น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

ยืดชีวิตให้ยืนยาวได้ อย่าดูทีวีนานเกินกว่าวันละ 2 ชม.

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นักวิจัยทางการแพทย์สหรัฐฯ กล่าวแนะนำคนอเมริกันว่า ถ้าหากอยากยืดอายุตนเองให้ยาวออกไปอีก 2 ปี ก็อย่าขืนนั่งดูทีวีให้นานเกินวันละ 3 ชม. หรือต้องการ ให้อายุยืนแค่ 1 ปีกับอีก 4 เดือน ก็อย่านานเกินกว่าวันละ 2 ชม.
นักวิจัยของศูนย์วิจัยชีวเวช เพนนิงตันได้พบในการศึกษา คนอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่ใช้เวลาแบบนั่งๆ นอนๆ มากถึงวันละประมาณ 7.7 ชม. เท่ากับใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ “ทั้งที่มีหลายวิธีที่จะลดการนั่งจ่อมอยู่ให้น้อยลง อย่างเช่น ยืนทำงานให้มากขึ้น หรือใช้โต๊ะที่จะต้องยืนทำ ยืนประชุมกัน ลงบันไดไปหาคนข้างล่าง แทนการส่งข้อความ”
นักวิจัยปีเตอร์ คัตซ์มาร์ซิก ยังได้เปิดเผยผลร้ายของการนั่งนานว่า เมื่อตอนเรานั่ง เราจะไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อขา ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกายเลย ทำให้ไม่ได้ลดปริมาณน้ำตาลและไขมันลง ผลการศึกษาส่อว่า การนั่งหรือดูทีวีนาน อาจจะทำให้อายุขัยของคนอเมริกันสั้นลงได้


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

'เต้นบัลเลต์-กระโดดเชือก' ช่วยพัฒนาสมอง เสริมหัวใจให้แข็งแรง

การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อ ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะสมอง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหวรวมทั้งรักษาสมดุลภายในร่างกาย ขณะที่ หัวใจ ก็ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้น ทั้ง สมอง และหัวใจจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่ง และควรได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีที่สุด วันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีรูปแบบกีฬา และการออกกำลังกายที่ช่วยพัฒนาสมองให้ฉับไวและเสริมหัวใจให้แข็งแรงมาฝากกัน ด้วยค่ะ

'เต้นบัลเลต์-กระโดดเชือก' ช่วยพัฒนาสมอง เสริมหัวใจให้แข็งแรง

การเต้นบัลเลต์เป็นกีฬาที่น้อยคนนักจะทราบว่าเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยพัฒนาร่างกายและสมองไปในคราวเดียวกัน โดย อ.ดาริณี ชำนาญหมออาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ความรู้ถึงประโยชน์ของการเต้นบัลเลต์ว่า เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีแบบแผนและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยผู้ฝึกต้องจัดระเบียบร่างกายและกล้ามเนื้อให้ถูกต้องตามหลัก เมื่อฝึกต่อเนื่องเป็นเวลานานร่างกายจะสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา ซึ่งการฝึกบัลเลต์ช่วยพัฒนาสมองของผู้ฝึกทั้งด้านความจำและสมาธิ เนื่องจากเป็นการเต้นที่มีท่าทางตายตัว ผู้ฝึกจึงต้องจดจำท่าทางให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีสมาธิและสติเพื่อรับรู้ว่าจัดระเบียบร่างกายได้ถูกต้อง หรือไม่ เมื่อมีสมาธิดี ก็ย่อมทำให้เรียนรู้ได้ไวจดจำสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น อีกทั้งขณะฝึกบัลเลต์ยังได้ฟังเพลงคลาสสิก ซึ่งมีผลวิจัยออกมาว่ามีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองและเพิ่มไอคิวได้ เคล็ดลับสำหรับการฝึกบัลเลต์ในผู้ใหญ่ให้ได้ผลก็คือ ต้องมีความเชื่อว่าตัวเองสามารถทำได้ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ หมั่นฝึกฝนเป็นประจำ และมีความอดทนในการฝึก หากอยากมีสมองที่ฉับไว ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็สามารถฝึกบัลเลต์ได้เพียงแต่อาจใช้เวลาในการ พัฒนาต่างกัน

สำหรับกีฬาที่ช่วยเสริมหัวใจให้แข็งแรง คือ การกระโดดเชือก เป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับทั้งจากประเทศไทยและทั่วโลกว่าสามารถสร้างสุขภาพ ได้จริง ซึ่งจะเห็นได้จากการตั้งชมรมหรือสมาคมกระโดดเชือกในนานาประเทศ รวมไปถึงมีการจัดให้มีการแข่งขันในระดับนานาชาติทั้งในรูปแบบกระโดดคนเดียว และกระโดดพร้อมกันครั้งละหลาย ๆ คน โดย พล.อ.นพ.ประวิชช์ ตันประเสริฐ ประธานโครงการกระโดดเชือกทางเลือกเยาวชนพ้นโรคหัวใจมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ คำแนะนำว่า การกระโดดเชือกเป็นการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงและใช้กล้ามเนื้อ เช่น แขน ขา อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้หัวใจเต้นช้าลง สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ครั้งละปริมาณมาก จึงทำให้ปอดขยาย และกักเก็บออกซิเจนได้มากขึ้น นอกจากนี้การกระโดดเชือกยังเป็นการออกกำลังกายที่ต้องอาศัยการทรงตัวที่ดี เมื่อกระโดดเชือกเป็นเวลานาน จึงยิ่งส่งเสริมให้ร่างกายมีการทรงตัวที่ดี และช่วยลดปัญหาหกล้มหรือเดินเซ เมื่อเข้าสู่วัยชราได้ อีกทั้งในขณะที่กระโดดเชือกสายตาและเท้าต้องทำงานประสานกันตลอดเวลา จึงเป็นการเพิ่มความคล่องแคล่ว ว่องไว ให้แก่ระบบประสาทได้เป็นอย่างดี







ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์โดย ทีมวาไรตี้

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

รู้ทันป้องกัน..โรคหัวใจขาดเลือด


สถานการณ์ โรคหัวใจขาดเลือดของคนไทย ปี 2553 พบเสียชีวิตประมาณวันละ 35 คน ส่วนป่วยที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคนี้ในรอบ10 ปีที่ผ่านมา พบเพิ่มขึ้น 3.6 เท่าตัว

รู้ทัน..โรคหัวใจขาดเลือดกันก่อน

ของ หลอดเลือด มีไขมันมาสะสมพอกตัวหนาขึ้น ทำให้หลอดเลือดตีบและแข็งตัวจนกระทั่งรูสำหรับการไหลเวียน เลือดตีบตันลงไป เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ เป็นผลให้ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหากหลอดเลือดแดง ตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด แบ่งเป็น 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1.ปัจจัย เสี่ยงที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ได้แก่ ผู้ชายอายุเกิน 45 ปี ผู้หญิงอายุเกิน 55 ปี และกรรมพันธุ์ จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

2. ปัจจัยด้านพฤติกรรมซึ่งเป็นปัจจัยที่เราสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อป้องกันโรค นี้ได้ถึง ร้อยละ 80 ปัจจัยเสี่ยงด้านนี้ ได้แก่ รูปแบบการดำเนินชีวิตที่ ไม่สมดุลระหว่างการกินและการออกแรง กินมากเกินพอดี ไม่ถูกสัดส่วน กินอาหารรสเค็ม หวานและมันสูง กินผักผลไม้น้อย  ใช้เครื่องอำนวยความสะดวก เคลื่อนไหวร่างกายน้อย  เครียดเป็นประจำ  การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสอง  ปัจจัยดังกล่าวส่งเสริมให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน อ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และส่งผลให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา

เรียนรู้...เรื่อง  อาการเตือนของภาวะหัวใจขาดเลือด

เจ็บ กลางหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่ขึ้นมา เล็กน้อย เจ็บแบบจุกแน่น คล้ายมีอะไรมาบีบหรือกดทับไว้ อาการเจ็บมักร้าวไปที่คอหรือขากรรไกรหรือไหล่ซ้าย มักเป็นมากขณะออกกำลังกายหรือทำงาน เป็นอยู่นานครั้งละ 2-3 นาที อาการจะดีขึ้นถ้าได้หยุดพัก หรืออมยา ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ บางคนอาจมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่เหมือนอาหารไม่ย่อย คลื่นไส้อาเจียน บางคนอาจมีอาการใจสั่น หอบเหนื่อย กล้ามเนื้อ อ่อนแรงร่วมด้วย

รู้ทัน..และปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดให้ไกลตัว

เรา สามารถป้องกันโรคนี้ โดยปฏิบัติตัวลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค โดยใช้เคล็ดลับ "ใส่ใจ 3 อ. บอกลา 2 ส. เพื่อป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด

3อ. ได้แก่  1อ. กินอาหารถูกสัดส่วน สมดุลกับการใช้แรงของตัวเราเอง เลี่ยงเค็ม หวาน มัน เพิ่มผัก ผลไม้ที่หวานน้อย

2อ. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์  และปรับวิถีชีวิตให้มีการเคลื่อนไหว ไม่นั่ง ทำงานนานๆ ให้ลุกเดิน หรือบริหารร่างกายบ้าง เลี่ยงการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก

3อ. อารมณ์ดี และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม

2ส. ได้แก่ 1ส. ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันบุหรี่  2ส. ลดดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสม

เพียง เราปฏิบัติตัวตามเคล็ดลับข้างต้น เราก็จะห่างไกลโรคหัวใจขาดเลือดกันนะค่ะ  และที่สำคัญอีกประการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย หากพบสิ่งผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ และควรไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี นะคะ





ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน โดย ศกลวรรณ  แก้วกลิ่น  และนิตยา  พันธุเวทย์ สำนักโรคไม่ติดต่อ  กรมควบคุมโรค

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ตั้งสติ..ป้องกันอาการ'แพนิค'

ความกลัวหรือความตระ หนกตกใจที่เกิดขึ้นอย่างทัน ทีเหมือนจู่โจมเป็นลักษณะสำคัญของโรคทางจิตเวชโรคหนึ่งคือ โรคแพนิค ซึ่งมีอาการทางกายที่รุนแรงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 3-10 นาที เกิดขึ้นเป็นพักๆ อาจนานถึงครึ่งชั่วโมง โดยเกิดขึ้นร่วมกับความหวาดกลัว

อาการแพนิค

โรคแพนิคพบบ่อยในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ทำให้ความสามารถในการประกอบอาชีพลดลง และความสัมพันธ์กับบุคคลใกล้ชิดตึงเครียดมากขึ้น ผู้ป่วยมักคิดว่าตนเองเป็นโรคหัวใจหรือโรคร้ายแรง เวียนไปพบแพทย์บ่อยๆ การตรวจร่างกายและการทดสอบพิเศษจะไม่พบความผิดปรกติใดๆ ซึ่งอาการต่างๆ ที่พบนั้นมี 2 อย่างคือ

1.อาการที่เกิดขึ้นแบบจู่โจม (แพนิค) มัก เกิดโดยไม่เลือกเวลาและสถานที่จึงยากที่จะทำนายได้ ทำให้บางรายเกิดความหวาดกลัวและพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือกิจกรรมนั้นๆ ที่เคยมีแพนิคเกิดขึ้น

2.อาการแพนิคสงบลง ผู้ป่วยมักตกอยู่ ในสภาพหวาดหวั่น วิตกว่าจะเกิดอาการขึ้นมาอีก ไม่อาจรู้ว่าเมื่อไรและที่ไหน หากผู้ป่วยยิ่งมีความหวาดหวั่นและวิตกกังวลมากเท่าไรก็จะเกิดอาการจู่โจมมาก ขึ้นเท่านั้น เพราะผู้ป่วยได้ตกอยู่ในวงเวียนของการเกิดอาการแล้ว คือใจเต้นเร็ว รัวลั่นเหมือนตีกลอง เจ็บบริเวณหน้าอก หายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม รู้สึกมึนงง โคลงเคลง เป็นลม รู้สึกชา หรือซ่าตามปลายเท้า ตัวร้อนวูบวาบ ตัวสั่น เหงื่อแตก อ่อนเพลีย คลื่นไส้หรือปั่นป่วนในท้อง ความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน มีการรับรู้บิดเบือนไป ความกลัวอย่างท่วมท้นร่วมกับความรู้สึกสังหรณ์ว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลัง เกิดขึ้นกับตัวเอง และเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ กลัวว่าจะตาย ควบคุมตนเองไม่ได้เหมือนจะเป็นบ้าหรือแสดงบางอย่างที่น่าอายออกไป

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคแพนิคได้มาจาก 1.ศูนย์ควบคุมการทำงานของสมองและจิตใจเกี่ยวกับความหวาดกลัวไวต่อสิ่ง กระตุ้นมากกว่าปรกติ 2.กรรมพันธุ์ และ 3.อาการจู่โจมที่เกิดขึ้นครั้งแรก อาจมีความสัมพันธ์กับความตึงเครียดในชีวิต

การรักษา

ในปัจจุบันวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพคือ การรักษาทางยาร่วมกับการดูแลทางด้านจิตใจ ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นมากจนหายขาดได้ 7 หรือ 9 ราย ใน 10 ราย โดยอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายหลังเริ่มการรักษาแล้ว 6-8 สัปดาห์ เมื่ออาการดีขึ้นแล้วแพทย์ยังคงให้การรักษาต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 6เดือน เพื่อป้องกันการกำเริบของอาการ การหยุดยา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรหยุดยาทันที เพราะจะเกิดอาการของการหยุด ยาหรือมีอาการเก่ากำเริบ คำแนะนำ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

1.ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัย และรักษา

2.ไม่ควรบรรเทาอาการด้วยการเสพสุรา หรือใช้ยานอนหลับ เพราะอาการอาจรุนแรงขึ้นเมื่อหยุดเสพ

3.ลดหรืองดกาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลังหรือเครื่องดื่มที่มีสารกาเฟอีนประเภทโคล่าทุกชนิด

4.ออกกำลังกายตามสมควร ตามความสามารถ

5.เมื่ออาการต่างๆ ทุเลาแล้ว ควรออกไปเผชิญกับสถานการณ์ที่เคยหวาดกลัว

6.ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เพื่อลดระดับของความตึงเครียด

การฝึกการผ่อนคลายสามารถทำได้โดยการนอนหงายตามสบายบนเตียง หรือพื้นที่ในบริเวณที่สงบ มือทั้งสองประสานวางอยู่บนหน้าท้อง ไม่เกร็ง ผ่อนคลายกล้ามเนื้ออกและหัวไหล่ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ทั้งสังเกตและจดจ่ออยู่ที่การเคลื่อนไหวของลมหายใจที่ผ่านรูจมูกเข้า ไปลึกเต็มที่จนหน้าท้องขยายขึ้น รู้สึกได้จากการที่มือทั้งสองถูกยกขึ้นช้าๆ และหัวไหล่เคลื่อนขึ้น เมื่อหายใจเข้าเต็มที่แล้ว นับ 1 2 3 ในใจช้าๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆพร้อมทั้งสังเกตและจดจ่อที่การเคลื่อน ไหวของลมหายใจที่เคลื่อนที่ออกผ่านรูจมูกจนหน้าท้องแฟบลง มือทั้งสองลดต่ำลง เมื่อหายใจออกจนหมด นับ 1 2 3 ในใจช้าๆอีกครั้ง และเริ่มหาย ใจเข้าและหายใจออกสลับกันไปเป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างน้อย 10 ครั้ง

เมื่อมีความชำนาญอาจทำเวลานั่งโดย พิงเก้าอี้ตามสบาย มือทั้งสองวางไว้ที่หน้าขาหรือประสานกันอยู่ที่หน้าท้อง วิธีการเหมือนกับการควบคุมการหายใจในท่านอนหงายทุกประการ







 ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข 

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks