซื้อยาให้เด็กกินเอง เนื่องจากยาลดไข้สำหรับเด็กมีหลากหลายยี่ห้อและหลากหลายชนิด สิ่งที่ควรระวังคือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งอาจให้ผลในช่วงแรกว่าอาการไข้ดีขึ้น แต่ผลเสียคือสเตียรอยด์จะกดภูมิต้านทานของร่างกายทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้ง่าย นอกจากนี้อาจบดบังอาการแสดงของโรคติดเชื้อ เมื่อตรวจพบโรคอาจมีอาการรุนแรง และเป็นสาเหตุทำให้อาการทรุดหนัก ผู้ปกครองควรสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจุบันมีหลายโรคที่เป็นอันตรายและมีอาการแสดงที่คล้ายกัน เช่น โรคมือ เท้า ปาก โรคไข้เลือดออก หากผู้ป่วยด้วยโรคในกลุ่มนี้ได้รับสเตียรอยด์หรือแอสไพริน ตัวยาจะไปกระตุ้นให้เด็กเป็นอันตรายมากขึ้น ในกรณีเด็กมีไข้สูงมากกว่า 2 วันร่วมกับอาเจียน หรือหอบ เหนื่อย ซึม กระตุก ควรรีบพาไปพบแพทย์
ดังนั้น การเลือกใช้ยาลดไข้ในเด็กควรเลือกตัวยาที่ไม่มีอันตรายและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด เช่น ยาพาราเซตามอลซึ่งมีหลายรูปแบบ คือ ยาน้ำเชื่อมทั่วไปจะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 120 มิลลิกรัม ต่อ 5 ซีซี หรือ 1 ช้อนชา หรือแบบน้ำเชื่อมชนิดแขวนตะกอนจะมีปริมาณของตัวยาเท่ากับ 120 มิลลิกรัม และ 160 มิลลิกรัมต่อ 5 ซีซี หรือ 1 ช้อนชา ยาน้ำเชื่อมชนิดเข้มข้นประกอบด้วยตัวยาพาราเซตามอล 250 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนชา ยาน้ำเชื่อมแบบหยดมีปริมาณตัวยาเท่ากับ 10 มิลลิกรัม ต่อ 0.1 ซีซี ยาเม็ดสำหรับเด็กในหนึ่งเม็ดมีปริมาณตัวยาเท่ากับ 325 มิลลิกรัม


ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ     
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ทานอะไร..เข้าใกล้ “มะเร็ง”

พูดถึงโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในลำดับต้นๆของคนทั่วโลก ลองนึกดูเล่นๆนะคะว่า คนรู้จักรอบๆตัวเรา มีใครเป็นมะเร็งกันบ้างไหม? มั่นใจว่าเกินครึ่งของผู้อ่านคอลัมน์ "มุมสุขภาพ" นี้น่าจะตอบว่ามี และหลายรายอาจถึงขั้นสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป
สาเหตุใหญ่ของมะเร็งที่คุณหมอ และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างระบุว่าเป็นต้นตอใหญ่ๆ ของโรคนี้ ก็คืออาหารที่เรารับประทานกันเข้าไปนี่ล่ะค่ะ
ผู้เขียนเองมีคนรอบตัวที่ประสบเจ้าโรคร้ายนี้อยู่ด้วยกัน 5-6 คน พี่คนหนึ่งเธอทานปาท่องโก๋ที่ตลาดหน้าปากซอยบ้านเป็นประจำตั้งแต่สมัยเรียน ปัจจุบันเธอตรวจพบโรคมะเร็งลำไส้ ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัดและยาอีกมากมาย คุณหมอแจ้งว่า น้ำมันที่ใช้ทอดซ้ำนั่นแหละ ตัวอันตราย!!! เห็นไหมคะว่า การเลือกรับประทาน เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรใส่ใจและไม่ควรมองข้าม ผู้เขียนจึงนำข้อมูลว่าด้วยอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมาฝากให้อ่านกัน
มาดูกันนะคะ ว่าอาหารกลุ่มเสี่ยงที่มักชวนมะเร็งมาลงหลักปักฐานในร่างกาย ประเภทแรกคือ อาหารพวกปิ้ง ย่าง รมควัน โดยเฉพาะอาหารปิ้ง-ย่างประเภทที่มีไขมัน เช่น หมูปิ้งหมูย่าง ไก่ปิ้ง เนื้อย่าง เวลาปิ้งหรือย่างจะมีไขมันตกลงไปในถ่านที่กำลังแดง ทำให้เกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ก่อให้เกิดสารพิษที่เรียกว่า สารพีเอเอช หรือโพลีไซคลิก อะโรเมติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAH) ทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด เต้านม และกระเพาะอาหาร
ประเภทถัดมาคืออาหารไขมันสูง มีข้อมูลการวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าการกินอาหารที่มีไขมันสูงมากๆเป็นประจำ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันสูงบ่อยๆ หรือเป็นประจำ นอกจากเสี่ยงต่อโรคมะเร็งแล้วยังทำให้อ้วนและเกิดโรคอื่นๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด
อีกทั้งอาหารประเภทที่ใส่วัตถุเจือปน มีการปรุงแต่งสี กลิ่น หรือสารที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในอาหารล้วนเป็นสารก่อมะเร็งได้ ซึ่งสารเจือปนที่อนุญาตให้ใส่ในอาหารได้ ได้แก่ ดินประสิว (ไนเตรท, ไนไตรท์) สีผสมอาหาร เป็นต้น สำหรับวิธีการสังเกตอาหารที่เสี่ยงเจือปนดินประสิวด้วยตัวเองเบื้องต้นคือ แนะนำให้ดูที่สีสันของอาหาร อย่างพวกเนื้อเค็ม ปลาเค็ม กุนเชียง ไส้กรอก เบคอน และแหนม หากทิ้งไว้ข้ามวันแล้วสียังคงแดงสวย ถือว่าเข้าข่ายเจือปนดินประสิวอยู่ไม่น้อย
ขณะที่เรื่องการใช้สีผสมอาหาร หากเป็นผู้ผลิตอาหาร ก็ควรใช้สีที่ได้จากธรรมชาติซึ่งจะปลอดภัย ทั้งยังได้กลิ่นหอมจากพืชหรือสมุนไพรที่เรานำมาเป็นวัตถุดิบในการให้สีเพิ่มขึ้นด้วย แต่ถ้าผู้ผลิตขาดความรับผิดชอบ ใช้สีย้อมผ้าซึ่งให้สีเข้มและราคาถูกก็จะยิ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้นะคะ
สำหรับผัก ผลไม้ที่มียาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนอยู่ กินทุกวันๆ ร่างกายขับทิ้งไม่ทันก็เกิดการสะสม จนในที่สุดทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกันค่ะ เหมือนที่เตือนๆ ไปในบทความเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
อาหารจำพวกถั่วลิสง พริกแห้ง หอม กระเทียม ฯลฯ หากมีการปนเปื้อนของเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อราที่ชื่อ "แอสเปอจิลลัส เฟวัส" นั้นจะมีอันตรายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ เพราะเชื้อราชนิดนี้จะสร้างสารพิษอะฟล่าท็อกซินซึ่งทนทานต่อความร้อนสูงได้มากถึง 260 องศาเซลเซียส ดังนั้นความร้อนในอุณหภูมิที่เราใช้หุงต้มคือจุดเดือด 100 องศาเซลเซียสจึงไม่สามารถทำลายสารพิษชนิดนี้ได้
แม้แต่การกินอาหารดิบๆ สุกๆ ก็ไม่ปลอดภัยค่ะ เพราะเสี่ยงต่อการได้รับพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งพบมากในปลาน้ำจืดประเภทปลาเกล็ดขาว ปลาตะเพียน พยาธิชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายได้เมื่อเรากินปลาที่มีพยาธิและปรุงไม่สุก พยาธิจะทำให้ท่อน้ำดีและขั้วตับเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดีในตับได้ นอกจากนี้ยังมีพยาธิใบไม้ชนิดอื่นๆ ที่ทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ ซึ่งวิธีป้องกันคือกินอาหารที่ปรุงสุกทุกครั้ง
นอกจากนี้การกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากเกินไปก็ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ คือความเสี่ยงของมะเร็งจะเพิ่มขึ้นเมื่อกินเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเนื้อที่มีสีแดง ดังนั้นนักโภชนาการจึงแนะนำให้กินเนื้อสัตว์ที่มีสีขาว ซึ่งได้แก่เนื้อปลา มากกว่าเนื้อหมูหรือเนื้อวัวนะคะ
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ และบุหรี่ ก็เป็นตัวการส่งเสริมให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งได้แก่มะเร็งตับ และมะเร็งปอด ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการดื่มหรือการสูบลงก็จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้คะ
เคยอ่านเจอคำพูดของ องค์ทะไลลามะท่านกล่าวว่า "มนุษย์เรานี้ ยอมสูญเสียสุขภาพเพื่อทำให้ได้เงินมา แล้วต้องยอมสูญเสียเงินตราเพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพ" พวกเรายอมทำงานหนัก ในสังคมที่เร่งรีบ ทำให้หลายคนมองข้ามเรื่องสุขภาพ กินอะไรที่ง่ายและรวดเร็ว ไม่คำนึงถึงคุณค่าทางอาหารและไม่มีประโยชน์ เมินเฉยต่อการนอนหลับให้พอ สุดท้ายก็เอาเงินที่ได้จากงานหนัก มาหาหมอที่ดีๆ ยาดีๆ โรงพยาบาลดีๆ เพื่อการรักษา ทั้งที่จริง เราป้องกันมันได้ตั้งแต่แรก น่าคิดนะคะ


ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สารหนู สารก่อมะเร็งใกล้ตัว

ช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวน่าสนใจจากเครือข่ายผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา ที่ออกมาเรียกร้องให้สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอของสหรัฐจำกัดปริมาณสารหนูในผลิตภัณฑ์จากข้าวเจ้า หลังจากมีการตรวจพบว่ามีสารหนูอนินทรีย์ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในผลิตภัณฑ์จากข้าวชื่อดังหลายยี่ห้อมากกว่า 60 ตัวอย่าง ทั้งผลิตภัณฑ์จากข้าวขาวและข้าวกล้อง ซีเรียล แคร็กเกอร์ พาสต้าที่ทำจากข้าวและน้ำนมข้าว
เครือข่ายผู้บริโภคออกมาเตือนว่าตราบใดที่ยังไม่มีการออกกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน แนะนำให้เด็กทารกควรจะรับประทานซีเรียลเพียง 1 ครั้งต่อวันและไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ดื่มน้ำนมข้าวเป็นประจำทุกวัน ในขณะที่ผู้ใหญ่ไม่ควรกินข้าวมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยแนะนำให้กินธัญพืชอื่นๆ เป็นการทดแทน เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวสาลี เนื่องจากมีปริมาณสารหนูน้อยกว่า
อันว่าเจ้าสารหนูเป็นธาตุกึ่งโลหะพบได้ทั่วไปในธรรมชาติทั้งในน้ำ อาหารและดิน คนจีนใช้สารหนูเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรหลายชนิดมา 2-3 พันปีมาแล้วและใช้เป็นสารพิษที่ใช้ในการฆาตกรรมด้วย เรียกว่ามีทั้งคุณและโทษ สารหนูถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็งประเภทที่ 1 คือมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ มี 2 รูปแบบคือสารหนูอินทรีย์และสารหนูอนินทรีย์ สารหนูอินทรีย์จะผ่านเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วและไม่ค่อยเป็นอันตราย แต่สารหนูอนินทรีย์มีอันตรายมากกว่า ถ้าได้รับในปริมาณมากจะมีอาการพิษเฉียบพลันคือ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง กล้ามเนื้อเกร็งและเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยค่อยๆ สะสม จะมีอาการเรื้อรัง เช่น ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นจุดสีน้ำตาลกระดำกระด่าง  มีตุ่มตามฝ่ามือฝ่าเท้า มีปัญหาทางระบบหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบเลือด อวัยวะเป้าหมายที่สารหนูกระจายไปสะสมคือ เส้นผม ขน เล็บและสมอง ผู้ที่ได้รับสารหนูเข้าไปมักจะมีรอยแถบสีขาวบนเล็บมือและเล็บเท้าแสดงถึงการหยุดชะงักของการเจริญเติบโตของเล็บนั่นเอง
สารหนูจะขับถ่ายทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ภายใน 2-8 ชั่วโมงหลังจากที่ได้รับเข้าไป แต่ถ้ามีการสะสมไว้นานและได้รับในปริมาณมากอาจจะใช้ระยะเวลานานถึง 70 วัน สารหนูจึงจะหมดไปจากกระแสเลือด และที่สำคัญสารหนูสามารถรบกวนการทำงานทางชีวเคมีของสารพันธุกรรมดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ สารหนูจึงเป็นทั้งสารก่อการกลายพันธุ์และสารก่อมะเร็งด้วย โดยมีหลักฐานทางการแพทย์ว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอดและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
งานนี้คนไทยอาจจะชักสงสัยว่าข้าวเจ้าของไทยเราจะมีสารหนูปนเปื้อนอย่างที่เป็นข่าวหรือเปล่า ข่าวจากรอยเตอร์แจ้งว่าข้าวตัวอย่างจากไทยและอินเดียมีปริมาณสารหนูต่ำกว่าข้าวเจ้าที่ปลูกในสหรัฐ แต่ก็อย่าพึ่งไว้วางใจเพราะข้าวไทยที่ขายอยู่ในบ้านเรายังไม่มีตัวเลขระดับสารหนูมายืนยัน โดยเฉพาะข้าวกล้องเพราะในต่างประเทศพบว่ามีระดับสารหนูมากกว่าข้าวขาวเสียอีก เพราะสารหนูมันติดอยู่ที่ผิวนอกของเมล็ดข้าวกล้อง มันมาจากยาฆ่าแมลงที่ฉีดพ่นรวงข้าวนั่นแหละครับ...ขอบอก


ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ผักอีเลิดเป็นเลิศทางขับเสมหะ ยาประจำฤดูหนาว


ผักอีเลิด เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวอีสาน จัดเป็นผักริมรั้วที่มีแทบทุกบ้าน ปลูกง่าย เพียงใช้ไหลปักชำในพื้นที่ชื้นแฉะก็แตกยอดอย่างงาม นิยมนำมาประกอบอาหารพวกแกงคั่วหอย แกงเนื้อ หรือแกงอ่อม สำหรับเมนูยอดฮิตต้องยกให้เมี่ยงคำ  ผักอีเลิดเป็นหนึ่งในตัวยาไทยในพิกัดยาที่สำคัญอันเป็นตำรับต้านมะเร็ง
ผักอีเลิดมีอยู่ 2 แบบ คือ ชนิดที่เรียกว่าผักอีเลิด เป็นแบบเถา อีกชนิดจะเรียกว่าผักอีไร เป็นแบบเลื้อย แต่โดยส่วนใหญ่มักเรียกอีเลิด หรืออีเลิดอีไรไปเลย ในภาคกลางจะเรียกว่าช้าพลู หรือชะพลู ทางเหนือเรียกปูลิง หรือพลูนก ทางใต้เรียกนมวา เป็นพืชในวงศ์ Piperaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์Piper samentosum Roxb. ชื่อสามัญVariegatum
ผักสมุนไพรตัวนี้อยู่ในพิกัดยาตรีสาร ซึ่งเป็นยาพิกัดประจำฤดูหนาว ประกอบด้วยรากเจตมูลเพลิง เถาสะค้าน และรากช้าพลู และตำรับที่สำคัญอีกตำรับคือ เบญจกูล ซึ่งประกอบด้วย ดอกดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน รากเจตมูลเพลิง ขิง เป็นยารสร้อน สรรพคุณ กระจายกองลมและโลหิต แก้คูถเสมหะ แก้ลมพานไส้ บำรุงกองธาตุทั้ง 4 ยาตำรับเบญจกูลได้ถูกกล่าวถึงในแง่การนำมารักษาโรคมะเร็ง โดยแพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ และเมื่อแยกสมุนไพรแต่ละตัวนำไปวิจัยแล้ว พบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ตำรับยาเบญจกูล ได้มีการศึกษาวิจัยด้านฤทธิ์ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ อินทัช ศักดิ์ภักดีเจริญ และอรุณพร อิฐรัฐ พบว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็งปอด
จากงานวิจัยนี้ ทำให้เห็นว่าฤทธิ์ของรากช้าพลูที่ประจำอาโปธาตุ ประจำฤดูหนาว แก้เสมหะ น่าจะทำหน้าที่โดดเด่นเมื่ออยู่ในตำรับยาเบญจกูล
สำหรับตัวผักอีเลิดมีข้อมูลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดลงได้ จึงส่งเสริมให้นำไปใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างกว้างขวาง
เมื่อกล่าวถึงสถานะในผักแล้วผักอีเลิดก็ไม่เป็นรองใคร โดยเฉพาะเมนูเมี่ยงคำ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาหารและยาปรับธาตุที่ดีตามหลักการแพทย์แผนไทย นิยมใช้ใบอีเลิดและใบทอง หลาง ซึ่งเลือกได้ตามความชอบของผู้บริโภค
สรรพคุณของส่วนต่างๆ ตามบันทึก กล่าวว่า ดอก ทำให้เสมหะแห้ง ช่วยขับลมราก ขับเสมหะให้ออกมาทางระบบขับถ่าย ขับลมในลำไส้ ทำให้เสมหะแห้ง ต้นขับเสมหะในทรวงอก ใบ มีรสเผ็ดร้อน ทำให้เจริญอาหาร ขับเสมหะ
ทางโภชนาการพบว่า ผักอีเลิดมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก และแคลเซียมในอันดับต้นๆ ซึ่งช่วยในการมองเห็นหรือป้องกันโรคตาบอดกลางคืน หรือตาฝ้าฟาง และบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้ไม่แพ้ปลาเล็กปลาน้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งใดมีคุณก็ย่อมมีโทษเช่นกัน แคลเซียมที่มีในใบอีเลิดจะเปลี่ยนเป็นแคลเซียมออกซาเลท ซึ่งถ้าสะสมมากๆ อาจกลายเป็นนิ่วในไตได้ ฉะนั้นจะบริโภคเป็นประจำทุกวันไม่ได้ แทนที่จะได้กระดูกแข็งแรงสายตาดี ยังได้นิ่วในไตเป็นของแถมอีก ดังนั้นต้องบริโภคอย่างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่ถ้าบริโภคเยอะจะเน้นบริโภคคู่กับเนื้อสัตว์ ซึ่งจะช่วยในการย่อยได้ดี เราจึงมีเมนูอร่อยๆ อย่างแกงใส่หอยขม หรือแกงใส่เนื้อ
รับประทานเป็นผักสดก็อร่อยได้รสชาติ บ้างก็รับประทานกับลาบ น้ำตก เสริมรสเพิ่มกลิ่นหอมอย่างเอร็ดอร่อย หรือกับส้มตำมะละกอตามแบบฉบับอีสานรับรองอร่อยเหาะจริงๆ


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

วิจัยชี้เด็กต่างด้าวรับวัคซีนน้อย

วิจัยชี้เด็กต่างด้าวรับวัคซีนน้อย ไทยเตรียมหามาตรการแก้ไข
วิจัยชี้เด็กต่างด้าวรับวัคซีนน้อย ไทยเตรียมหามาตรการแก้ไข
น.ส.ศศิธร ศิลป์วุฒยา อาจารย์ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร กล่าวในเวทีนำเสนอผลงานวิจัยการคาดประมาณประชากรและการประเมินอนามัยแม่และเด็กของประชากรข้ามชาติใน กทม. ว่า การทำวิจัยครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยเจริญพันธุ์ของแม่และเด็ก ในพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเทพมหานคร โดยเน้นประชากรข้ามชาติ 3 สัญชาติ คือ พม่า ลาว และกัมพูชา พบว่า มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 10,233 คน ซึ่งมีความหนาแน่นอยู่ในเขตบางขุนเทียนและเขตบางบอนมากที่สุด โดยจะอยู่กันเป็นชุมชนต่างด้าว รองลงมาเป็นพื้นที่ตลาดในเขตคลองเตย บางแค และพระนคร พื้นที่โรงงานในเขตทุ่งครุ ภาษีเจริญ และหนองแขม
ด้านนางทัศนัย ขันตยาภรณ์ ผู้วิจัยจาก HCC เสนอผลการศึกษาอนามัยแม่และเด็กของหญิงต่างด้าวใน กทม.ว่า การศึกษาครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหญิงต่างด้าวที่มีสถานะอยู่กันเป็นคู่ 478 คน โดยพบว่า เป้าหมายการอพยพของประชากรกลุ่มนี้เพื่อทำงานหาเงินร้อยละ 72.2 มีการคุมกำเนิด โดยนิยมใช้ยาคุมกำเนิดมากที่สุด แต่พบว่ามีการคุมกำเนิดผิดพลาดสูงเช่นกัน และพบการตั้งครรภ์ร้อยละ 98.8 ทั้งนี้ การรับวัคซีนขั้นพื้นฐานมีการครอบคลุมของการรับวัคซีนในกลุ่มเด็กต่างด้าวแรกเกิด น้อยกว่าเด็กไทยถึง 1 ใน 3 ในช่วงอายุ 1-4 ขวบ ส่งผลต่อการควบคุมโรคติดต่อที่ป้องกันด้วยวัคซีน ทำให้ประเทศไทยต้องเตรียมหาแนวทางและมาตรการรองรับกับเรื่องดังกล่าวเพื่อทำการแก้ไข 



ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ผู้เชี่ยวชาญแนะเป็นพ่อแม่ต้องมั่นคงดุจดัง "ต้นไม้ใหญ่"

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ท่านที่เคยอยู่กับธรรมชาติ เชื่อว่า คงเคยปีนต้นไม้กันทุกคน ท่านสังเกตหรือไม่ว่าเมื่อเราจะปีนจากกิ่งโน้นไปกิ่งนี้ เราจะมีการพิจารณาก่อนว่าปลอดภัยพอหรือไม่ กิ่งไหนใหญ่มั่นคง เรามักกระโจนไปเหยียบหรือห้อยโหนโดยไม่กังวล กิ่งไหนเล็กกว่าหรือดูเปราะบาง เรามักจะทดสอบก่อนว่ากิ่งนั้นแข็งแรงพอจะรับน้ำหนักของเราหรือไม่ เรามักใช้เท้าแหย่ๆ ลองขย่มๆ ทิ้งน้ำหนัก 2-3 ครั้ง จนกว่าจะแน่ใจ เราจึงจะยอมปล่อยตัวจากกิ่งเดิม ข้ามมายังกิ่งนั้น หากกิ่งไม้นั้นส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดจะฉีกหัก เราก็จะไม่ยอมก้าวไปหา นั่นแสดงว่าคนเรามีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด และต้องการความปลอดภัยในชีวิต
พญ.ปราณี เมืองน้อย สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นเพิ่มเติมเรื่องนี้ไว้ว่า พฤติกรรมในการทดสอบความแข็งแรงมั่นคงของต้นไม้ ไม่ต่างกับการเลี้ยงลูก ที่ลูกมักทดสอบจิตใจพ่อแม่อยู่เสมอ ก่อนจะทำพฤติกรรมใดๆ ที่เสี่ยงอันตรายหรืออาจทำให้พ่อแม่โกรธ ไม่พอใจ ลูกมักจะมีสัญญาณ หรือท่าทีบางอย่างที่จะพยายามทดสอบพ่อแม่ว่าจะรับมือกับเขาอย่างไร จะรับมือกับเขาไหวหรือไม่ หากพ่อแม่หงุดหงิดใส่ ดุ หรือทำท่าไม่ยอมรับ เหนื่อยหน่าย สิ้นหวัง ลูกจะรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวพ่อแม่ อาจแสดงฤทธิ์เดชกับพ่อแม่มากขึ้น หรืออาจกลัวหงอไปเลย   
แต่หากพ่อแม่มีท่าทีสงบ มั่นคง หนักแน่น ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่ลูกทดสอบ ตลอดจนมีท่าทีที่ผ่อนคลาย อนุญาตให้เขาลองเรียนรู้จากสิ่งที่เขาทำบ้าง หากลูกผิดพลาดก็สอนและเปิดโอกาสให้แก้ไขใหม่ โดยไม่ตอกย้ำความผิดพลาดของลูกซ้ำๆ ลูกจะรับรู้ได้ว่าพ่อแม่เหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่หยั่งรากลึกอย่างมั่นคง และยังมีกิ่งก้านสาขาที่มั่นคงแข็งแรงพอจะรองรับพฤติกรรมเฮี้ยวๆ ของลูกจอมซนได้ ในอนาคตลูกคุณก็จะเติบโตเป็นต้นไม้ที่มั่นคงสำหรับครอบครัวใหม่ได้นั่นเองค่ะ


ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สธ.กรุงเก่าชวนเด็ก/ผู้หญิง ออกกำลังกาย-ดูแล'หัวใจ'

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระบุ 29 ก.ย. ของทุกปี กำหนดให้เป็นวันรณรงค์หัวใจโลก เพื่อสร้างกระแสให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงตระหนักถึงภัยอันตรายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
นพ.สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เผยว่า ในวันที่ 29 กันยายน ของทุกปี สมาพันธ์หัวใจโลกกำหนดให้เป็นวันรณรงค์หัวใจโลก และกำหนดคำขวัญของการรณรงค์ว่า One World, One Home, One Heart หรือหนึ่งคือหัวใจ อีกหนึ่งนัยคือบ้านเรา ทุกบ้านรวมกันได้ โลกทั้งใบ ใจเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงตระหนักถึงภัยอันตรายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพื่อการมีสุขภาพหัวใจที่ดี ซึ่งปัจจุบันพบว่าโรคหัวใจเป็นสาเหตุการตาย 1 ใน 3 ของผู้หญิงในแต่ละปี ในเด็กโรคหัวใจและหลอดเลือดสามารถเป็นได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาก่อนคลอด โดยในแต่ละปีจะมีจำนวนทารกแรกเกิด 1 ล้านคนทั่วโลก เป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด
"ทุกคนสามารถร่วมมือกันป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ เลือกรับประทานอาหารสุขภาพที่ดีต่อหัวใจ ซึ่งอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่สาเหตุของการเสียชีวิต ควรจำกัดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ควรออกกำลังกายเป็นเวลา 30 นาที 5 วันใน 1 สัปดาห์ หยุดการสูบบุหรี่ และหมั่นตรวจเช็กสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอด้วย"



ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

แนะ 7 วิธีห่างไกลโรคฉี่หนู

แพทย์ห่วงหน้าฝนโรคฉี่หนูระบาด เตือน 7 วิธีห่างไกลโรค
 
แนะ 7 วิธีห่างไกลโรคฉี่หนู
 
นางสาวพัชรา ศรีดุรงคธรรม หัวหน้ากลุ่มระบาดวิทยาและข่าวกรอง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่าในช่วงฤดูฝนของทุกปีมักมีการระบาดของโรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนู ซึ่งในบางพื้นที่มีน้ำท่วมหนักจะมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคฉี่หนูจากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ( พิษณุโลก  เพชรบูรณ์อุตรดิตถ์  ตาก และสุโขทัย ) พบว่าการระบาดของโรค มากขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี สำหรับในปี 2555 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายน พบผู้ป่วยแล้ว 31 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เปรียบเทียบกับปี 2554 ในช่วงเวลาเดียวกันพบผู้ป่วยสูงมากกว่า  และคาดว่าในเดือนสิงหาคม จนถึง พฤศจิกายน 2555 จะมีแนวโน้มการระบาดจะสูงขึ้น โดยกลุ่มเกษตรกรจะเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคฉี่หนูมากที่สุด เนื่องจากมีโอกาสการสัมผัสกับเชื้อโรคมากและบ่อยครั้งกว่า
 
เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคฉี่หนูคือเชื้อแบคทีเรีย"เลปโตสไปร่า"  อาศัยอยู่ในสัตว์พาหะเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู วัว ควาย สุนัข แมว แต่ที่สำคัญที่สุดคือ หนู  เชื้อนี้จะเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยโดยเข้าไปทางรอยแตกหรือแผลเล็กๆ บนผิวหนังหรือผิวหนังที่เปื่อยเมื่อแช่น้ำนานๆ และเยื่อบุที่อ่อนนุ่ม เช่น ตา จมูก ปากเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะใช้ระยะฟักตัว 5- 14 วัน จะเริ่มมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดน่อง ตาแดง ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากเชื้อโรคสามารถกระจายไปทั่วตัว จึงมีภาวะแทรกซ้อนได้หลากหลายระบบ ผู้ป่วยมักเสียชีวิตจากภาวะไตวาย ตับล้มเหลว ระบบหายใจล้มเหลว แต่หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยจากสาธารณสุขได้เร็วและได้รับยาปฏิชีวนะตามข้อกำหนดผู้ป่วยจะหายได้ โดยมีคำแนะนำการป้องกันโรค7 ประการดังนี้
 
1) ผู้ที่ทำงานเสี่ยงต่อโรค โดยเฉพาะเกษตรกรควรใช้ถุงมือ รองเท้าบู๊ท
 
2) หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือลุยน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อจากปัสสาวะ ถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือสวมถุงพลาสติกหนาหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบ
 
3) ควบคุมกำจัดหนูในบริเวณที่อยู่อาศัย บริเวณสถานที่ทำงาน แหล่งพักผ่อนท่องเที่ยว
 
4) ล้างท่อระบายน้ำที่อาจจะเป็นแหล่งปนเปื้อนเชื้อบ่อยๆ ไม่ปล่อยให้น้ำขัง
 
5) ควรเก็บอาหารไว้ในที่มิดชิดเพื่อป้องกันหนูถ่ายปัสสาวะรดใส่อาหาร
6) อาหารที่ค้างมื้อควรนำมาอุ่นให้ร้อนทุกครั้งก่อนรับประทาน7) ภาชนะที่ใส่อาหารควรล้างทำความสะอาดก่อนทุกครั้งนางสาวพัชรา กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีอาการชี้ชัดและมีประวัติเคยสัมผัสแช่น้ำในช่วง 1 เดือนก่อนจะมีอาการป่วย ควรรีบไปเข้ารับการตรวจรักษาที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยทันที ไม่ควรวินิจฉัยและรักษาเอง  หากมีข้อสงสัยติดต่อได้ที่ 1422
 
 
 
 
ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

30 ก.ย.นี้ กทม.ชวนคนกรุงรวมพลคนรักสุขภาพในงานมหกรรมสร้างสุขภาพ บนถนนสีลม

กทม.จัดมหกรรมสร้างสุขภาพคนกรุงเทพฯ รณรงค์ สร้างเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี ให้บริการตรวจและให้ความรู้เรื่องสุขภาพ พร้อมรับกล้าไม้ฟรี ที่ ถนนสีลมตั้งแต่แยกศาลาแดงไปจนถึงบริเวณสีลม ซอย 3 เวลา 09.00 – 18.00 น. 30 ก.ย.นี้
30 ก.ย.นี้ กทม.ชวนคนกรุงรวมพลคนรักสุขภาพในงานมหกรรมสร้างสุขภาพ บนถนนสีลม
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมสร้างสุขภาพคนกรุงเทพฯ 2555” (Bangkok Health Day) ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมกันจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2555 ระหว่างเวลา 09.00 – 18.00 น. บนถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดงไปจนถึงบริเวณสีลม ซอย 3 โดยมีกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพมากมาย ประกอบด้วย กิจกรรมด้านสุขภาพ ได้แก่ 1.กิจกรรมเดินเพื่อสุขภาพรณรงค์สร้างสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพื่อคนกรุงเทพฯ 2.หน่วยบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งให้บริการ ฟรี อาทิ การตรวจคัดกรองสุขภาพ ตรวจมวลสารในร่างกายด้วยเครื่อง Body Composition บริการทันตกรรม เอกซเรย์ปอด ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก ตรวจการได้ยิน บริการตรวจคุณภาพอาหารและหาสารปนเปื้อนในอาหาร กิจกรรมสร้างสุข ให้ความรู้เรื่องการป้องกันการติดยาเสพติด บริการคลายเครียด ส่งเสริมสุขภาพจิต ให้ความรู้สุขภาพโดยตู้เรียนรู้ทางสุขภาพด้วยระบบสัมผัส (Health Kiosk) การทดสอบสมรรถภาพทางกาย นวดเพื่อสุขภาพ และให้คำดูแลสุขภาพด้านต่างๆ 3.นิทรรศการ “บ้านเพื่อสิ่งแวดล้อม” ให้ความรู้ในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมให้กรุงเทพฯ สะอาดร่มรื่น น่าอยู่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนวคิด Clean & Green นิทรรศการ แม่มีสุข ลูกแข็งแรง Happy Mom Health Baby เมืองสุขภาพดีและยาเสพติด 4.บริการสัตวแพทย์เคลื่อนที่ ให้บริการฉีดไมโครชิพ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และทำหมันสุนัขและแมว (ต้องงดให้น้ำและอาหารแก่สุนัขและแมวที่จะทำหมันมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง) 5.กิจกรรมด้านความปลอดภัย การลดใช้พลังงานด้วยการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ การอนุรักษ์น้ำ 6.กิจกรรมด้านสุขภาพเพื่อความบันเทิง โดยคัดสรรกิจกรรมที่คนกรุงเทพฯ สามารถฝึกฝนด้วยตนเองที่บ้าน เช่น การสาธิตการฝึกโยคะ การแสดงเทควันโด การเต้นฮูลาฮูป การแสดงรำมวยไทย การสาธิตรำมวยไทเก๊ก การเต้นแอโรบิก/บอดี้คอมแบต เป็นต้น และชมการแสดงสาระบันเทิงอื่นๆ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพกว่า 100 ร้าน พร้อมรับกล้าไม้ฟรีในงานด้วย
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำโครงการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง ดำเนินการตรวจคัดกรอง เจาะเลือดเพื่อหาปริมาณน้ำตาลในเลือดและวัดความดันโลหิต ให้กับประชาชนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปหรือผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง รวมทั้งให้ความรู้ คำปรึกษาแนะนำแก่กลุ่มเสี่ยงในการดูแลสุขภาพเพื่อลดโอกาสการเกิดโรค รวมทั้งจัดหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการเชิงรุกถึงชุมชนครอบคลุมทั้ง 50 เขตด้วย



ที่มา : กองประชาสัมพันธ์ กทม.
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ช็อกโกแลตมีฤทธิ์เหมือนยาเสพติด ทำให้เกิดความอยากได้เหมือนกัน

นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมิชิแกนแห่งสหรัฐฯ พบว่าช็อกโกแลตก็ทำให้เสพติดได้เหมือนกับยาเสพติด พอถึงเวลาจะเกิดความกระหายอยากขึ้นมาอีก
พวกเขาพบว่า มันมีฤทธิ์กับสมองเหมือนกับฝิ่น ไปทำให้สมองขับสารเคมีชนิดหนึ่งออกมา เมื่อกินช็อกโกแลตเข้าไป
นักวิทยาศาสตร์ยังชี้ให้เห็นผลการค้นพบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยาเสพติดมีความคล้ายคลึงกับความอ้วน ตรงที่สมองส่วนที่แสดงปฏิกิริยา เมื่อพบเห็นอาหาร เป็นส่วนเดียวกันกับที่เมื่อผู้เสพติดเห็นการเสพยาเสพติดเข้า


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

หลากประโยชน์ของไข่

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

"ไข่" เป็นอาหารที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ไข่มีสารอาหารหลายชนิด ไข่ขาวมีโปรตีนสูง มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่วนไข่แดงก็มีสารอาหารหลายชนิด ทั้งโปรตีน ไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว จึงช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ไข่มีวิตามินแทบทุกชนิด ยกเว้นวิตามินซี
นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุสูง เช่น กรดโฟลิก ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโลหิตจาง และมีคุณค่าเทียบเท่าธาตุเหล็กในเนื้อสัตว์แต่เคี้ยวและย่อยง่ายกว่า นอกจากนี้ยังมีโคลีนซึ่งช่วยเสริมสร้างความจำ ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี จึงควรส่งเสริมให้เด็กรับประทานไข่ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง
การทำอาหารจากไข่ให้เด็กรับประทานต้องระวังเรื่องเชื้อโรคที่มักปนเปื้อนมากับไข่คือ ซาลโมเนลลา ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย โดยเชื้อนี้อาจปนเปื้อนมา 2 ทางคือ แม่ไก่ป่วยติดเชื้อแล้วถ่ายเชื้อไปฝังในไข่แดง และเปลือกไข่มีเลือดหรืออุจจาระปนเปื้อนขณะเก็บไข่
การเลือกไข่จึงควรเลือกฟองที่เปลือกผิวสะอาด หรือทำความสะอาดเปลือกไข่ก่อนเก็บทุกครั้ง ควรเก็บไข่ไว้ในตู้เย็น เนื่องจากเชื้อซาลโมเนลลาเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิห้อง แต่ไม่ค่อยเจริญเติบโตในที่เย็น สามารถเก็บไข่ได้นานถึง 3 สัปดาห์โดยไม่เสีย เมื่อนำมาปรุงอาหารควรปรุงสุกทุกครั้งเพื่อทำลายเชื้อโรค หลีกเลี่ยงการรับประทานไข่ดิบหรือไข่ลวก เพราะไม่สามารถทำลายเชื้อโรคได้หมด
แม้ว่าไข่จะมีคุณค่าและสารอาหารหลากหลาย แต่ก็มีโคเลสเตอรอล ไข่ฟองเล็กมีโคเลสเตอรอลสูงกว่าฟองใหญ่เมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน จึงควรเลือกรับประทานไข่ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ไข่เป็ด ไข่ไก่ มากกว่าไข่ฟองเล็ก เช่น ไข่นกกระทา
ไข่สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ไข่ต้ม  ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ สลัดไข่ ยำไข่ ซึ่งมีปริมาณไขมันน้อยกว่าไข่ดาว  ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ดังนั้น เมนูไข่ที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ขนมปัง ไข่ดาว พร้อมเบคอน ไส้กรอก เพราะมีปริมาณไขมันและแคลอรีสูง เกิดผลเสียต่อสุขภาพ


ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข 
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สังคมไทยน่าห่วง ผู้หญิงนิยมเสพ “ไอซ์” หวัง ขาว ผอม สวย ยอดบำบัดปี 55พุ่งเป็น 1.7 หมื่นราย

กรมการแพทย์ เผยปัจจุบัน สังคมไทยเผชิญกับหายนะยาเสพติดตัวใหม่ “ไอซ์" ที่ผู้ขายใช้กลยุทธ์ชวนเชื่อว่า เป็นยาเสพติดชั้นสูง ผู้เสพไม่อันตรายไม่ติด แต่ช่วยให้ หุ่นดี ผอม ขาวสวย ซึ่งความจริง “ไอซ์” เป็นยาเสพติดที่มีฤทธิ์ร้ายแรงทำลายสมอง ยอดการบำบัดจาก 243 ราย ในปี 2551 พุ่งทะลุเป็น 17,100 ราย ในปี 2555
แพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังการมอบใบกิตติกรรมประกาศแก่จังหวัดที่มีผลงานดีเด่นด้านการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดดีเด่นของประเทศ ภายในงานประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 13 “ร่วมแรง ร่วมใจ ฝ่าวิกฤติยาบ้า ไอซ์ ด้วยพลังแผ่นดิน” ว่าปัญหายาเสพติด ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ต้องเร่งบำบัดโดยด่วน เพื่อให้ผู้เสพติดมีโอกาสหายและเลิกยาได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพ ของสถาบันธัญญารักษ์ ว่าตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554 ถึง 30 มิถุนายน 2555 มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาทั่วประเทศ จำนวน 192,283 คน จากการคาดประมาณผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดทั่วประเทศมีมากกว่า 1 ล้านคน
ที่น่าเป็นห่วงคือสัดส่วนการเสพยาไอซ์ในผู้หญิงเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดิม 2-3% เมื่อเทียบกับสัดส่วนการใช้ยาบ้า แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ของผู้หญิงที่ใช้ยาเสพติดทุกประเภท และ 15% ในผู้ชาย ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงที่เสพยาไอซ์เพิ่มขึ้นเพราะหลงเชื่อจากคำชักจูงว่าเสพยาไอซ์แล้วจะช่วยให้ผิวขาว หุ่นดี สวย จึงถือว่าถูกหลอก เพราะยาไอซ์ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว แต่เป็นยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้ผู้เสพเกิดอาการทางจิตประสาท หูแว่ว เห็นภาพหลอน อารมณ์รุนแรง ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น บางรายถึงฆ่าตัวตาย
นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาไอซ์ไม่ได้มีโครงสร้างหรือองค์ประกอบใด ที่จะช่วยให้ผู้เสพมีผิวขาวใส หุ่นดี ยาไอซ์เป็นเพียงยาบ้าชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกัน โดยยาบ้าเป็นสารเสพติดที่มีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน คาเฟอีน แป้ง สารหนู ฯลฯ แต่ยาไอซ์สกัดจนได้เมทแอมเฟตามีน 100 % ทำให้เสพติดง่าย ออกฤทธิ์รุนแรงกว่ายาบ้า 10 เท่า ยาไอซ์มีลักษณะเป็นเกล็ดผลึกโปร่งใสคล้ายกระจก หรือน้ำแข็ง ผสมสีฟ้า ชมพู เขียว มีชื่อเรียกในกลุ่มผู้เสพว่า คริสตัลเมธ ชาบู แคร็งค์ ทวีค และทิน่า การเสพยาไอซ์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลง มีรายงานทางวิชาการซึ่งยืนยันโดยภาพภ่ายจาก MRI เปรียบเทียบให้เห็นผลก่อนและหลังได้รับยาไอซ์ ว่าการเสพยาไอซ์และยาบ้า สารเคมีในตัวยาเหล่านั้นจะทำลายเซลล์สมอง พบการติดสี ซึ่งแสดงว่าเส้นเลือดไปถึงบริเวณนั้นๆ แตกต่างกัน จึงยืนยันได้ว่าการเสพยาไอซ์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดหดตัวและตีบ ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงร่างกายและสมองทำให้เซลล์บางส่วนตาย ทำให้ผู้หญิงที่เสพยาไอซ์มีผิวซีด สมองสั่งงานช้า มีอาการเบลอ หลงๆลืมๆ และหากเป็นหญิงที่ตั้งครรภ์จะมีผลกระทบต่อสติปัญญาของทารกในครรภ์ เด็กเกิดมาไอคิวต่ำ หรือปัญญาอ่อนได้
จึงขอเตือนผู้หญิงหากต้องการสวย สุขภาพดี ควรดูแลสุขภาพ ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม พักผ่อนอย่างพอเพียง ทำจิตใจให้เบิกบาน ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ผู้หญิงสวยและสุขภาพผิวดีได้


ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สธ.เผยมีผู้ป่วยจากน้ำท่วมแล้วกว่า 2 หมื่นคน

สธ.เผยมีผู้ป่วยจากสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว 26,000 คน
สธ.เผยมีผู้ป่วยจากสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว 26,000 คน
น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานองค์กรสมาคมต่างๆ ร่วมในพิธีวันมหิดล ตรงกับวันที่ 24 กันยายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงมีคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุข
ทั้งนี้ น.พ.ไพจิตร์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน 14 จังหวัดขณะนี้ ว่า มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 6 แห่ง ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ไม่เสียหายมากนักและจากการออกหน่วยแพทย์มีประชาชนเจ็บป่วยแล้ว 26,000 คน ส่วนใหญ่ป่วยไข้หวัด น้ำกัดเท้าและมีประชาชนเป็นโรคเครียดและต้องติดตามดูแลเป็นพิเศษ 38 คน ส่วนใหญ่มีอาการหวาดระแวง และกังวลกับสถานการณ์น้ำท่วม
สำหรับประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยจากไข้หวัด ขอให้ระมัดระวังตนเอง อย่าได้ตากฝน หากได้รับละอองฝนหรือร่างกายเปียกชื้น ควรทำร่างกายให้อบอุ่น


ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

คร.เร่งรณรงค์ป้องกันวัณโรค ลดอัตราเสียชีวิตไม่เกิน 5% ในปี59

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า  WHO จัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง ซึ่งในปี 2554 สถานการณ์วัณโรคของประเทศไทย มีความชุก คือ 182/100,000 ประชากร หรือประมาณ 130,000 ราย
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วัณโรคเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง ซึ่งในปี 2554 WHOได้คาดประมาณสถานการณ์วัณโรคของประเทศไทย มีความชุก คือ 182/100,000 ประชากร หรือประมาณ 130,000 ราย มีอัตราอุบัติการณ์การเกิดวัณโรครายใหม่ คือ 137/100,000 ประชากร หรือประมาณ 94,000 ราย และอัตราตาย 16/100,000 ประชากร หรือประมาณ 11,000 ราย และรวมถึงผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานในแต่ละปีของประเทศไทย มีจำนวน 1,920 ราย
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานควบคุมวัณโรคในประเทศไทยได้มีมานานแล้ว โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เห็นได้จากหลักฐานสำคัญที่ปรากฏมาจนทุกวันนี้คือ บทความเกี่ยวกับวัณโรคชื่อ “โรคทุเบอร์คุโลสิส” ที่ได้ทรงสนพระทัยและนิพนธ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2463 และได้มีพระราชหัตถเลขา ลงวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ถึงหลวงนิตย์ เวชช์วิศิษฐ์ มีพระราชปรารภตอนหนึ่งว่า “TB มีมากเต็มที และไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีโรงพยาบาลพิเศษหรือ Sanatorium สำหรับรักษารายที่ไม่หนักนัก การเรื่อง TB นั้นทำให้ฉันสนใจมาก อยากให้มี Anti TB Society” ด้วยสำนึกและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ เนื่องในโอกาสวันมหิดล วันที่ 24 กันยายน 2555 กรมควบคุมโรค จึงมีกิจกรรมและดำเนินการเพื่อเร่งรัดงานวัณโรคอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังที่จะลดความรุนแรงและป้องกันการแพร่ระบาดของวัณโรคให้มากที่สุด
จากผลการดำเนินงานในปี 2553 พบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่เสมหะพบเชื้อ มีอัตราความสำเร็จในการรักษาร้อยละ 87 และพบปัญหาการเสียชีวิตร้อยละ 7 และขาดยาร้อยละ 3 ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีอัตราความสำเร็จในการรักษาร้อยละ 85 การเสียชีวิตร้อยละ 8 และขาดยาร้อยละ 5 เนื่องจากในปีดังกล่าว สธ.มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินงานด้านวัณโรคอย่างเข้มข้น โดยมีกิจกรรมเพื่อเร่งรัดการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก วินิจฉัยและรักษาให้เร็ว มีการพัฒนาคุณภาพกลวิธีการรักษาด้วยระบบยาระยะสั้นแบบมีพี่เลี้ยง (DOT) โดยมีพี่เลี้ยงทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตขณะผู้ป่วยกลืนยา เพื่อให้ผู้ป่วยวัณโรครับประทานยาสม่ำเสมอและครบถ้วน เป็นการป้องกันเชื้อวัณโรคดื้อยาด้วย โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญ คือ ลดการเสียชีวิตน้อยกว่าร้อยละ 5 ลดการขาดยาเป็นศูนย์ ภายในปี 2559 โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนดำเนินการตามกิจกรรมหลัก ดังนี้
 1. เร่งรัดคัดกรอง ค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง เช่น ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์ กลุ่มผู้สัมผัสร่วมบ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง เบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการโดยเร็ว ตัดวงจรการแพร่เชื้อ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิต
2. ให้ผู้ป่วยวัณโรคมีโอกาสเข้าถึงการรักษาตามมาตรฐานทุกราย ให้การสนับสนุน ควบคุมกำกับ ติดตามเพื่อลดปัญหาการขาดยา
3. พัฒนาเทคโนโลยีการวินิจฉัยวัณโรคที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการวินิจฉัยวัณโรคดื้อยา
4. สร้างเครือข่ายเสริมสร้างความรู้เรื่องวัณโรคสู่ภาคประชาชน
 “คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป ในการสังเกตอาการของวัณโรค โดยอาการจะเริ่มจากไอเรื้อรังเกินกว่า 2 อาทิตย์ มีไข้ต่ำๆ ในช่วงบ่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด ซึ่งประชาชนมักเข้าใจผิดว่าป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงมักซื้อยามากินเอง และอาการของโรคนี้จะไม่รุนแรง ยังทำงานได้ปกติ จึงทำให้เชื้อโรคแพร่ไปสู่คนอื่นได้ โดยเชื้อนี้จะอยู่ในเสมหะ ลอยไปในอากาศ หากพบผู้ที่มีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพาไปโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยใกล้บ้านเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาให้เร็วที่สุด หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0 2590 3333” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว



ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ 
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

แป๊ะก๊วยเป็นพืชที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 270 ล้านปีก่อน

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

ทุกครั้งที่พูดถึงคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคความจำเสื่อม เราจะนึกถึงพรรณไม้ชนิดหนึ่ง นั่นคือต้นแป๊ะก๊วย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gingko biloba L. เป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศจีน แถบภูเขาด้านตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้
ลักษณะพิเศษ
จะผลัดใบไม่พร้อมกันทุกต้น แต่เมื่อผลัดใบ ใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วร่วงหล่นทั้งต้นภายในไม่กี่วัน
แป๊ะก๊วยเป็นพืชที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 270 ล้านปีก่อน ถือกำเนิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน เมื่อประมาณ 290 ล้านปี มาแล้ว และมีชีวิต ต่อมาในมหายุคมี โซโซอิก ในสมัยเดียวกับไดโนเสาร์ จึงเป็นอาหารของไดโนเสาร์กินพืช
แป๊ะก๊วย มีความหมายว่า
"ลูกไม้สีเงิน" ชื่อดั้งเดิมในภาษาจีนเรียกว่า ต้น "หยาเจียว" แปลว่าตีนเป็ด ดูจากลักษณะใบคล้ายตีนนกเป็ดน้ำ
สารที่สกัดได้จากใบแป๊ะก๊วยมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตาได้ เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปสู่สมอง ปลายมือปลายเท้า ใช้รักษาโรคความจำเสื่อม โรคซึมเศร้า อาการหลงๆ ลืมๆ อันเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอในผู้ป่วยสูงอายุ
ผลแป๊ะก๊วยที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจีนหลากหลายชนิด มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก



ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน โดย แมนวดี
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เป็นไมเกรนต้องเลี่ยงอะไร

ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดไมเกรนมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย ที่ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงมีดังต่อไปนี้ 
 
เป็นไมเกรนต้องเลี่ยงอะไร
 
1. อาหารที่มีสารกระตุ้นอาการเริ่มแรกของไมเกรน เช่น ไนไทรต์ ซึ่งพบในเบคอน ฮอตดอก และเนื้อหมัก ไทรามีน พบในไวน์แดง ตับไก่ อาหารที่ใช้ยีสต์ แทนนิน พบมากในถั่วเปลือกแข็ง น้ำแอปเปิล องุ่น เบอร์รี่ ชา กาแฟ และไวน์แดง ซัลไฟต์ ที่ใช้ในการหมักไวน์และผลไม้แห้ง โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือผงชูรส นอกจากนั้นแล้วยังมีช็อกโกแลต เนยแข็ง อาหารทอด และผลไม้จำพวกส้ม
 
2. น้ำตาลในเลือดต่ำ เนื่องจากหิวหรือกินอาหารคาร์โบไฮเดรตขัดขาวมากเกินไป
 
3. อยู่ในภาวะขาดน้ำ
 
4. ความเครียด และความวิตกกังวล รวมถึงอาการช็อก
 
5. นอนหลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
 
6. อยู่ในที่ที่แสงจ้า หรือได้รับแสงจ้าเกินไป
 
7. อยู่ในสถานที่หรือได้รับฟังเสียงดัง
 
8. การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือฤดูกาล อากาศแห้งหรือลมร้อนแห้ง
 
9. การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายหรือการกินยาคุม
 
 
 
 
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามดารา
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

คร.เร่งรณรงค์ป้องกันวัณโรค ลดอัตราเสียชีวิตไม่เกิน 5% ในปี59

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า  WHO จัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง ซึ่งในปี 2554 สถานการณ์วัณโรคของประเทศไทย มีความชุก คือ 182/100,000 ประชากร หรือประมาณ 130,000 ราย
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วัณโรคเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง ซึ่งในปี 2554 WHOได้คาดประมาณสถานการณ์วัณโรคของประเทศไทย มีความชุก คือ 182/100,000 ประชากร หรือประมาณ 130,000 ราย มีอัตราอุบัติการณ์การเกิดวัณโรครายใหม่ คือ 137/100,000 ประชากร หรือประมาณ 94,000 ราย และอัตราตาย 16/100,000 ประชากร หรือประมาณ 11,000 ราย และรวมถึงผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานในแต่ละปีของประเทศไทย มีจำนวน 1,920 ราย
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานควบคุมวัณโรคในประเทศไทยได้มีมานานแล้ว โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เห็นได้จากหลักฐานสำคัญที่ปรากฏมาจนทุกวันนี้คือ บทความเกี่ยวกับวัณโรคชื่อ “โรคทุเบอร์คุโลสิส” ที่ได้ทรงสนพระทัยและนิพนธ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2463 และได้มีพระราชหัตถเลขา ลงวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ถึงหลวงนิตย์ เวชช์วิศิษฐ์ มีพระราชปรารภตอนหนึ่งว่า “TB มีมากเต็มที และไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีโรงพยาบาลพิเศษหรือ Sanatorium สำหรับรักษารายที่ไม่หนักนัก การเรื่อง TB นั้นทำให้ฉันสนใจมาก อยากให้มี Anti TB Society” ด้วยสำนึกและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ เนื่องในโอกาสวันมหิดล วันที่ 24 กันยายน 2555 กรมควบคุมโรค จึงมีกิจกรรมและดำเนินการเพื่อเร่งรัดงานวัณโรคอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังที่จะลดความรุนแรงและป้องกันการแพร่ระบาดของวัณโรคให้มากที่สุด
จากผลการดำเนินงานในปี 2553 พบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่เสมหะพบเชื้อ มีอัตราความสำเร็จในการรักษาร้อยละ 87 และพบปัญหาการเสียชีวิตร้อยละ 7 และขาดยาร้อยละ 3 ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีอัตราความสำเร็จในการรักษาร้อยละ 85 การเสียชีวิตร้อยละ 8 และขาดยาร้อยละ 5 เนื่องจากในปีดังกล่าว สธ.มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินงานด้านวัณโรคอย่างเข้มข้น โดยมีกิจกรรมเพื่อเร่งรัดการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก วินิจฉัยและรักษาให้เร็ว มีการพัฒนาคุณภาพกลวิธีการรักษาด้วยระบบยาระยะสั้นแบบมีพี่เลี้ยง (DOT) โดยมีพี่เลี้ยงทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตขณะผู้ป่วยกลืนยา เพื่อให้ผู้ป่วยวัณโรครับประทานยาสม่ำเสมอและครบถ้วน เป็นการป้องกันเชื้อวัณโรคดื้อยาด้วย โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญ คือ ลดการเสียชีวิตน้อยกว่าร้อยละ 5 ลดการขาดยาเป็นศูนย์ ภายในปี 2559 โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนดำเนินการตามกิจกรรมหลัก ดังนี้
 1. เร่งรัดคัดกรอง ค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง เช่น ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์ กลุ่มผู้สัมผัสร่วมบ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง เบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการโดยเร็ว ตัดวงจรการแพร่เชื้อ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิต
2. ให้ผู้ป่วยวัณโรคมีโอกาสเข้าถึงการรักษาตามมาตรฐานทุกราย ให้การสนับสนุน ควบคุมกำกับ ติดตามเพื่อลดปัญหาการขาดยา
3. พัฒนาเทคโนโลยีการวินิจฉัยวัณโรคที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการวินิจฉัยวัณโรคดื้อยา
4. สร้างเครือข่ายเสริมสร้างความรู้เรื่องวัณโรคสู่ภาคประชาชน
 “คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป ในการสังเกตอาการของวัณโรค โดยอาการจะเริ่มจากไอเรื้อรังเกินกว่า 2 อาทิตย์ มีไข้ต่ำๆ ในช่วงบ่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด ซึ่งประชาชนมักเข้าใจผิดว่าป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงมักซื้อยามากินเอง และอาการของโรคนี้จะไม่รุนแรง ยังทำงานได้ปกติ จึงทำให้เชื้อโรคแพร่ไปสู่คนอื่นได้ โดยเชื้อนี้จะอยู่ในเสมหะ ลอยไปในอากาศ หากพบผู้ที่มีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพาไปโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยใกล้บ้านเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาให้เร็วที่สุด หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0 2590 3333” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว



ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ 
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks