น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

นักวิจัยไทยค้นพบสารสกัดจากมังคุด ช่วยยืดอายุผู้ป่วยมะเร็ง | PG&P

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศาสตราจารย์ (ศ.)พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าทีมวิจัยสารสกัดจากมังคุด ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย เปิดเผยว่า คณะนักวิจัยฯ ได้ทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเริ่มจากการค้นพบจีเอ็ม 1 จากมังคุด ซึ่งเป็นราชินีผลไม้ของไทย แล้วนำไปผสมกับสารธรรมชาติ BIM ที่สกัดได้
จากฝรั่ง งาดำ ถั่วเหลือง และใบบัวบก เกิดเป็นสูตรสารธรรมชาติ BIM ที่ได้ประสิทธิภาพสามารถปรับระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายได้หลายเท่าตัว โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
นอกจากนี้จากการทดสอบกับผู้ป่วยมะเร็งสุดท้ายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ทางเคมีบำบัดมาตรฐาน พร้อมกับการทดสอบกับผู้ป่วยมะเร็งในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อการักษาโดยวิธีมาตรฐานในประเทศอเมริกา และอิตาลี ผลปรากฏว่าช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต และช่วยยืดระยะเวลาให้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา โดยเคมีบำบัดมาตรฐาน และยังพบด้วยว่าสารนี้ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว ทีเอช 17 ซึ่งช่วยป้องกันและจัดการกับเซลล์มะเร็งในร่างกายได้
ทั้งนี้ ศ.พิเชษฐ์ กล่าวว่าสารธรรมชาติ BIM ไม่ใช่ยารักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้ เป็นเพียงอาหารเสริม ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็งเท่านั้น และขณะนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว


ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

กลิ่นปาก ... บอกลาถาวร | PG&P

กลิ่นปาก ... บอกลาถาวร

นอกจากใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดตา รอยยิ้มสวยสดใส แต่จะเฟอร์เฟกต์ยิ่งขึ้นเมื่อพูดแล้วไม่มีกลิ่นปากแถมออกมา
การจะกลบ "กลิ่นปาก" ให้อยู่หมัด ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าปัญหากลิ่นปากเกิดจากอะไร ทพญ.จิราภรณ์ ผลพิบูลย์ ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลบีเอ็นเอช บอกว่า สาเหตุของกลิ่นปากส่วนใหญ่เกิดจากเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน บริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก หรือในรูฟันผุ
80-90% ของผู้ที่มีปัญหาเรื่องลมหายใจมีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นปาก มีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาในช่องปาก เศษอาหารที่เน่าอยู่ตามซอกฟัน รวมทั้งแผ่นคราบฟันและหินปูนที่อยู่รอบๆ ฟัน เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้อย่างดี นอกจากนี้โรคในช่องปาก เช่น ภาวะเหงือกอักเสบ เป็นหนอง จากโรคปริทันต์ หรือฟันโยก ยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้อีกด้วย
"น้ำลาย" ก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก เพราะน้ำลายเปรียบเสมือนน้ำยาบ้วนปากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อช่วยชะล้าง สิ่งสกปรกภายในช่องปาก ช่วยลดการบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น ดังนั้น หลังตื่นนอนใหม่ๆ จะสังเกตได้ว่า กลิ่นปากจะแรง เพราะในขณะที่นอนหลับน้ำลายจะถูกขับออกมาน้อย ทำให้น้ำลายมีการหมุนเวียนน้อย เศษอาหารที่ตกค้างสะสมอยู่จึงมีการบูด เกิดเป็นกลิ่นปากแต่เมื่อแปรงฟันแล้วน้ำลายมีการไหลเวียนมากขึ้น กลิ่นปากจะบรรเทาลง
อย่างไรก็ตาม คนที่มีปัญหาปากแห้งเนื่องจากมีการหลั่งน้ำลายน้อย จะพบปัญหากลิ่นปากมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ทานยาบางชนิด อยู่ในภาวะอดอาหาร ดื่มน้ำไม่เพียงพอ อากาศร้อน ตลอดจนภาวะทางจิตใจ ความเครียด อาชีพที่ใช้เสียงมากๆ เช่น ครู และทนายความ
บางครั้งกลิ่นปากก็เกิดขึ้นได้จากโคนลิ้นด้านในสุด เนื่องจากมีน้ำเมือกในช่องจมูกไหลลงคอ ซึ่งในภาวะพบได้ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ โดยแบคทีเรียที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะย่อยน้ำเมือกและทำให้เกิดกลิ่นขณะมีลม ผ่านลิ้นที่เคลื่อนไหวในขณะพูด
สำหรับปัจจัยอื่นๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดเมื่อรับประทานไปแล้วจะมีกลิ่นขับออกมาทางลม หายใจ เช่น หัวหอม กระเทียม ทุเรียน ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ คนที่ท้องผูกต่อเนื่องหลายวัน ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยโรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง วัณโรค โรคปอดและโรคระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะโรคเบาหวานจะมีกลิ่นลมหายใจเหม็นจากสารคีโตน ซึ่งพบเฉพาะในผู้ที่คุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
ทันตแพทย์ แนะว่า การดูแลสุขภาพในช่องปากอย่างถูกวิธีควรทำความสะอาดโคนลิ้นด้วยแปรงทำความ สะอาดลิ้นและแปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น การบ้วนปากและกลั้วปากด้วยน้ำยาทำความสะอาด รับประทานอาหารที่มีใยอาหาร เคี้ยวหมากฝรั่ง การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
"หากต้องการทำความสะอาดช่องปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ช่วงเวลาทำความสะอาดที่ดีที่สุด คือช่วงเวลาก่อนนอน เนื่องจากจะทำให้น้ำยาทำความสะอาดตกค้างในปากได้นาน และออกฤทธิ์ได้นาน ทำให้ลดกลิ่นปากหลังตื่นนอนได้อย่างดี" คุณหมอกล่าว
สำหรับยาสีฟันและแปรงสีฟันที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพช่องปากนั้น ทันตแพทย์แนะว่า ยาสีฟันมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบผง แบบครีมและแบบเจล แต่ชนิดที่เป็นครีมหรือเจล จะทำให้เคลือบฟันของเราสึกกร่อนน้อยกว่าชนิดผง และควรเลือกยาสีฟันที่มีสี กลิ่น รส ตามที่ชอบ ไม่จำเป็นต้องราคาสูง หรือในภาวะที่มีอาการเสียวฟัน อาจเลือกใช้ยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟัน หรือถ้าต้องการป้องกันฟันผุก็เลือกแบบที่ผสมฟลูออไรด์
ส่วนแปรงสีฟันควรเลือกที่ขนแปรงอ่อนนุ่มและปลายขนมนกลม จะได้ไม่คมบาดเหงือก เลือกขนาดที่พอดีกับช่องปากของตัวเอง ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปและเลือกที่ด้ามจับถนัดมือ
ผู้ที่กำลังเผชิญอยู่กับปัญหากลิ่นปาก คงต้องลองกลับไปค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและแก้ไข แต่ถ้าปัญหากลิ่นปากยังไม่หมดไป ทางออกที่ดีที่สุดควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ หาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อบุคลิกภาพที่ดี บอกลาปัญหากลิ่นปากได้อย่างถาวร
กลเม็ดพูดแล้วหอม- จิบน้ำทุกครึ่งชั่วโมง อย่าปล่อยให้ปากแห้ง - ทุกครั้งหลังอาหาร ควรแปรงฟันและลิ้น หรือบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปาก- ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 - 3 ครั้ง- เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล- งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม- หลีกเลี่ยงกาแฟ เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก- เลิกสูบบุหรี่


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

วิกฤติภาษาไทย ภาษาวิบัติ ในวัยรุ่นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ | PG&P

ภาษาไทยเป็นทั้งวัฒนธรรม เอกลักษณ์ และความภูมิใจของคนไทย แต่ปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ใช้ภาษาไทยได้ไม่ดีพอ ไม่รู้ว่าพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ในภาษาไทยมีกี่รูป กี่เสียง และยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ยังพูดภาษาไทยผิดบ้าง เขียนผิดบ้าง หรือบ้างก็จับใจความผิด ฟังผิด อ่านผิด บ้างก็พูดภาษาไทยคำภาษาอังกฤษคำ จนเกิดปัญหาการสื่อสารและเข้าใจความหมายของภาษาในทางที่ผิด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่จะทำให้เสน่ห์ของภาษาไทยค่อยๆ เลือนหายไป
ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่า ได้มีการใช้คำออกจะฟุ่มเฟือย และไม่ตรงกับความหมายอันแท้จริงอยู่เนือง ๆ ทั้งออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นไปดังนี้ ภาษาของเราก็มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งอันประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเราทุกคน จึงมีหน้าที่จะตัองรักษาไว้..." พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2512
เราจะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นย้ำให้ประชาชนชาวไทย ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทยและพระราชทานแนวความคิดในการอนุรักษ์ภาษาไทย ในโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ คือ เป็นที่ประจักษ์ว่าพระองค์มีพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยภาพในการใช้ภาษาไทย ทรงรอบรู้ปราดเปรื่องและเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนในการใช้ภาษาไทยมาโดยตลอด
กลุ่มคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยใช้ภาษาไทยอย่างผิดเพี้ยนนั้นต่าง มุ่งเป้าไปที่กลุ่มดาราวัยรุ่น นักแสดง นักร้อง นักการเมือง และสื่อมวลชน ที่มักใช้ภาษาอย่างไม่เหมาะสม มีการใช้คำแสลงจนภาษาไทยเข้าขั้นวิกฤติ นอกจากนี้ยังมองว่าพ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กได้อ่าน หนังสืออย่างอื่นนอกจากตำราเรียน อีกทั้งสถานศึกษาอีกจำนวนมากไม่ได้สนับสนุนให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมหรือ โครงการดีๆ ที่เน้นการอ่าน การเขียน การพูด หรือกิจกรรมที่เน้นให้เด็กได้คลุกคลีกับตัวหนังสือ ในขณะที่ห้องสมุดก็ไม่ค่อยจะมีกิจกรรมดึงดูดให้เด็กเข้าไปศึกษาหาความรู้
แม้ปัญหาการใช้ภาษาไทยได้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานหลายสิบปี แต่ในยุคปัจจุบันนี้ปัญหายิ่งวิกฤติความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีปัจจัยหนุนนำที่สำคัญนั่นคือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไป อย่างรวดเร็ว เราจึงพบการใช้ภาษาไทยแบบผิดๆ มากมายจนเกือบจะกลายเป็นความคุ้นชิน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ยิ่งน่าเป็นห่วงมากที่สุด เป็นกลุ่มที่นิยมใช้ภาษาที่มีวิวัฒนาการทางภาษาที่เฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นภาษาที่เกือบจะไม่มีไวยากรณ์ ไม่ว่าจะจากการรับส่งข้อความสั้น (SMS) การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) การสนทนาออนไลน์ (MSN) หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นในโลกอินเทอร์เน็ต
สำหรับภาษาของวัยรุ่นที่พบเห็นกันบ่อยๆ นั้น มีทั้งภาษาที่ใช้ในการพูด  โดยมักพูดให้มีเสียงสั้นลง หรือยาวขึ้น หรือไม่ออกเสียงควบกล้ำเลย เช่น ตัวเอง = ตะเอง ครับ = คับ จริง = จิง เปล่า = ป่าว ส่วนภาษาที่ใช้ในการเขียน ซึ่งจะมีทั้งคำพ้องเสียง เช่น เธอ = เทอ ใจ = จัย หนู = นู๋ ผม = ป๋มไง = งัย กรรม = กำ เสร็จ = เสด ก็ = ก้อ หรือบางคำที่พิมพ์ด้วยความรีบเร่ง ซึ่งจะใกล้เคียงกับกลุ่มคำพ้องเสียง เพียงแต่ว่าบางครั้งการกดแป้น Shift อาจทำให้เสียเวลา จึงไม่กด แล้วเปลี่ยนคำที่ต้องการเป็นอีกคำที่ออกเสียงคล้ายกันแทน เช่น รู้ = รุ้ เห็น = เหน เป็น = เปน ใช่ไหม = ชิมิ และยังมีกลุ่มที่ใช้สื่อสารในเกม โดยใช้ตัวอักษรภาษาอื่นที่มีลักษณะคล้ายตัวอักษรภาษาไทย เช่น เทพ = Inw นอน = uou เกรียน = เกรีeu หรือแม้แต่การเน้นเขียนคำให้สั้นที่สุดโดยใช้สัญลักษณ์แทน เช่น 555 แทนเสียงหัวเราะ เป็นต้น
และยังมีคำอีกมากมายที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่น จนแทบจะกลายเป็นภาษาทางการของกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและนับ วันยิ่งขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้หากทุกภาคส่วนในสังคมยังคงปล่อยวางไม่เร่งรีบหาทางแก้ไข และยังคงมีการใช้บ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความเคยชิน อีกทั้งมีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจนในที่สุดก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งน่าหวั่นเกรงยิ่งนักว่าในอนาคตปัญหาวิกฤติภาษาไทยก็จะยิ่งยากเกินการ เยียวยาแก้ไข
ณ วันนี้ หากฝืนปล่อยให้กลุ่มคนที่ชอบใช้ภาษาแบบผิดๆ ด้วยค่านิยมที่ผิดๆ เพียงรู้สึกว่าการใช้ภาษาตามค่านิยมวัยรุ่นเหล่านั้นดูเป็นคำที่น่ารักและ ยังช่วยให้พิมพ์ง่ายขึ้น โดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา นั่นคือการทำลายภาษาไทยโดยทางอ้อม และที่น่ากลัวยิ่งคือวัยรุ่นบางกลุ่มได้นำคำเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และได้แพร่หลายเข้าไปในสถานศึกษา ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะนำพาความหายนะมาสู่วงการภาษาไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ ชาติที่ทุกฝ่ายไม่ควรมองข้าม
คงต้องฝากถึงผู้ดูแลระดับนโยบายทั้งหลายว่าทำอย่างไรที่จะสามารถกระตุ้น เตือน และปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย รวมถึงการสร้างความร่วมมือร่วมใจกันทำนุบำรุงส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้มีความถูกต้อง งดงามคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป


ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย ฟาฏินา วงศ์เลขา

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก ก่อนระบาดติดลูกหลาน | PG&P

ฝ่ายพัฒนามาตรฐานและวิจัยทางระบาด วิทยาโรคติดต่อ สำนักระบาดวิทยา รายงานสถานการณ์โรคมือเท้าปากในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 25 กรกฎาคม 2555 พบว่ามีผู้ป่วยแล้ว 17,656 ราย เสียชีวิต 2 ราย ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบมากในเพศชาย
เฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก ก่อนระบาดติดลูกหลาน
ภูมิภาคที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ ภาคเหนือ รองลงมา คือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ จังหวัดที่มีอัตราป่วยมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ พะเยา เชียงราย ภูเก็ต ระยอง และสุราษฎร์ธานี โดยสองสัปดาห์ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 8-21 กรกฎาคม 2555 พบผู้ป่วยจำนวน 2,829 ราย ซึ่งขณะนี้ ยังมีการระบาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังคงมีการระบาดของโรคต่อไปอีกประมาณ 6-8 สัปดาห์
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดขึ้นทุกปีในประเทศไทย และไม่ใช่โรคร้ายแรง ถึงกระนั้นก็อย่าได้นิ่งนอนใจ ควรศึกษา และทำความรู้จักโรคนี้ให้ดี เพื่อจะได้เฝ้าระวัง และป้องกัน ก่อนที่จะกลายเป็นโรคอันตรายร้ายแรง
สาเหตุของโรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสลำไส้ หรือเรียกภาษาทางการแพทย์ว่า เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยพบการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก เมื่อปี พ.ศ.2500 กับเด็กในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้ และยังมีตุ่มน้ำใสๆในช่องปาก มือ และเท้า
การแพร่ระบาดของโรคสามารถติดต่อกันได้โดยง่าย โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย โดยติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง ทั้งทางจมูก, ลำคอ, และน้ำจากในตุ่มใส ซึ่งอาจติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ หรือการไอ จามรดกันก็ได้ นอกจากนี้เชื้อโรคจะอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วย และจะแพร่กระจายได้มากที่สุดในสัปดาห์แรกที่ผู้ป่วยมีอาการ และจะยังคงพบเชื้อในอุจจาระต่อได้อีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ เชื้อเอนเทอโรไวรัสตัวนี้สามารถทนสภาวะกรดในทางเดินอาหารมนุษย์ได้ และมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องได้ 2-3 วัน จึงทำให้แพร่เชื้อได้อยู่จนกว่ารอยโรคจะหายไป อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่สัตว์ หรือจากสัตว์สู่คนได้
สังเกตุอย่างไรว่าใครติดเชื้อ ในระยะฟักตัวซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-6 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีไข้ต่ำๆ มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ประมาณ 1-2 วัน จากนั้นจะเริ่มเจ็บปาก ไม่ยอมทานอาหาร มีตุ่มแดงที่เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม โดยตุ่มนี้จะกลายเป็นตุ่มพองใส รอบแผลจะอักเสบแดง ต่อมาตุ่มจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้น จากนั้นจะพบตุ่มหรือผื่น (มักไม่คัน) ที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า บางทีอาจพบที่ก้น แขน ขา และอวัยวะสืบพันธุ์ด้วย ในเด็กทารกอาจพบกระจายทั่วตัวได้ ทั้งนี้อาการจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน โดยทิ้งรอยแผลเป็นให้เห็น
อย่างไรก็ตาม โรคมือ เท้า ปาก อาจแสดงอาการในหลายระบบ ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ มีอาการเหมือนไข้หวัด ไอ มีน้ำมูกใส เจ็บคอ, อาการทางผิวหนัง,  ระบบประสาท อาการเยื่อหุ้มสมอง หรือเนื้อสมองอักเสบ, ระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำเล็กน้อย ปวดหัว อาเจียน, อาการทางตา มักพบเยื่อบุตาอักเสบ และสุดท้ายอาการทางหัวใจ สามารถเกิดอาการกล้ามเนื้อ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบได้ ซึ่งอาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
หากผู้ป่วยเกิดผื่น ตุ่ม ที่มือ เท้า และปากนานเกิน 3 วัน รวมถึงมีอาการซึมตามมา ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการซึมเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เชื้อกำลังเข้าสู่สมองแล้ว และหากปล่อยไว้ไม่รักษา เชื้อจะเข้าสู่สมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ จนทำให้หัวใจล้มเหลว และเกิดน้ำท่วมปอดจนเสียชีวิตได้
การรักษาโรคมือ เท้า ปาก หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน โรคนี้สามารถหายได้เองภายใน 7-10 วัน เป็นโรคที่ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เพราะสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส จึงต้องใช้ภูมิคุ้มกันของตัวเองต่อสู้กับเชื้อโรค โดยแพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ หลังจากการติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรค แต่ก็อาจเกิดโรคมือ เท้า ปาก ซ้ำได้จากเอนเทอโรไวรัสตัวอื่นๆ ดังนั้น หากผู้ปกครองสังเกตุเห็นลูกหลานมีอาการภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียนบ่อยๆ หอบ แขนขาอ่อนแรง ไม่ยอมรับประทานอาหารและน้ำ ควรนำไปพบแพทย์ทันที
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก แต่สามารถป้องกันได้ โดยการรักษาสุขอนามัยที่ดี รักษาความสะอาด หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการขับถ่าย และก่อนรับประทานอาหาร ใช้ช้อนกลาง และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ที่สำคัญ ต้องแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคออกจากกลุ่มเพื่อนๆ ในโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก ไม่ให้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และต้องทำความสะอาดพื้น ห้องน้ำ สุขา เครื่องใช้ ของเล่น ตลอดจนเสื้อผ้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก ได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดและค้นหาราย ละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.ddc.moph.go.th และ http://beid.ddc.moph.go.th/th_2011/index.php และหากต้องการสื่อเพื่อการรณรงค์การเฝ้าระวังโรคมือเท้าปาก สามารถติดต่อขอรับได้ที่ ศูนย์สื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  bit.ly//thaihealth-media  หรือ นางสาวศิริภรณ์  โยจินา 02-298-0500 ต่อ 1245

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

การมีเลือดปนกับน้ำอสุจิ | PG&P

การมีเลือดปนกับน้ำอสุจิเป็นอาการ ที่ทำให้ผู้ป่วยตกใจกลัวและกังวลเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วย ชายอายุน้อยกว่า 40 ปี

การมีเลือดปนกับน้ำอสุจิ

ผู้ชายหลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ของการมีเลือดปนในน้ำอสุจิหนึ่งครั้งหรือ เป็นครั้งคราว ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ทุกวัย บางครั้งอาจมองเห็นเลือดในน้ำอสุจิตลอดสองสามเดือนหรือมากกว่านั้น

ปริมาณของเลือดในน้ำอสุจิแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ  ผู้ป่วยอาจสังเกตเห็นเป็นหยดเลือดหรือสายของเลือดในน้ำอสุจิหรือดูน้ำอสุจิ เหมือนเป็นเลือด แม้ว่าอาการดังกล่าวนี้จะเป็นไม่นาน  การทดสอบสาเหตุการมีเลือดปนกับน้ำอสุจิมีหลายวิธีและควรได้รับคำแนะนำสำหรับ การรักษาจากแพทย์

ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุการมีเลือดปนในน้ำอสุจิ  ผู้ป่วยส่วนหนึ่งเมื่อได้รับการวินิจฉัยเลือดในน้ำอสุจิ  มักจะเกิดจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อ การมีเลือดปนน้ำอสุจิอาจเกิดจากสภาวะที่มีผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะผู้ชาย ได้แก่ กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ลูกอัณฑะ ท่อเก็บเชื้ออสุจิ (Epididymis : ทำหน้าที่เก็บสะสม และขนส่งอสุจิที่ผลิตได้จากลูกอัณฑะ) ท่อนำอสุจิจากลูกอัณฑะ ถุงพักน้ำอสุจิ (Seminal vesicles) และต่อมลูกหมาก

การบาดเจ็บโดยตรง น้ำเชื้อประกอบด้วยตัวอสุจิและของเหลวที่หลั่งออกมาโดยต่อมลูกหมากและต่อม อื่น ๆ ของเหลวเหล่านี้เข้ารวมกับตัวอสุจิซึ่งผ่านเข้าท่อปัสสาวะสำหรับการหลั่ง  มีหลายสาเหตุที่สามารถทำให้หลอดเลือดเสียหายหรือถูกทำลายไปตลอดเส้นทางของ น้ำเชื้อหรือทางเดินปัสสาวะไปถึงท่อปัสสาวะ  หลอดเลือดอาจแตกหรือฉีกขาดแล้วมีเลือดรั่วไหลในการหลั่งน้ำอสุจิ หรือการปัสสาวะ

สาเหตุที่เป็นไปได้ของการมีเลือดปนกับน้ำอสุจิ ได้แก่  นิ่วของกระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยไม่ได้ร่วมเพศเป็นเวลานาน อาการเป็นหลังการตรวจตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 80 ที่ได้รับการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก อาจมีเลือดปนกับน้ำอสุจิประมาณสามถึงสี่สัปดาห์หลังการผ่าตัด การบาดเจ็บของลูกอัณฑะ เช่นเดียวกันหลังการผ่าตัดทำหมันโดยตัดท่อนำอสุจิอาจทำให้มีเลือดปนกับน้ำ อสุจิประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังการผ่าตัด นอกจากนี้อาจพบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง

สาเหตุทางการแพทย์อื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบได้ในผู้สูงอายุมากกว่า ได้แก่ ก้อนเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะหรือต่อมลูกหมาก เช่น ถุงน้ำหรือติ่งเนื้อที่ยื่นออกมา มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคเลือดออกไม่หยุดหรือฮีโมฟีเลีย มะเร็งต่อมลูกหมาก  ต่อมลูกหมากโต เกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ รับประทานยาละลายลิ่ม

การติดเชื้อและการอักเสบ* การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่ หนองในเทียม  เริมที่อวัยวะเพศ  โรคหนองใน

* ท่อนำอสุจิอักเสบ* ต่อมลูกหมากอักเสบ ท่อนำอสุจิอักเสบท่อปัสสาวะอักเสบ







ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย รศ.น.ท.ดร.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล คลินิกสุขภาพชาย โรงพยาบาลรามาธิบดี
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks