น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

แค่รู้จักปรับใช้! ในกระเป๋าหญิงมีอุปกรณ์ช่วยปฐมพยาบาลเพียบ!!

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อู้ยยย! กระเป๋าหนักจัง คุณเธอจะบ้าหอบฟางอะไรนักหนาเนี้ย เดินทีไหล่แทบทรุด ยืนรอรถเมล์ทีหลังงี้แทบหัก

ก็นะ!ผู้หญิงเรามักเป็นแบบนี้แหล่ะ จะใช้หรือไม่ใช้ ยัดกระเป๋าไว้ก่อน อุ่นใจจะตาย

แต่..จะได้ใช้ก็ยามฉุกเฉินนี่แห ล่ะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุสารพัดสิ่งของในกระเป๋าของผู้หญิงคือสิ่งที่เป็น ประโยชน์ช่วยชีวิตได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ มือถือ ผ้าอนามัย ร่ม ตลับแป้ง เอย

แค่รู้จักปรับใช้! ในกระเป๋าหญิงเรา มีอุปกรณ์ช่วยปฐมพยาบาลเพียบ!!

เราลองมาดูกันว่าภายในกระเป๋าของผู้หญิงนั้นมี สามารถปรับเปลี่ยนอะไรมาเป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้บ้าง นะ

"กระเป๋าใบเก๋ อุปกรณ์ในการแต่งตัวที่ทำให้ชุดสาวออฟฟิศเรียบ ๆ เปรี้ยว เก๋ เนี๊ยบ หรือไฮโซขึ้นทันที ไม่เพียงแต่เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการแต่งตัวของสาว ๆ แต่ยังมีสถานะเป็นกระเป๋าโดเรมอนที่เก็บของใช้จำเป็นหลากหลาย

เช่น เครื่องสำอาง สายชาร์จโทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือ หูฟัง นามบัตร เมมโมรี่สติ๊ก เครดิตการ์ด บัตรสมาชิกฟิตเนส ทิชชู โทรศัพท์ กุญแจบ้านออฟฟิศคอนโด กระจก ขวดน้ำดื่ม ผ้าอนามัย กระดาษซับมัน ร่ม สมุดโน๊ต ไดอารี่ ตลับยา ยาดม แปรงสีฟัน นิตยสาร บิลค่าโทรศัพท์ น้ำ ไฟ ใบเสร็จรับเงินสะสมไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว

แม้จะเรียกกระเป๋าว่า รกเหมือนรังหนู แต่สิ่งของสารพันในกระเป๋าของสาวๆ กลับสามารถนำมาแปลงใช้เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในยามฉุกเฉิน

ยกตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อลื่นหกล้มแล้วข้อเท้า ข้อมือ แขน ขาแพลง ถลอกหรือแตกร้าวช่วงหน้าฝนนี้ได้" คุณณัฐนันท์ ปัญญาโกษา นักสุขศึกษา แผนกสร้างเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 แบ่งปันข้อมูลดีๆ ในกระเป๋าของสาวเรา ว่ามีอุปกรณ์อะไรนำมาปฐมพยาบาลได้

“ช่วงหน้าฝนมักจะมีอุบัติเหตุที่เกิดจากการลื่นล้ม โดยเฉพาะสาวทำงานที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ส้นรองเท้ายิ่งสูงยิ่งทำให้ทรงตัวลำบาก เมื่อต้องเจอกับพื้นถนนที่เปียกแฉะ ทำให้เสี่ยงต่อการลื่นล้ม ส้นรองเท้ายิ่งสูงขึ้นเท่าไหร่ ความรุนแรงของการบาดเจ็บที่เกิดจากลื่นล้มก็จะมากขึ้นเท่านั้น

การลื่นล้มอาจเสี่ยงต่อเข่าช้ำ บวม ถลอก ข้อเท้า พลิก แพลง ร้าว เวลาที่ลื่นล้มเรามักจะใช้ข้อมือยันพื้น ทำให้เสี่ยงต่อการแตกร้าวของข้อมือ หรือท่อนแขนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลื่นตกบันไดยิ่งเสี่ยงทำให้กระดูกส่วนที่กระแทกรุนแรง เกิดการร้าวได้มากขึ้น

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม ที่จริงแล้วเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวด การบาดเจ็บ ป้องกันไม่ให้บาดเจ็บมากยิ่งขึ้นหรือช่วยลดความพิการลง ทำให้แพทย์ทำการรักษาได้ง่ายขึ้น หายเร็วขึ้นเช่น ถ้ากระดูกแตกแล้วไม่ทำการปฐมพยาบาล กระดูกที่แตกอาจไปกด หรือบาดกล้ามเนื้อโดยรอบ ทำให้เจ็บปวดและบวม หรืออาจทำให้เกิดอาการเอ็นอักเสบ หรือถ้าข้อเท้าแพลงแล้วไม่ทำการปฐมพยาบาล จะทำให้เจ็บปวดมาก เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บลำบาก และทำให้การอักเสบนานขึ้นกว่าเดิม แทนที่จะหายภายใน 2-3 วัน กลายเป็นต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะเดินได้เหมือนเดิม”

คุณณัฐนันท์ สาธิตการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากอุปกรณ์ในกระเป๋าได้อย่างน่าสนใจ และเพียบด้วยประโยชน์ เพราะอุบัติเหตุช่วงหน้าฝนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไปดูกันเลยจ้า

ข้อมือ - ขา เคล็ด

“เรามาดูกัน ภายในกระเป๋าของผู้หญิงนั้นมี เราจะเอาอะไรมาปฐมพยาบาลได้บ้าง เราลื่นหกล้มแล้วบังเอิญไปเอามือค้ำยันเอาไว้อาจจะรู้สึกเจ็บ จะเป็นข้อมือหรือข้อขาก็ได้ หลักสำคัญจริงๆ คือ พยายามอยู่ให้นิ่งที่สุด อาจจะเกิดกรณีที่มีกระดูกแตกได้ ตอนแรกอาจจะประคบเย็นได้ก่อน หลังจากประคบเย็นแล้ว เราจะดามอย่างไรล่ะ

ลองหาในกระเป๋าดูว่าใช้อะไรได้บ้าง เช่น กระเป๋าเงินก็ใช้ได้ กระเป๋าบัตร หรือบัตรเครดิตที่เรามีอยู่สามารถนำมาเรียงกันให้หนาเล็กน้อยเพื่อให้ดามได้

หรือ ร่ม หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือเราก็สามารถใช้ได้ ในกรณีข้อมือเคล็ด หลักสำคัญที่ย้ำเลยคือไม่ให้ข้อมือเขยื้อน หลังจากนั้น หาอะไรที่เป็นเส้นยาวๆ ลักษณะคล้ายเชือก เช่น สาย small talk หรือหูฟังโทรศัพท์นั่นเอง พันเข้าไป หลักสำคัญคือ ยึดวัตถุที่แข็งเพื่อทำไม่ให้ข้อมือหรือข้อเท้าเราขยับได้

พันให้อุปกรณ์อยู่ติดกับแขนเรา อย่าพันให้แน่นมาก เพราะบางทีสาย small talk อาจไปมัดยึดเส้นเลือดทำให้ปลายนิ้วเราชาได้ ต้องสังเกตปลายนิ้วเราด้วย ว่าจะชาหรือไม่

หากเป็นข้อเท้าพลิก อาจจะต้องใช้อะไรที่ยาวหน่อย หากใช้ร่มแบบสั้น ก็ดึงแกนออกมาให้ยาวขึ้นแล้วใช้ดามข้อเท้า ขา โดยใช้สาย small talk ยึดให้แน่นเช่นกัน”

แผลถลอก เลือดออก

กรณีห้ามเลือดออกเยอะแบบไม่หยุดไหล แนะนำให้ใช้ผ้าอนามัยแผ่นใหญ่เลย”

หลายคนสงสัยทำไมไม่ใช้กระดาษทิชชู่ล่ะ หาง่ายกว่าอีก คุณณัฐนันท์ ย้ำเลยว่า

“มันจะเป็นขุยค่ะ เวลาแกะออกจะลำบาก ลองนึกภาพตามแค่เราซับหน้าบริเวณที่มันๆ ทิชชู่ยังติดที่หน้าเลย แล้วหากยิ่งเป็นแผลเลือดออกล่ะ พอถึงเวลาเราดึงกระดาษทิชชู่ออกมันจะติด และเวลาเลือดแข็งตัวเราต้องแซะกระดาษทิชชู่ออกอีก ซึ่งลำบากมาก ยิ่งทำให้เลือดไหลขึ้นใหม่ได้ด้วย แทนที่จะให้เลือดหยุดภายในทีเดียว

คุณสมบัติของผ้าอนามัยอย่างที่รู้กัน คือ ซับเลือดได้อยู่แล้ว แผ่นผ้าอนามัยจะไม่เปื่อยยุ่ยติดแผลเหมือนกระดาษทิชชู และที่สำคัญ สะอาด เพราะไม่ได้ผ่านการแกะมาก่อน หลังจากแกะก็ซับได้เลย

หรือในกรณีแผลถลอกจะใช้แผ่นผ้าอนามัยแบบบางก็ได้ ก่อนอื่นควรใช้น้ำสะอาดเช็ดล้างแผลก่อนเพราะแผลถลอกส่วนใหญ่จะมีสิ่งสกปรก ติดบริเวณแผลจะทำให้ติดเชื้อง่าย โดยการกำจัดเศษผง โคลน หิน ออกโดยการปัดเบาๆ แล้วใช้น้ำเปล่าล้างแผลส่วนที่สะอาดกว่าก่อนส่วนแผลที่สกปรกกว่าป้องกันแผล สกปรกมากขึ้น

จากนั้นใช้แผ่นผ้าอนามัยแบบบางซับไว้กดห้ามเลือดจนกว่าเลือดจะหยุด หรือแค่เลือดซิบๆ ไม่ต้องใช้น้ำล้าง ซับไปเลยก็ยังได้ เพราะสะอาดอยู่แล้ว”

หกล้มบวมช้ำ

เพราะสาวออฟฟิศมักเดินถือแก้วน้ำ ซื้อกาแฟเย็นดื่มด่ำกันก่อนเข้างานและหลังเลิกงานกันอยู่แล้ว แต่หากพลาดพลั้งล้มหัวคะมำ จิ้มพื้นขึ้นมา ใช้แก้วน้ำเย็น ที่มีน้ำแข็งนี่แหล่ะ ประคบบริเวณที่บวมช้ำเพื่อลดอาการบวมเบื้องต้นได้จ้า

การฟกช้ำหรือห้อเลือดเป็นอาการที่มีเลือดออกใต้ผิวหนัง โดยไม่มีบาดแผล แต่ผิวหนังบริเวณที่เป็นบาดแผลจะบวมช้ำ และมีสีม่วง

“หากเกิดแผลฟกช้ำง่ายๆเลยคือให้ใช้ความเย็น เพื่อหยุดการไหลของเลือด จริงๆแล้วการช้ำ เลือดจะไหลเวียนอยู่ใต้ผิวหนังของเรา เราจะใช้ความเย็นบล็อกไว้พอรู้สึกเย็นๆ มากเกินไปก็ดึงออก แล้วจึงประคบใหม่ คือให้ประคบเย็นภายใน 24 ชั่วโมงแรก

จากนั้นจึงควรหาพวกเจลร้อน หรืออะไรอุ่นๆมาประคบเพื่อสลายลิ่มเลือดที่คั่งค้างไว้ เพื่อให้รอยช้ำลดน้อยลงกว่าเดิมไม่ให้แผลกระจายวงกว้าง”คุณณัฐนันท์ กล่าว

อย่าลืมนะจ๊ะ อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน เก็บข้อมูลเลิศๆไว้ในคลังสมอง เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งอาจจำเป็นต้องใช้!

อ้อ! ถ้ายังไม่จุใจ เรามีทั้งภาพและเสียงมาให้ดูกันเลยจ้า


blogger widgets

ที่มา :หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการBy Lady Manager =======
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด

ภาวะฉุกเฉินทางหัวใจ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

ภาวะฉุกเฉินทางหัวใจ

ภาวะฉุกเฉินทางหัวใจ คือ ภาวะการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและมีอาการรุนแรงที่มีสาเหตุมาจาก โรคหัวใจ และผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
อาการผิดปกติสำคัญที่บ่งชี้ว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ เช่น
-อาการเจ็บแน่นหน้าอกรุนแรง
-อาการหอบเหนื่อยหรือหายใจลำบาก
-อาการสั่นจากมีภาวะหัวใจเต้นเร็วและแรงผิดปกติ
-อาการหน้ามืดหรือหมดสติ
อาการต่างๆ เหล่านี้อาจเกิดได้หลายสาเหตุเช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหัวใจล้มเหลว และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น บทความที่จะกล่าวต่อไปนี้จะพิจารณาในแง่ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็น หลัก เนื่องจากเป็นโรคที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน
กลุ่มเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ
1.ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้ ซึ่งได้แก่
a.เพศ จากข้อมูลทางสถิติที่ผ่านมาพบว่า พบผู้ชายป่วยเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิง
b.อายุ มักพบผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในวัยกลางคนขึ้นไปถึงวัยสูงอายุ กล่าวคือ อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปในเพศชาย และอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปในเพศหญิง
c.พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเดียวกันป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ร่วมด้วย โดยเฉพาะถ้าคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้เริ่มมีอาการตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป บุคคลผู้นั้นจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติคนใน ครอบครัวป่วยเป็นโรคนี้ร่วมด้วย
2.ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้มีดังนี้
a.โรคประจำคตัวหรือโรคที่พบร่วมด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน เป็นต้น
b.พฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งได้แก่ การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย ภาวะเครียดเรื้อรัง
อาการที่เกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้เป็น 3 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 มีอาการเจ็บหน้าอกขณะออกแรง โดยมักเจ็บหน้าอกแบบแน่นๆ บีบๆ หรือหนักๆ ที่หน้าอกตรงกลางหรือหน้าอกด้านซ้าย โดยอาการเจ็บหน้าอกอาจร้าวที่ขากรรไกรล่าง กราม หัวไหล่ หรือท้องแขนด้านซ้ายหรือทั้งสองข้างก็ได้ และมักเป็นอยู่ไม่นานประมาณ 5-10 นาที อาการมักดีขึ้นหรือหายไปได้เมื่อหยุดพัก
ระดับที่ 2 มีอารเจ็บหน้าอกขณะพัก และอาการเจ็บหน้าอกมักจะเป็นรุนแรงมากขึ้น เป็นเวาลานานมาขึ้นประมาณ 10-20 นาที และเป็นบ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิมโดยอาการอาจทุเลาลงได้เมื่อหยุดพักหรืออาจไม่ ดีขึ้นแต่ตรวจไม่พบมีการบาเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจ
ระดับที่ 3 มีอาการเจ็บหน้าอกขณะพัก โดยมักมีอาการเกิดขึ้นทันทีทันใด อาการเจ็บหน้าอกมักเป็นรุนแรงและเป็นยาวนานกว่า 30 นาทีขึ้นไป โดยมักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เหงื่อแตก ใจสั่น หายใจไม่สะดวกหน้ามืดหรือเป็นลม  และตรวจพบว่ามีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจร่วมด้วย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีอาการรุนแรงและเฉียบพลัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ดังนั้น ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรสังเกตอาการของตนเองว่ามีลักษณะอาการที่อาจ บ่งชี้ว่ามีโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดร่วมด้วยหรือไม่ และควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมถ้ามีอาการผิดปกติดังกล่าว ข้างต้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงระดับที่ 3 ควรได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและทันท่วงที เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเสียชีวิตได้
การป้องกันการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่สำคัญที่สุดคือ การควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของโรคโดยเฉพาะการควบคุมและรักษาโรคที่ พบร่วมต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งได้แก่ การงดสูบบุหรี่ การควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนจนเกินไปโดยการออกกำลังกายชนิดแอโรบิกเป็น ประจำสม่ำเสมอครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 5 ครั้งต่อสัปดาห์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่าร่างกาย เช่น ปลา ผักและผลไม้ งดรับประทานอาหารที่มีรสมันจัดหรือมีคอเลสเตอรอลสูง และอาการผ่อนคลายจิตใจเพื่อลดภาวะเครียด


ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก 
=======
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด

เครือข่ายเภสัช วอน สธ. คลอดกฏกระทรวงคุมเข้มร้านขายยา

เครือข่ายเภสัช ฯ พบ “วิทยา” เร่งคลอดกฎกระทรวงคุมเข้มร้านขายยา ส่งเสริม ให้มีเภสัชฯ ประจำร้าน

เครือข่ายเภสัช วอน สธ. คลอดกฏกระทรวงคุมเข้มร้านขายยา

ภก.ณรงค์ชัย จันทร์พรผู้ประสานงานเครือข่ายส่งเสริมให้เภสัชกรอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในร้านขายยาตลอดเวลาการทำการ กล่าวในระหว่างการเดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า การมายื่นจดหมายถึง รมว.สธ. ครั้งนี้ทางเครือข่ายฯ เครือข่ายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ดำเนินโครงการผู้บริโภคปลอดภัย เภสัชกรไทยไม่แขวนป้าย แผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) สมาคมเภสัชกรชุมชน (ประเทศไทย) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย และสภาเภสัชกรรม เพื่อเรียกร้องให้ รมว.สธ.เร่งรัดเรื่องการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ยา ฉบับปัจจุบันที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2529ว่า ร้านยาต้องมีเภสัชกรประจำตลอดเวลาที่เปิดทำการ เพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพที่ผู้บริโภคอาจได้รับจากการใช้ยา อาทิ การใช้ยาอันตราย การแพ้ยา การกินยาเสตียรอยด์ ซึ่งที่ผ่านมาเกี่ยวกับการมีเภสัชกรประจำรานขายยาฯ นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยได้สำรวจมาแล้วว่า ร้านขายยากว่า 80% ไม่มีเภสัชกรประจำร้าน

“นอกจากเรื่องการคุมเข้มเรื่องเภสัชกรประจำร้านแล้ว ยังมีเรื่องของการเร่งรัดการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการคุมเข้มการซื้อขายยา ในร้านในฐานะสถานประกอบวิชาชีพการขายยา เช่น การติดตามการใช้ยาของผู้ป่วย การรายงานสถานการณ์ยา การร่วมพิจารณาอาการของผู้ป่วย รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคยาของผู้ป่วย เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบในเรื่องการใช้ยาเกดินความจำเป็นยาเหลือใช้ของ ประชาชน ที่สำคัญอาจไม่ต้องมาแก้ปัญหาที่ปลายทางเหมือนกับกรณีไข่แลกยาในขณะนี้ด้วย” ภก.ณรงค์ชัย กล่าว

ด้าน ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ อุปนายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ร้านขายยากว่า 20,000 แห่ง มีร้านที่มีเภสัชกรประจำร้านตลอดเวลาทำการแค่ไม่เกิน 2,500 แห่ง อีก 8,000 แห่ง มีการแขวนป้ายไว้ว่ามีเภสัชประจำร้าน แต่ตัวเภสัชไม่อยู่ โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทางสภาก็มีการคุมเข้มเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยหากพบว่า ใน 1 ปี ร้านขายยาใดไม่มีเภสัชฯ โดยดำเนินการไปแล้วกว่า 300-400 ราย ประจำร้านต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ก็จะดำเนินการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นเวลา 1 ปี และหากทำซ้ำก็จะเพิกถอนใบอนุญาต แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีรายใดถูกเพิกถอน อย่างไรก็ตาม อยากให้ รมว.สธ.ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นผลต่อผู้บริโภคโดยตรง





ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

=======
PG&P
ส โนว์ PG&P ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด

แนะใช้วิธีตรวจสอบสานพันธุกรรมป้องกันการแพ้ยา

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาวิธีการตรวจสารพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ยา เพื่อป้องกันภาวการณ์เกิดผื่นแพ้ยารุนแรง สามารถทดแทนการใช้น้ำยาสำเร็จรูปที่มีราคาแพงและต้องใช้เครื่องมือพิเศษใน การตรวจ เผยระหว่างปี 2527-2553 มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการผื่นแพ้ยาร้ายแรง ซึ่งรวมถึงชนิดกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน และท็อกซิก อิพิเดอร์มอลเนโครไลซิส ประมาณ 6,965 ราย และเสียชีวิต 260 ราย

แนะใช้วิธีตรวจสอบสานพันธุกรรมป้องกันการแพ้ยา

นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิด เผยว่า การใช้ยาเพื่อรักษาโรคในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการแพ้ยาที่ใช้ได้ บางรายอาจเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง ซึ่งรวมถึงกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน (Steven-Johnson syndrome เรียกชื่อย่อว่า SJS) และท็อกซิกอิพิเดอร์มอล เนโครไลซิส (toxic epidermal necrolysis เรียกชื่อย่อว่า TEN) โดยผู้ป่วยที่แพ้ยาชนิดนี้จะมีผื่นขึ้นตามลำตัว หรือมีการหลุดลอกของผิวหนัง รวมทั้งมีการอักเสบของเยื่อบุต่างๆ และความผิดปรกติของระบบอวัยวะสำคัญต่างๆ ร่วมด้วย ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดหรือถึงแก่ชีวิตได้

ทั้งนี้ระหว่างปี พ.ศ.2527 -2553 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยแพ้ยาร้ายแรงชนิด SJS/TEN ประมาณ 6,965 ราย และเสียชีวิต  260 ราย รายการยาที่สงสัยที่มีการรายงานมาก 10 อันดับแรก ได้แก่ ยาโคไตรม็อกซาโซล (Co-trimoxazole) ยาคาร์บามาซีพีน (Carbamazepine) ยาแอลโลพูรินอล (Allopurinol) ผลิตภัณฑ์ที่มีเนวิราปีนเป็นส่วนประกอบ(Nevirapine Containing product) ยาเฟนิทอยน์ (Phenytoin) ยาอะม็อกซีซิลิน (Amoxicillin) ยาฟิโนบาร์บิทอล (Phenobarbital) ยาไอบู  โปรเฟน (Ibuprofen) ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) และยาไอโซไนอะซิด (Isoniazid)  ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอย่างน้อย 20,000 ถึงมากกว่า 100,000 บาทต่อราย  ยังไม่รวมการสูญเสียทางเศรษฐกิจที่ผู้ป่วยเสียโอกาสในการทำงานกรณีที่พิการ และกรณีเกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

ผลการวิจัยทางเภสัชพันธุศาสตร์ พบว่า การแพ้ยาสัมพันธ์กับการมี HLA อัลลีล (allele) บางชนิดในพันธุกรรม ดังนั้นจึงมีการตรวจHLA อัลลีลก่อนการให้ยาโดยผู้ที่มีอัลลีลชนิดเสี่ยงควรเลี่ยงไปใช้ยาตัวอื่นแทน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่ออีกว่า งานวิจัยในประชากรของประเทศไทย พบว่า ผู้ป่วยที่มี HLA-B*1502allele มีความเสี่ยงต่อการเกิด SJS/TEN  จากยาคาร์บามาซีพีน (Carbamazepine)เพิ่มขึ้น 55 เท่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) แนะนำให้ผู้ป่วยที่มาจากประเทศแถบเอเชียที่จำเป็นต้องได้รับยาคาร์บามาซีพีน ควรตรวจหา HLA-B*1502 อัลลีลก่อนเริ่มให้ยาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ SJS/TEN  ต่อยาคาร์บามาซีพีน และผู้ป่วย ที่จำเป็นต้องได้รับยาแอลโลพูรินอล หากมี HLA-B*5801 อัลลีล จะเสี่ยงต่อการเกิด SJS/TEN เพิ่มขึ้นถึง 348 เท่า

"การตรวจสารพันธุกรรม HLA-B* 1502, HLA-B*5801 และ HLA-B*5701 เป็นวิธีการตรวจที่มีความสำคัญในการป้องกันภาวการณ์เกิดผื่นแพ้ยารุนแรง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ได้ดำเนินการพัฒนาวิธีการตรวจสารพันธุกรรม  HLA-B*1502, HLA-B*5801 และ HLA-B*5701 ด้วยวิธี allele specific PCR เพื่อทดแทน การใช้น้ำยาสำเร็จรูปที่มีราคาแพงและต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจและได้ ถ่ายทอดเทคนิค

วิธีการตรวจดังกล่าวให้แก่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในส่วนภูมิภาคเพื่อ ให้บริการตรวจครอบคลุมทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งเครือข่ายเภสัชพันธุศาสตร์ เพื่อหายีนเสี่ยงต่อการแพ้ยารุนแรง SJS/TEN (THAISCAR) สำหรับยาที่ยังไม่มีรายงาน" นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าว


=======
PG&P
สโนว์ PG&P ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks