ไม่มีเด็กคนไหนเกิดมาแล้วไม่เคย
โกรธ…เพราะฉะนั้นพ่อแม่ไม่ต้องเครียดเมื่อลูกมีอาการโกรธ โมโห
เพราะจัดเป็นอารมณ์ชนิดหนึ่งของมนุษย์กันเลยทีเดียว ไม่ใช่เป็นสิ่งไม่ดี
หรือเป็นความผิด
แต่เป็นอารมณ์ที่เด็กต้องการส่งสัญญาณบางประการให้พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ได้รับ
รู้ว่าหนูเกิดความไม่พอใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แต่ประเด็นคือ เมื่อมีอาการโกรธ หรือโมโหแล้ว
เจ้าตัวเล็กของเราสามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้หรือเปล่าต่างหาก
และก็เป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องตระหนัก
และต้องหาทางช่วยให้ลูกจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ได้
มิเช่นนั้นแล้วเขาหรือเธอตัวน้อยอาจติดพฤติกรรมโมโหร้าย
หรือเจ้าอารมณ์ไปจนโตก็ได้
แล้วถ้าเจ้าตัวเล็กของเราเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ล่ะ ..!!
ประการแรก
เริ่มจากการตรวจสอบตัวเองก่อนว่าเราเป็นพ่อแม่ที่ชอบตามใจลูก
หรือตอบสนองลูกทุกครั้งที่ลูกต้องการสิ่งใดๆ โดยไม่ได้สนใจว่าเหมาะสม
ควรหรือไม่ควร แต่ไม่อยากขัดใจลูกหรือไม่
ถ้าใช่แล้วล่ะก็ต้องปรับตัวเองก่อนว่าจากนี้ไปจะไม่ตามใจลูกพร่ำเพรื่อ
ควรจะมีขอบเขต บางอย่างก็ต้องขัดใจบ้าง
แต่เวลาขัดใจต้องอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่าเพราะอะไร
และถ้าพ่อแม่ประเภทนี้ไม่เริ่มจากการปรับตัวเองก่อนล่ะก็ ยากที่จะสอนลูกให้จัดการอารมณ์ของตัวเองได้แน่
ประการที่สอง ควรฝึกให้ลูกรู้จักสังเกตอารมณ์ของตัวเอง
ให้สังเกตว่าอะไรคือสัญญาณเริ่มต้นของอารมณ์โกรธของตัวเอง เช่น อึดอัด
หายใจแรง กล้ามเนื้อเกร็งตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มือเย็น เหงื่อแตก ฯลฯ
และเมื่อพบว่ามีอาการเหล่านี้ ก็ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า
ถ้าหากมีพฤติกรรมเหล่านี้ ให้พยายามหายใจเข้าลึกๆ และฝึกให้ผ่อนอารมณ์ เช่น
นับหนึ่งถึงร้อย หรือให้นึกถึงเรื่องที่ลูกคิดถึงแล้วสบายใจ
ประการที่สาม
ฝึกให้ลูกระบายความรู้สึกเมื่อเกิดอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจ
ให้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้พ่อแม่ฟัง ซึ่งหมายความว่า
พ่อแม่ต้องพร้อมทุกเมื่อที่จะรับฟังลูกเมื่อลูกต้องการเรา
และเมื่อรับฟังเรื่องราวจากลูกแล้ว
ก็ต้องสอบถามอารมณ์ความรู้สึกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร
เพื่อให้เขาได้เรียนรู้อารมณ์ของตัวเองด้วย จากนั้น พ่อแม่ค่อยๆ
ให้คำแนะนำเพื่อให้อารมณ์ของลูกกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้ได้ก่อน
ประการที่สี่ พาลูกออกไปจากบรรยากาศที่ทำให้เขาเกิด
สภาวะอารมณ์โกรธ หรือไม่พอใจ เพื่อเบี่ยงเบนสถานการณ์
ถ้าเป็นเด็กเล็กก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย
แต่ถ้าลูกโตก็ต้องใช้เวลาและเทคนิคของพ่อแม่มากหน่อย
ประการที่ห้า ชวนทำกิจกรรมอื่นๆ
ที่น่าจะช่วยให้ลูกผ่อนคลาย เช่น ชวนไปเดินเล่น วาดรูป ชวนไปกินไอศกรีม
หรือกิจกรรมโปรดของลูก เพื่อให้คลื่นลมพายุในใจลูกสงบซะก่อน
ประการสุดท้าย เมื่ออารมณ์พุ่งพล่านสงบเข้าสู่สภาวะ
ปกติแล้ว อย่าลืมที่จะชวนลูกพูดคุยว่าต้นตอของความโกรธเกิดจากอะไร
และเขาคิดอย่างไรกับสถานการณ์นั้นๆ
แล้วอาจลองโยนคำถามหรือเสนอแนะทางออกว่าถ้าทำอย่างนี้
หรือแก้ปัญหาแบบนี้จะดีกว่าไหม
จากนั้นก็ควรสอบถามว่าเมื่อเกิดอารมณ์โกรธแล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไร
ยิ่งถ้าหากลูกมีอารมณ์โกรธแล้วขว้างปาข้าวของเสียหาย
หรือทำให้ผู้อื่นหรือตัวเองเจ็บตัว ผลที่ตามมาคืออะไร
เพื่อให้เขาได้ลำดับเหตุการณ์และคิดถึงผลเสียที่ตามมาหากไม่สามารถควบคุม
อารมณ์ของตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้วย่อมไม่อยากให้ลูกมีอารมณ์โกรธ
หรือเป็นเด็กเจ้าอารมณ์อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นถ้าพ่อแม่ปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส
มองโลกในแง่ดี จะช่วยสร้างพื้นฐานด้านอารมณ์ที่ดีให้กับลูกได้
เพราะคนที่มีทักษะทางอารมณ์ที่ดี คือคนที่รู้จักและเท่าทันอารมณ์ตัวเอง
และมีโอกาสที่จะจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่า
เพราะพื้นฐานอารมณ์มีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย และมีความมั่นคงทางอารมณ์
แน่นอนว่า วิธีที่จะส่งเสริมให้ลูกมีพื้นนิสัยอารมณ์ดี
ก็ต้องเริ่มจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ด้วยความรัก ความเข้าใจ
โอบกอดสัมผัสอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดความไว้วางใจ
เชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นที่รัก ไม่ถูกทอดทิ้ง
ซึ่งเป็นรากฐานของการเห็นคุณค่าในตัวเอง
รวมไปถึงการส่งเสริมให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ต้องการ
เปิดโอกาสให้เด็กได้คิดหรือแก้ปัญหาสิ่งใดก็ตาม
โดยไม่ลืมที่จะชื่นชมหรือให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะช่วยเรื่องพื้นฐานทางด้านอารมณ์ของลูกด้วย
ก็คือ การส่งเสริมกิจกรรมที่ลูกได้แสดงความรู้สึกและอารมณ์ เช่น เล่านิทาน
ดนตรี ศิลปะ การเล่น ฯลฯ
เพราะจะช่วยฝึกเรื่องสมาธิหรือการจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วย
และสิ่งนี้ยังเป็นฐานของการพัฒนาไปสู่ความมุมานะ พยายามตั้งใจได้อีกด้วย
อย่าลืมว่าสังคมยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เด็กยุค
ใหม่เป็นเด็กหงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์ ขี้โมโห
เพราะเป็นสังคมแห่งความเร่งรีบ
สังคมแห่งเทคโนโลยีที่เป็นตัวปลุกเร้ากระตุ้นอารมณ์เด็กรุ่นใหม่อยู่ตลอด
เวลา
แต่สิ่งสำคัญที่สุด พ่อแม่ต้องไม่ตกเป็นทาสความเจ้าอารมณ์ของตัวเองด้วย
เพราะถ้าพ่อแม่ไม่สามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองได้
ก็อย่าได้หวังที่จะสอนให้ลูกจัดการอารมณ์ได้ด้วยเช่นกัน ..!!!
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ
PG&P
สโนว์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI
คลิปตัวอย่าง PG&P
FEED PG&P