น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

'โรคตุ่มน้ำพองใส' ไม่หาย!..ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น | PG&P THAI

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวเด็กน้อยน่าสงสารเกิดมามีตุ่มน้ำตามตัว ซึ่งก็คืออาการของโรคตุ่มน้ำพองใส หรือโรคเด็กผีเสื้อ จัดเป็นโรคหายากที่พบการรายงานข่าวเด็กป่วยโรคนี้อยู่เนืองๆ โดยอุบัติการณ์ของโรค ในต่างประเทศพบราว 30 รายต่อทารกแรกเกิด 1 ล้านคน ส่วนในไทยไม่ทราบอุบัติการณ์ที่แน่ชัด แต่ตามสถิติของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบผู้ป่วยประมาณ 10 รายต่อปี
ศ.คลินิกพญ.ศรีศุภลักษณ์ สิงคาลวณิช งานโรคผิวหนัง สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ให้ข้อมูลควรรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าวว่า โรคตุ่มน้ำพองใส (Epidermolysis bullosa เรียกสั้นๆ ว่า EB) หรือในต่างประเทศเรียกว่า โรคเด็กผีเสื้อ (Butterfly children) เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีลักษณะของผิวเปราะบางเหมือนปีกผีเสื้อ
เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ที่พบไม่บ่อย เกิดจากความผิดปกติของยีนส์ที่ควบคุมการสร้างผิวหนัง ถ่ายทอดแบบลักษณะเด่น คนรุ่นต่อไปจึงมีโอกาสป่วยได้ (Autosomal dominant) ลักษณะผิวหนังจะพองเป็นตุ่มน้ำ เมื่อมีการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย เช่น การเสียดสี การติดเชื้อ โดยอาจพบตั้งแต่แรกเกิด วัยทารก หรือเด็กโต
ลักษณะอาการ จำแนกตามรอยแยกของตุ่มน้ำ แบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่ 1 เรียกว่า ตุ่มน้ำอยู่ในชั้นตื้นในชั้นหนังกำพร้า (EB simplex) อาการไม่รุนแรง มีตุ่มน้ำพอง เป็นตั้งแต่แรกเกิด ไม่เป็นแผลเป็น ส่วนกลุ่มที่ 2 เรียกว่า ตุ่มน้ำเกิดระหว่างชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ (Junctional EB) อาการรุนแรง เป็นตั้งแต่แรกเกิด แต่ไม่เป็นแผลเป็น มักพบความผิดปกติของเล็บ และความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะด้วย และกลุ่มที่ 3 เรียกว่า ตุ่มน้ำอยู่ในชั้นหนังแท้ (Dystrophic EB) ตุ่มน้ำจะทิ้งรอยแผลเป็น
การตรวจวินิจฉัย แพทย์ต้องตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยาร่วมกับการตรวจทางจุลทรรศน์อิเล็กตรอน เพื่อให้ทราบว่ามีความผิดปกติอยู่ที่ชั้นไหนของผิวหนัง ซึ่งจะทำให้การวินิจฉัยโรคแตกต่างกัน ขณะที่การรักษา เป็นการรักษาตามอาการ เน้นการดูแลผิวหนังป้องกันการกระทบกระเทือน เนื่องจากผิวบริเวณที่มีการเสียดสีจะเป็นตุ่มน้ำพองออก และต้องระวังภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนที่ผิวหนัง ถ้ามีการติดเชื้อ จะต้องให้ยาปฏิชีวนะทาหรือรับประทาน ให้อาหารและวิตามินให้เพียงพอและข้อสำคัญต้องให้คำแนะนำทางพันธุกรรมแก่พ่อแม่ เพื่อไม่ให้เกิดโรคในลูกคนต่อไป 
อย่างไรก็ตาม โรคตุ่มน้ำพองใส เป็นโรคเรื้อรัง ในรายที่ไม่รุนแรง อาการจะดีขึ้นเมื่อโตขึ้น แต่ในรายที่รุนแรง จะมีอาการไปตลอดชีวิต ซึ่งแพทย์ต้องหาความผิดปกติภายในร่วมด้วย
จากข้อมูลที่คุณหมอศรีศุภลักษณ์เผย เห็นได้ว่า โรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ป่วยหรือเป็นพาหะของโรค ย่อมมีโอกาสป่วยเป็นโรคเดียวกันนี้ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกต้องเกิดมารับความทุกข์ทรมาน ทั้งสามีและภรรยาจำเป็นต้องตรวจสุขภาพ เพื่อค้นหาโรคนี้หรือโรคทางพันธุกรรมอื่นๆ ก่อนวางแผนครอบครัว

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ห่วงผู้สูงอายุหกล้มเหตุจากสิ่งแวดล้อมในบ้าน | PG&P THAI

จากการศึกษาในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา พบว่าการเสียชีวิตที่เกิดจากการบาดเจ็บในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป 70% มีสาเหตุจากการหกล้ม และยังพบว่า 90% ของปัญหากระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี เป็นผลจากการหกล้มเช่นกัน
น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงสุขภาพของผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มที่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาการหกล้มซึ่งเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บในผู้สูงอายุที่พบบ่อย และอาจเป็นการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิต
จากการศึกษาในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา พบว่าการเสียชีวิตที่เกิดจากการบาดเจ็บในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป 70% มีสาเหตุจากการหกล้ม และยังพบว่า 90% ของปัญหากระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี เป็นผลจากการหกล้มเช่นกัน
ดังนั้นการหกล้มในผู้สูงอายุจึงเป็นปัญหาทางสุขภาพที่มีความสำคัญที่ต้องมีมาตรการป้องกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะที่พักอาศัยควรดัดแปลงให้มีความปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ
ทางด้าน น.พ.นันทศักดิ์ ธรรมานวัตร์ ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร เพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายในบ้านที่ผู้สูงอายุอยู่อาศัย ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรในการปรับให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย ผลการสำรวจดังกล่าวพบว่า 25% ของบ้านที่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่มีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับวัย โดยมีบ้านที่ติดราวเพื่อจับเดินในห้องน้ำห้องส้วมเพียง 10% และมีราวเกาะในห้องนอนเพียง 3% เท่านั้น 58% ของผู้สูงอายุต้องใช้บันไดขึ้นลงทุกวัน พิจารณาลักษณะส้วมที่ใช้ 30% ของผู้สูงอายุใช้แบบนั่งห้อยขา 69% ที่ใช้ส้วมแบบนั่งยองๆ และมีผู้สูงอายุ 18% ต้องเดินพื้นที่ลื่น
น.พ.นันทศักดิ์ กล่าวต่อว่า ข้อแนะนำความปลอดภัยของผู้สูงอายุ หากมีปัญหาเรื่องการเดินหรือการทรงตัวควรหลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันได หากเป็นไปได้ควรจัดห้องนอนอยู่ชั้นล่าง และปรับพื้นบ้านให้ใช้วัสดุที่ไม่ลื่น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม ที่อาจนำไปสู่การเจ็บป่วยสาหัส ทุพพลภาพ หรือการเสียชีวิตได้
รวมทั้งแนะนำให้ใช้ส้วมชนิดห้อยขาเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากผู้สูงวัยมีข้อจำกัดในการลุกนั่ง และการนั่งแบบงอเข่ามากเป็นเวลานานๆ จะมีผลต่อการไหลเวียนเลือดในร่างกาย อาจมีอาการมืดหน้า เพราะสมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วคราว


ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

“กรุงเทพเมืองหนังสือโลก” กับการเป็นฟันเฟืองพัฒนาประเทศ | PG&P THAI

ในแคว้นเวลส์ ของประเทศอังกฤษ มีเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า “เฮย์ ออน ไวย์ (Hay-on-Wye)” เมืองนี้มีความน่าสนใจคือ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เมืองแห่งหนังสือ” เพราะมีร้านขายหนังสือมากกว่าสี่สิบร้าน และเป็นที่เก็บรวบรวมหนังสือมือสองไว้มากที่สุดในโลก ผู้คนในเมืองนั้นดำรงชีวิตอย่างสมดุลทั้งปัญญา ศิลปะ และวัฒนธรรม อันหมายถึงความสุขและความสงบที่แท้จริง ซึ่งทำให้เรารู้ว่าเมืองในอุดมคติเช่นนี้เกิดขึ้นจริงได้ไม่ใช่เพียงความฝัน จากนิสัย “รักการอ่าน” ของคนในเมือง
พี่เจ-สุดใจ พรหมเกิด  ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอกถึงความสำคัญของการอ่านในมุมมองของตน ว่า “การอ่าน” ไม่ใช่แค่สร้างความสุขความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่การอ่านทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวรากเหง้าตนเอง มากไปกว่านั้นคือทำให้เรารักตัวเอง รักผู้อื่น และรักษ์โลก ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์ด้วยกันแต่จะช่วยทำให้เราเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
เพราะ “หนังสือ” เป็นสื่อที่ดีในการปลุกพลังชีวิตและจุดประกายไฟแห่งความหวัง ช่วยพัฒนาทักษะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ โดยมีงานวิจัยสอดรับว่าคนที่อ่านมากจะเกิดความเมตตา ความเข้าอกเข้าใจเพื่อนมนุษย์ ซึ่งทำให้สังคมเกิดความเกื้อกูลกันมากขึ้น อีกทั้งหนังสือยังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปริศนาในบางเรื่องของชีวิตได้อีกเช่นกัน
เหตุผลเหล่านี้ทำให้ “การอ่าน” เป็นอีกวิธีสำคัญที่จะช่วยให้การพัฒนาในทุกๆ เรื่องประสบความสำเร็จและยั่งยืนโดยแท้จริง เพราะเป็นการพัฒนาที่เริ่มจากตัวบุคคล ส่งผลถึงการพัฒนาสังคม สู่การพัฒนาประเทศอย่างสมบูรณ์
และเป็นที่ทราบกันดีว่า ปี 2556 นี้ องค์การยูเนสโกและคณะกรรมการตัดสินเมืองหนังสือโลก ได้ประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็น “เมืองหนังสือโลก ลำดับที่ 13” นับเป็นความสำเร็จจากการพยายามของทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในวงการหนังสือ ที่หมายมุ่งให้การเข้าถึงหนังสือและการเข้าถึงการอ่านของทุกคนเป็นไปอย่างง่าย การให้ความสำคัญเรื่องการอ่านสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามแผนที่วางไว้ คือ Read for life
งานนี้กรุงเทพมหานครจะได้เป็น “มหานครแห่งการอ่าน” อย่างเต็มรูปแบบ โดยจะมีการจัดงานฉลองการรับตำแหน่งครั้งนี้ ภายใต้ชื่องาน “กรุงเทพมหานครเมืองหนังสือโลก 2556” ระหว่างวันที่ 21–23 เมษายน 2556 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน มีการจัดกิจกรรมกระตุ้นการอ่านมากมายให้เลือกเข้าร่วมตามความสนใจและความเหมาะสมของแต่ละวัย ซึ่งงานนี้ทางแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ทำหน้าที่เป็นภาคีหลัก จาก 500 กว่าองค์กรร่วมจัดงานครั้งนี้ด้วย ไฮไลท์ของงานนี้คือ "กิจกรรมพี่ชวนน้องอ่านกันสนั่นเมือง" งานนี้รุ่นพี่จะมาชวนรุ่นน้องอ่านหนังสือให้สนุก และจะได้พบปะกับนักคิดนักเขียนจากทั่วโลก พี่เจ-สุดใจ กล่าว
โอกาสในครั้งนี้ เปรียบได้กับการเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่จะขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไปด้วยปัญญา เพราะการอ่านมีบทบาทสำคัญในกระบวนการความคิดของคนอยู่เสมอ แม้ว่าวันนี้ “หนังสือ” จะอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ที่เปลี่ยนจากหน้ากระดาษไปสู่หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจทำลายความคิดได้ เพียงแค่ว่าวิธีการปรับเปลี่ยนไปตามโลกาภิวัฒน์เท่านั้นเอง
สุดท้ายเมืองในอุดมคติ อย่าง “เฮย์ ออน ไวย์ (Hay-on-Wye)” คงไม่ใช่เมืองในฝันไกลเกินเอื้อมสำหรับชาวกรุง หากเราทุกคนใช้โอกาสครั้งนี้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปพร้อมกัน ลองถามตัวเองซิว่า พร้อมแล้วหรือยัง ?
สามารถติดตามรายละเอียดของการจัดงาน “กรุงเทพมหานครเมืองหนังสือโลก 2556” ได้ที่www.bangkokreadforlife.com

PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เฝ้าระวังไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 | PG&P THAI

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ห่วงปัญหาไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ที่ระบาดในจีน สั่งสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรค ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ และให้โรงพยาบาลในพื้นที่เตรียมพร้อมดูแลผู้ป่วย หากพบความผิดปกติในสัตว์
นายประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ความคืบหน้าล่าสุดจากศูนย์ป้องกันควบคุมโรค ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2556 มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 63 ราย เสียชีวิต 14 ราย แต่ยังไม่พบหลักฐานมีการติดต่อจากคนสู่คน
ด้านนายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการเฝ้าระวังโรคในคน ให้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งและเลือดจากผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงที่มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก หรือผู้ป่วยปอดบวมที่มีอาการรุนแรง เพื่อส่งตรวจหาเชื้อไข้หวัดนกทุกราย ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่ง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมายังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งนี้ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง แจ้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ยึดแนวปฏิบัติในการตรวจคัดกรองและการดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือป้องกันโรคไข้หวัดนก โดยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค ทั้งนี้ประชาชนยังสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามปกติ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกทุกชนิดรวมทั้งนกธรรมชาติ รับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุกด้วยความร้อน หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย ห้ามนำสัตว์ปีกที่ตายไปรับประทานหรือนำไปให้สัตว์อื่นกิน ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้สวมหน้ากากอนามัยและสวมถุงมือทุกครั้งหากต้องสัมผัสสัตว์ปีก และล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีกและสารคัดหลั่งของสัตว์ปีกด้วยสบู่และน้ำ โดยให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์ความรู้และการป้องกันอย่างต่อเนื่อง
                                                                                                                                                                         
ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์

PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สีย้อมผมยุโรป 126 รายการ เสี่ยงเกิดเนื้อร้าย | PG&P THAI

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

อย.เล็งออกประกาศห้ามใช้สีย้อมผม 126 รายการ ภายในปีนี้ หลังยุโรปพบเสี่ยงเกิดเนื้อร้ายในกระเพาะปัสสวะ หวังสกัดผู้ผลิตในประเทศ นำเข้า และส่งออก
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าว ว่า การคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพถือเป็นเรื่อง สำคัญ โดย อย.ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผลิตเครื่องสำอางได้คุณภาพเพื่อ รองรับการเปิดประชาคมอาเซียนอย่างรอบด้าน ทั้งการพัฒนากฎหมาย ยกระดับสถานประกอบการ
ทั้งนี้ การประกาศห้ามใช้สีย้อมผมในผลิตภัณฑ์ย้อมผม ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังเช่นสหภาพยุโรปได้ออกประกาศห้ามใช้สีย้อมผมเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง หลายรายการ เนื่องจากมีงานวิจัยพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดเนื้อร้ายในกระเพาะปัสสาวะ คณะกรรมการวิชาการด้านการคุ้มครองผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ SCCP จึงมีการทบทวนการใช้สารใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันทั้งการนำเข้าและการขออนุญาตผลิตในอนาคต
“เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เตรียมออกประกาศห้ามใช้สีย้อมผมในผลิตภัณฑ์ย้อมผมเพิ่มเติมอีกจำนวน 126 รายการ โดยจัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง (ฉบับที่ 7) เพื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการมาตรฐานเครื่องสำอางและผ่านความเห็นชอบแล้ว โดยจะได้นำเสนอคณะกรรมการเครื่องสำอางเพื่อออกประกาศคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในปีนี้” นพ.ไพศาล กล่าว
นพ.ไพศาล กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการที่ อย.ดำเนินการนี้ ถือว่าสอดคล้องกับการปรับกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง และการจัดทำบทบัญญัติเครื่องสำอางอาเซียน ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนต้องควบคุมกำกับดูแลให้ผลิตภัณฑ์เครื่อง สำอางที่วางจำหน่ายในท้องตลาดต้องเป็นไปตามข้อตกลง ทั้งในเรื่องรายการสารที่ใช้เป็นส่วนผสม ฉลากผลิตภัณฑ์ การจัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์ และการประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคเมื่อวางจำหน่ายในประเทศ ส่งออก และการนำเข้าจากต่างประเทศด้วย


ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

โรคยอดฮิตบนดอยสูง | PG&P THAI

โรคที่มักพบมากในผู้ป่วยที่อาศัย อยู่บนดอยสูง ได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคสุกใส อุจจาระร่วงในเด็ก และโรคผิวหนังที่เกิดจากสภาพอากาศแห้ง เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง จึงได้มีการแนะนำให้รับประทานอาหารประเภทแป้งและไขมัน ซึ่งจะช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายได้
นายแพทย์สมดี รัตนาวิบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยถึงการออกตรวจสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่อยู่บนดอยสูง ว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ จำนวนประมาณ 30 คน ออกหน่วยแพทย์พระราชทานในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบำรุงที่ 87 อำเภอแม่ฟ้าหลวงตำบลเทิดไทย และ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดหนองบัวพิทยา ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจรักษาประชาชนในพื้นที่ห่างไกลบนดอยสูงที่ยากแก่การเข้าถึงของการ บริการทางด้านสาธารณสุข
โดยทีมแพทย์ได้ดำเนินการตรวจสุขภาพเบื้องต้นและให้บริการด้านการรักษาแก่ ผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ อาทิ ตรวจรักษาด้านอายุรกรรม โรคทางกระดูกและข้อ และทันตกรรม เป็นต้น รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการดูแลรักษาสุขภาพ การรับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ และการวางแผนครอบครัว ซึ่งมีนักเรียนและประชาชนเข้ารับการตรวจรักษาประมาณ 417 คน
ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ กล่าวต่อไป ว่าโรคที่มักพบมากในผู้ป่วยที่อาศัยอยู่บนดอยสูง ได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคสุกใส อุจจาระร่วงในเด็ก และโรคผิวหนังที่เกิดจากสภาพอากาศแห้ง เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง จึงได้มีการแนะนำให้รับประทานอาหารประเภทแป้งและไขมัน เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เนื้อสัตว์ติดมัน ซึ่งจะช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ และที่สำคัญควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอ อย่างน้อยดื่มให้ได้วันละ 6-8 แก้ว โดยทางศูนย์ฯ คาดว่า จากการออกตรวจและแนะนำให้ประชาชนบนดอยในครั้งนี้จะทำให้ สุขภาพและการดูแลรักษาเพื่อช่วยเหลือตัวเองดีขึ้น


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ระวังเตือนดื่ม "น้ำเย็น" อุณหภูมิร่างกายเพี้ยน | PG&P THAI

แพทย์แผนไทยแนะหน้าร้อนควรดื่มน้ำ มากๆ แต่ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมด ควรดื่มแบบค่อยๆจิบทีละเล็กน้อย และไม่ควรดื่มน้ำเย็นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้อุณหภูมิร่างกายผิดปกติ อาจทำให้ป่วยได้เพราะการปรับตัวไม่ทันของร่างกาย
ภญ.วรีวรรณ รัตรสาร แพทย์แผนไทยด้านเวชกรรมไทย กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อน ร่างกายจะสูญเสียเหงื่อมากกว่าปกติ สิ่งสำคัญควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณวันละ 1.5-2 ลิตร แต่ไม่ควรดื่มแบบรวดเดียว ควรดื่มแบบค่อยๆ จิบไปเรื่อยๆ ที่สำคัญไม่ควรดื่มน้ำเย็นดับกระหาย แต่ควรดื่มน้ำที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น หากดื่มน้ำเย็นเข้าไป ร่างกายจะปรับอุณหภูมิความร้อนขึ้นมา ยิ่งดื่มน้ำเย็นมาก ร่างกายก็จะปรับอุณหภูมิขึ้นจนอาจมีอาการร้อนใน อย่างไรก็ตาม มีสมุนไพรซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกายได้ โดยใช้น้ำต้มฝางหรือจันทน์แดง ซึ่งมีสรรพคุณบำรุงเลือด ระบายไข้ แก้ร้อนใน แต่หากไม่ชอบกลิ่นก็สามารถต้มน้ำใบเตยแทนได้ และให้ดื่มแบบไม่ต้องแช่เย็น เพราะจะยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้น
"ผู้หญิงไม่ควรดื่มน้ำเย็น เพราะจะทำให้รอบเดือนมักเป็นลิ่ม รอบเดือนหายบ่อย เกิดฝ้าง่าย ปวดหัวง่าย ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่นมีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส แต่ไม่เหมือนชาวต่างประเทศที่อยู่ในพื้นที่เย็นจัด กลุ่มนั้นกินน้ำเย็นไปก็ไม่เย็นไปกว่าอุณหภูมิภายนอก ที่พวกเราป่วยก็เพราะดื่มน้ำเย็นกันมาก แต่ไม่รู้" แพทย์แผนไทยกล่าวไว้
และว่า การรับประทานอาหารคลายร้อน ประเภทผักและผลไม้ควรกินตามฤดูกาล เพราะจะมีลักษณะชุ่มน้ำและมีฤทธิ์เย็น แต่หากจะกินในช่วงเวลาบ่ายหรือเย็นควรเลือกที่มีฤทธิ์ขับลมปนอยู่ด้วยเพื่อ แก้อาการท้องอืด เช่น น้ำตะไคร้ ใบแมงลัก โหระพา ขมิ้น และว่านหางจระเข้ เป็นต้น ส่วนไอศกรีมที่มักชอบกินในหน้าร้อน หากจะกินในมื้อเย็นควรกินน้ำอุ่นตาม เพื่อให้ร่างกายไม่สร้างความร้อนขึ้นมาจนเป็นร้อนใน และไม่ควรกินหลังมื้ออาหาร เพราะกระเพาะต้องการความร้อนในการย่อย ส่วนผลไม้ที่ช่วยย่อยหลังอาหารได้ดีคือ มะละกอ หรือสับปะรด


ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

หวั่นไข้เลือดออกพุ่งหลังสงกรานต์ | PG&P THAI

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

รองปลัด สธ. เผย สถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ พบผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ราย เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับบ้านเกิดอาจติดเชื้อไข้เลือดออกแต่ยังไม่แสดง อาการทำให้มีการกระจายเชื้อไปที่ต่างๆ ได้
นายแพทย์โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานวอร์รูมแก้ไขป้องกันโรคไข้เลือดออกของกระทรวงสาธารณสุข เปิด เผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการและประเมินสถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ พบว่า ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ราย แนวโน้มจำนวนลดลงกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2556 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมรักษาหายแล้วรวม 17,960 ราย เสียชีวิต 20 ราย ซึ่งทั้งจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตยังสูงกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปีที่ผ่าน มา 3 เท่าตัว สาเหตุที่จำนวนผู้ป่วยเริ่มลดลง อาจเป็นได้จากโรงเรียนปิดเทอม ยุงลายมีแหล่งอาหารน้อยลงความเสี่ยงของการป่วยเป็นไข้เลือดออกขณะนี้จึงไป อยู่ที่บ้าน หากบ้านไหนไม่มีการดูแลความสะอาด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุก 5-7 วัน เช่น ในถาดรองกระถางไม้ประดับ แจกันปลูกไม้ประดับ น้ำหล่อขาตู้กับข้าว หรือในภาชนะเก็บน้ำที่ไม่มีฝาปิดมิดชิด จะมีลูกน้ำยุงลายเกิดขึ้นและโตเป็นยุงเต็มวัยอาศัยอยู่กับคนภายในบ้าน
อย่างไรก็ดี จากการประเมินทิศทางสถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกของคณะผู้เชี่ยวชาญ คาดว่าอาจจะมีปัญหาการระบาดในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาว 5 วัน เนื่องจากประชาชนทั่วประเทศ จะเดินทางกลับไปฉลองสงกรานต์ที่ภูมิลำเนาเดิม ในทางวิชาการการแพทย์พบว่าประชาชนอาจติดเชื้อไข้เลือดออกแต่ยังไม่แสดงอาการ เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านทำให้มีการกระจายเชื้อไปที่ต่างๆ ได้ หากถูกยุงลายที่บ้านกัด
ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้วางแผนป้องกันไว้ก่อน โดยสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ โรงพยาบาลทุกแห่ง ดำเนินการรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนทุกหลังคาเรือนทำความ สะอาดบ้านเรือนรวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจลูกน้ำยุงลายในสถานที่สาธารณะ ไม่ให้มีแหล่งยุงลายวางไข่ได้ จำนวนยุงลายก็จะลดลงได้


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เกษตรคุมเข้มหวัดนกหวั่นระบาดซ้ำ | PG&P THAI

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งกำชับให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดป้องกันและเฝ้าระวังโรค เดือน เม.ย.นี้ กรมปศุสัตว์จะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกกว่า 1.3 ล้านแห่งทั่วประเทศ
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนพบผู้ป่วยจากการติดเชื้อไข้หวัดนก H7N9 3 ราย โดยมี 2 รายเสียชีวิตว่า สาเหตุของการเกิดโรคยังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ทางระบาดวิทยา และเชื้อ H7N9 ที่พบในจีน แม้ยังไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อในมนุษย์ และไม่เคยพบเชื้อในไทย ทั้งในคนและในสัตว์ แต่กระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดป้องกันและเฝ้าระวังโรค รวมถึงติดตามสถานการณ์การพบโรคในประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน “กรมปศุสัตว์ได้เพิ่มความเข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกบริเวณชายแดน เพราะเสี่ยงที่อาจพบเชื้อปะปนมาจากการค้าขายบริเวณชายแดน และในเดือน เม.ย.นี้ กรมปศุสัตว์จะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกกว่า 1.3 ล้านแห่งทั่วประเทศ”
ด้านนายทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานการระบาดโรคนี้ในอินเดีย กัมพูชา และเม็กซิโก จากก่อนหน้านี้พบในบังกลาเทศ เม็กซิโก เนปาล อียิปต์ ภูฏาน อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งขณะนี้กรมฯร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างอุจจาระและซากนกอพยพ และนกธรรมชาติในแหล่งที่นกอาศัยอยู่ทั่วประเทศ หากมีนกตายผิดปกติ หรือพบเชื้อโรคไข้หวัดนก จะเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ทันที
“กรมฯ เฝ้าระวัง และป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างต่อเนื่อง และเข้มงวดอยู่แล้ว เช่น รณรงค์ค้นหาโรคไข้หวัดนกแบบบูรณาการปีละ 2 ครั้ง ทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยงปีละ 4 ครั้ง ควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก และซากสัตว์ปีกระหว่างจังหวัด และระหว่างโซน 5 โซน จนไทยปลอดจากเชื้อไข้หวัดนก และส่งออกเนื้อไก่สด และผลิตภัณฑ์ในปี 55 ได้ 552,117 ตัน มูลค่า 70,852 ล้านบาท คาดจะส่งออกเนื้อไก่สดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะหลายประเทศที่เคยห้ามนำเข้าจากไทย เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เดินทางมาตรวจประเมินระบบการควบคุมสัตว์ปีกของไทย เพื่อจะได้อนุญาตให้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดได้อีกครั้ง”
                                                                                                                                   
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

แนะใช้ก๊าซชีวภาพกู้วิกฤติไฟฟ้าดับ | PG&P THAI

สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนคร พิงค์ เร่งหารือร่วมใจกู้วิกฤติไฟฟ้าดับ หลังพม่าหยุดซ่อมท่อส่งก๊าซ ชี้หลังดำเนินการมา 18 ปี ไทยควรใช้ก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานทดแทน
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ ม.เชียงใหม่ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รศ.นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ ERDI  พร้อมนักวิจัย ได้ร่วมกันแถลงข่าว "Biogas 1,000 ฟาร์ม ร่วมใจกู้วิกฤติไฟฟ้าดับ"
รศ.ประเสริฐ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.เป็นต้นไป ประเทศพม่าจะหยุดซ่อมท่อส่งก๊าซ ส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยเหลือระดับวิกฤตประมาณ 700 เมกกะวัตต์ และคาดการณ์ว่าในวันดังกล่าวจะมีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดในเวลาประมาณ 14.00 น.หากประชาชนไม่ทราบอาจทำให้ไฟฟ้าสำรองไม่เพียงพอ อาจต้องตัดไฟฟ้าในบางส่วนซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจและประชาชน ผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ
ทั้งนี้ สถาบันได้ดำเนินงานด้านพลังงานก๊าซชีวภาพหรือไบโอก๊าซในภาคปศุสัตว์ทั่ว ประเทศมากว่า 18 ปีแล้ว ซึ่งในปัจจุบันสถาบันได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบกิจการฟาร์ม ปศุสัตว์ทั่วประเทศ ทั้งฟาร์มสุกร ฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และโรงฆ่าสัตว์ กว่า 1,062 แห่งทั่วประเทศให้นำเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพมาใช้ในการสร้างระบบก๊าซชีวภาพ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน และนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบพลังงานต่างๆ
“โบโอก๊าซที่เราผลิตได้นอกจากนำไปใช้ผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วยังต่อยอด นำไปใช้เติมในรถยนต์ในรูปก๊าซไบโอมีเทนอัด หรือ ซีบีจี มากว่า 2 ปีแล้ว และจากการทดสอบก็พบว่าแรงม้าหรือกำลังเครื่องยนต์ไม่ต่างจากเอ็นจีวี แต่ดีกว่าตรงที่ว่าจากการตรวจสอบสภาพพบว่าไฮโดรคาร์บอน หรือคาร์บอนมอนนอกไซด์ต่ำกว่ามาตรฐานอีกด้วย ทั้งนี้ สรุปได้ว่าซีบีจีมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเอ็นจีวี สามารถใช้ทดแทนกันได้ รถที่นำมาใช้ไม่ต้องดัดแปลง หากการขาดแคลนพลังงานเป็นปัญหาสำคัญ การแสวงหาพลังงานทดแทนก็เป็นการแก้ปัญหาได้ และคาดหวังว่าในอนาคตผลงานวิจัยนี้จะมีใช้กันทั่วประเทศ” ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ กล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เตือนประชาชนระวัง “อุบัติเหตุจากการสาดน้ำรุนแรง” | PG&P THAI

กระทรวงสาธารณสุข เตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการเล่นสาดน้ำ ขอให้เล่นน้ำด้วยความสุภาพ ตามประเพณีที่ดีงามของไทย 
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการเล่นสาดน้ำ ขอให้เล่นน้ำด้วยความสุภาพ ตามประเพณีที่ดีงามของไทย  ควรขออนุญาตก่อนจะเล่นสาดน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ หากโดนสาดน้ำด้วยความรุนแรง ไม่ทันตั้งตัว จะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย  จากสาเหตุรถเสียหลัก ล้ม หรือตกใจแล้วหักรถหลบน้ำ  ถนนลื่น  จึงขอให้ระมัดในเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ ขอให้ระมัดระวังในการเลือกใช้วัสดุที่ผสมในน้ำเล่นสงกรานต์ เช่น ดินสอพอง ขอให้เลือกซื้อชนิดที่ผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) หรือผลิตภัณฑ์โอท็อป (OTOP)  และบรรจุอยู่ในภาชนะที่มีฉลากภาษาไทยแสดงส่วนประกอบสำคัญ มีชื่อและสถานที่ตั้งผู้ผลิต เพื่อป้องกันการได้รับสารเคมีอันตรายที่อาจผสมอยู่ในดินสอพองที่ไม่ได้ มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้
ทั้งนี้ จากข้อมูลอุบัติเหตุช่วง 7 วัน เทศกาลสงกรานต์ปี 2555  มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 3,129 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,320 ราย เสียชีวิต 320 ราย เฉพาะวันที่ 11 เมษายน 2555 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 343 ครั้ง บาดเจ็บ 375  ราย เสียชีวิต 30  ราย

ที่มา : สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

"กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" เที่ยวสงกรานต์ปลอดโรค | PG&P THAI

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ย้ำรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ใช้ช้อนกลาง เมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร และหลังใช้ส้วม โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อน
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุขอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ประชาชนส่วนใหญ่ จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งจับจ่ายใช้สอยสินค้า ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง และอาหารปรุงสำเร็จเพื่อนำมาปรุงประกอบอาหารรับประทานภายในครอบครัว
เพื่อเป็นการป้องกันโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขจึงเร่งพัฒนาตลาดสด ร้านอาหาร และแผงลอยจำหน่ายอาหารให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโดยเฉพาะ ผู้ประกอบการต้องมีความ ตระหนักด้านสุขลักษณะ ความสะอาด เช่น การใช้ที่คีบหยิบจับอาหารแทนมือ การแต่งกายต้องสะอาดโดยสวมหมวกคลุมผมและผ้ากันเปื้อน
สำหรับประชาชนก็ควรมีพฤติกรรมที่ถูกต้องและเหมาะสม เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอหรืออุ่นอาหารทุกครั้งก่อนนำมารับประทาน ใช้ช้อนกลางทุกครั้งเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ก่อนและหลังรับประทานควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่
โดยหากนำอาหารมาปรุงประกอบเองที่บ้าน ต้องล้างผักผลไม้ให้สะอาด ด้วยการใช้น้ำก๊อกไหลผ่านผักสดนานอย่างน้อย 2 นาทีร่วมด้วยการใช้สาร ละลายอื่นๆ เช่น เกลือละลายน้ำ น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างผัก หลังจากนั้นจึงนำผักมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อลดสารเคมีติดค้าง ไม่ควรสูบบุหรี่หรือนำมือที่เปื้อนเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และเปลือกไข่ที่มีมูลสัตว์เปื้อนมาจับต้องจมูก ตา ปาก ควรแยกเขียง สำหรับหั่นอาหารสุก อาหารดิบ ผัก ผลไม้
"นอกจากนี้ ประชาชนควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอหรือเริ่มต้นใส่ใจสุขภาพของตนเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกาย ควรเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดปริมาณอาหาร  รสหวานจัด คือ บริโภคน้ำตาล ไม่เกิน 4 - 6 ช้อนชาต่อวัน ลดอาหารรสเค็มควรบริโภคเกลือน้อยกว่า 1 ช้อน ชาต่อวัน อาหารประเภททอดและอาหารที่มีไขมันสูง อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่งานเลี้ยงสังสรรค์จะเต็มไปด้วยเมนูที่เป็น แป้ง น้ำตาล และไขมันมาก จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพิ่มเมนูผักและผลไม้รสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ นอกจากนี้ ควรงดน้ำหวาน น้ำอัดลม เปลี่ยนเป็นน้ำสมุนไพรที่หวานน้อย ซึ่งหากสามารถปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังได้ รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ สัปดาห์ละ 3-5 วัน วันละ 30 นาที จะช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง หัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน และโรคอ้วน นอกจากนี้ ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อร่างกายจะได้สดชื่นและมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น" อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด 



PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

แนะพกเบอร์ฉุกเฉิน-อุปกรณ์ปฐมพยาบาล รับมืออุบัติเหตุสงกรานต์ | PG&P THAI

สพฉ.ย้ำพกเบอร์ฉุกเฉิน-อุปกรณ์ปฐมพยาบาลติดรถ เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุสงกรานต์ แนะวิธีปฐมพยาบาลลดเจ็บป่วยฉุกเฉินเบื้องต้น สั่งทีมกู้ชีพเตรียมรับมือ 24 ชั่วโมง ตั้งเป้าช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินใน 8 นาที วอนพบเห็นรถพยาบาลโปรดให้ทาง
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินมากขึ้น 3-4 เท่า ซึ่งในปีที่ผ่านมาสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือระดับของความรุนแรงในการเกิดอุบัติเหตุ เพราะมีสถิติผู้เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สพฉ.ได้เตรียมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยได้ประสานกับศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 และมีการตรวจเช็กคู่สายกว่า 500 สายทั่วประเทศให้พร้อมใช้งาน และกระจายทีมกู้ชีพทั้งในส่วนภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมในทุกพื้นที่
นพ.อนุชา กล่าวอีกว่า ในส่วนของประชาชนต้องเตรียมพร้อมด้วยเช่นกันคือ หากเดินทางไกลจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเดินทาง ขับรถด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง และหากต้องขับรถในระยะทางไกลเกินกว่า 200 กิโลเมตร ควรหยุดพักเป็นระยะ นอกจากนี้ ควรตรวจสภาพเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ในรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานด้วยเพื่อความปลอดภัย
“หากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินที่สำคัญจะต้องมีสติตลอดเวลา ต้องเตรียมพร้อมเรื่องการสื่อสาร การขอความช่วยเหลือ ซึ่งในรถแต่ละคันควรติดเบอร์โทรฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ ไว้ เพราะบางช่วงเวลาหากตกใจเราอาจลืมการขอความช่วยเหลือได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ควรมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลและยาที่จำเป็นไว้บ้าง อาทิ สำลี น้ำยาฆ่าเชื้อที่แผล ผ้าก๊อซปิดแผล ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้ายืดพันแก้เคล็ดขัดยอก ถุงมือใช้แล้วทิ้ง ปากคีบหยิบสำลี กรรไกรตัด ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้เมารถ เป็นต้น รวมถึงเตรียมอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น อาทิ ไฟฉาย ไฟฉุกเฉิน เชือก เพราะอุปกรณ์เหล่านี้อาจกลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตคุณและคนที่คุณรักได้” เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
นพ.อนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่พบอุบัติเหตุหรือประสบเหตุเอง แต่ยังช่วยเหลือตนเองได้ ควรตั้งสติและประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของอุบัติเหตุ เช่น มีผู้ได้รับบาดเจ็บกี่คน มีรถยนต์กี่คันที่ประสบเหตุ เกิดเหตุที่ใด และควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 โดยอย่าพยายามเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่บาดเจ็บด้วยตนเอง เพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุให้จอดรถในที่ปลอดภัย เปิดไฟฉุกเฉิน หากผู้ป่วยฉุกเฉินมีเลือดออกมากให้ปฐมพยาบาลห้ามเลือด โดยใช้ผ้าปิดปากแผลแล้วใช้ฝ่ามือกดให้แน่น 10-15 นาที จนเลือดหยุด สำหรับภาวะเลือดออกภายในต้องให้ผู้ป่วยพักในท่าที่สบายที่สุด ปลอบใจผู้ป่วยไม่ตื่นเต้นตกใจและสงบจะทำให้เลือดออกน้อยลง ห้ามให้อาหารและน้ำทางปาก จนกว่าแพทย์จะอนุญาต และหากไอเป็นเลือด ให้ผู้ป่วยพยายามไอเบาๆ จะทำให้เลือดออกน้อยลง หากกระดูกหักและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายจริงๆ ให้ดามกระดูกก่อน โดยอาจใช้อุปกรณ์ใกล้ตัว เช่น กระดาษแข็งหนาๆ หรือไม้นำมามัดดามไว้ด้วยเชือกหรือผ้าพันแผลบริเวณที่กระดูกหักเพื่อลดการขยับ
 “ช่วงเทศกาลสงกรานต์ทีมกู้ชีพเราพร้อมทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยตั้งเป้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้ได้ภายใน 8 นาที เพราะจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินมีโอกาสรอดและปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้น หากผู้ขับขี่พบเห็นรถพยาบาลโปรดหลีกทางให้ด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันกาล โดยอยากให้คิดเสมอว่าคนในรถฉุกเฉินอาจเป็นญาติหรือคนที่คุณรัก” เลขาธิการ สพฉ. กล่าว


ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์                     



PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เตือนเมนู "หมูดิบ" ฉลองสงกรานต์ เสี่ยงหูดับ-หนวก | PG&P THAI

เตือนเหนือ-อีสานฉลองสงกรานต์ด้วยเมนู "ลาบหมูดิบ-แหนมหมูดิบ" เสี่ยงติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ทำให้หูดับ หูหนวกถาวร บางรายซวยถึงขั้นตาย แนะคนทำงานกับหมูควรสวมถุงมือ คนขายเนื้อหมูระวังอย่าให้มีแผล และคนกินต้องปรุงสุกเท่านั้น
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การเดินทางกลับภูมิลำเยาของประชาชนในช่วงสงกรานต์มักจะรับประทานอาหารประจำถิ่น อย่างภาคเหนือและภาคอีสานมักฉลองกันด้วย ลาบ หลู้ หมูดิบ คู่กับการดื่มเหล้า ซึ่งการรับประทานหมูดิบหรือสุกๆดิบๆ เป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคไข้หูดับและหูหนวกถาวร บางรายอาจถึงตาย ทั้งนี้ จังหวัดที่มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับสูง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนม สกลนคร อุดรธานี และขอนแก่น จึงขอให้สงกรานต์นี้งดเมนูหมูสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะลาบหมูดิบ หลู้หมูดิบ และแหนมหมูดิบ เพื่อความปลอดภัยจากโรคไข้หูดับ
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า โรคไข้หูดับเป็นโรคติดต่อจากหมูสู่คน โดยหมูที่มีเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ในระบบทางเดินหายใจ บางตัวอาจไม่แสดงอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้ คนสามารถติดเชื้อจากหมูได้โดยการสัมผัสหมูที่มีเชื้อโรค โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอก ซึ่งกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคทางผิวหนัง ได้แก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู คนชำแหละหมู ผู้ตรวจเนื้อหมู สัตวแพทย์ ผู้ขายเนื้อหมู ผู้ทำงานในโรงงานฆ่าหมู เป็นต้น ส่วนคนทั่วไปสามารถติดโรคได้จากการรับประทานหมู เช่น เลือดหมูดิบ กึ่งสุกกึ่งดิบ หรือเนื้อหมูที่คิดว่าสุกจากการบีบมะนาว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานการติดต่อจากคนสู่คน ส่วนระยะฝักตัวของโรคนี้สั้นมาก อยู่ที่ไม่กี่ชั่วโมง - 3 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อและความแข็งแรงของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่ร้อยละ 85 ผู้ป่วยจะมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบคือ มีไข้ คอแข็ง สับสน ปวดศีรษะ มักมีอาการปวดหัวนำมาใน 1-2 วันแรก ผู้ป่วยร้อยละ 54-80 จะสูญเสียการได้ยิน (หูหนวกถาวร) ในรายที่รุนแรง อาจมีการติดเชื้อในกระแสโลหิต อวัยวะภายในอักเสบ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ช็อก โรคนี้มีอัตราตายสูงถึงร้อยละ 13
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนาสังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การป้องกันโรคไข้หูดับ สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดหมู หรือทำงานเกี่ยวกับหมู ควรหลีกเสี่ยงการสัมผัสหมูหรือซากหมูด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือ ใส่รองเท้าที่หุ้มเท้า ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และอาบน้ำ ชำระร่างกายทุกครั้งหลังสัมผัสหมู ส่วนผู้ค้าเนื้อหมู ต้องระวังอย่าให้มีบาดแผล หรือรอยถลอก บริเวณแขนและมือ ควรเลือกซื้อหมูจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐานมาขาย และเก็บเนื้อหมูไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส และที่สำคัญคือกลุ่มที่รับประทานหมู ควรเลือกซื้อหมูสด ไม่มีสีแดงคล้ำ หรือมีเลือดคลั่งมากๆ การปรุงควรนำเนื้อหมูมาปรุงสุกเท่านั้น ไม่ควรกินเนื้อหมู เลือด และอวัยวะภายในที่ดิบๆ หรือปรุงสุกๆดิบๆ และล้างมือด้วยสบู่ก่อนและหลังการสัมผัสเนื้อหรืออวัยวะของหมู โดยเฉพาะในบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผล


ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ระวัง 2 โรคร้ายอันตรายในหน้าร้อน PG&P THAI

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

พอย่างเข้าเดือนเมษายนทีไรทุก คนคงโฟกัสไปถึงอุณหภูมิที่ร้อนระอุทะลุปรอท และเตรียมเล่นสงกรานต์กันให้ฉ่ำปอด นอกจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทุกปีเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ โลกอย่างที่เรารู้ๆ กันแล้ว ทุกครั้งในหน้าร้อนเรายังได้ยินได้ฟังเรื่องไฟป่าที่แผดเผาจนเกิดหมอกควัน ซึ่งนำไปสู่อันตรายจากระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ
นอกจากความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ และหมอกควันแล้ว ร้อนๆ อย่างนี้ ยังมีโรคภัยจากอาหาร และสัตว์เลี้ยง ที่เราจำเป็นต้องเตือนกันให้ระมัดระวังกันทุกปี ลองไปดูว่า ร้อนนี้มีโรคอะไรบ้างที่เราต้องระวัง
1.โรคจากสัตว์เลี้ยง จริงๆ แล้วโรคจากสัตว์ในช่วงนี้ ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ เพราะมีรายงานว่าพบโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนจำนวนมากถึง 271 โรค เป็นต้นว่า สัตว์ฟันแทะ 44 โรค การทำปศุสัตว์ 37 โรค โรคจากแมว 34 โรค ลิง 27 โรค สัตว์เลื้อยคลานและปลา 20 โรค กระต่าย 17 โรค และนก 15 โรค นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยังมีรายงานว่ามีโรคอุบัติใหม่อย่าง 'พยาธิ หนอนหัวใจ' ที่ติดจากยุงมากัดสุนัข และพบว่า โรคนี้อาจเป็นภัยคุกคามคนเมืองได้เนื่องจากมีรายงานในต่างประเทศว่ามีการ ติดต่อจากสุนัขมาสู่คนได้ด้วย
ที่สำคัญยังพบโรคจากสัตว์เลี้ยงแสนรักมากถึง 47 โรค โดยเฉพาะร้อนๆ แบบนี้ ต้องระวังพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่อันตรายร้ายแรง
โรคพิษสุนัขบ้า หรือ "โรคกลัวน้ำ" (Hydrophobia) เกิดจากผู้ที่มีบาดแผลถูกสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อ "เลีย" หรือถูก "กัด" เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการจะต้องเสียชีวิตทุกราย ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโลกนี้ไม่ต่ำกว่า 55,000 รายต่อปี ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ประชาคมอาเซียนมีเป้าหมายร่วมกันจะกำจัดโรคนี้ให้หมดไปจากอาเซียน ภายในปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2563
สำหรับประเทศไทย มีผู้สัมผัสโรคได้รับการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าไม่ต่ำกว่าปีละ 5 แสนราย แต่ก็ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ทุกปี จากรายงานสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ระหว่างปี พ.ศ.2551-2555 พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าว 9, 24, 15, 8 และ 4 รายตามลำดับ ในปี พ.ศ.2556 ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ส่วนผู้ที่ถูกสุนัขกัดและไปรับ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้านั้น พบว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี 33.17% ของผู้มารับการฉีดวัคซีน) และมักถูกลูกสุนัขกัด ดังนั้นในช่วงฤดูร้อนนี้ ผู้ปกครองต้องระวังบุตรหลานอย่าเข้าใกล้สุนัข ที่ตนเองไม่ได้เลี้ยง แม้จะเป็นลูกสุนัขที่น่ารักหรือไม่ดุก็ตาม อย่าปล่อยให้เด็กอยู่กับสุนัขตามลำพัง เพราะหากสุนัขที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ามาข่วน ขบ กัด แค่เพียงเป็นรอยแผลเป็นเล็กๆ ก็สามารถติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ ที่สำคัญระลึกไว้เสมอว่า "โรคนี้เป็นแล้วตายไม่มียารักษา"
อย่างไรก็ตามหากถูกสุนัขกัด ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง เช็ดให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน แล้วรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ และควรกักขังหรือติดตามดูอาการสุนัข 10 วัน (ถ้าเป็นสุนัขบ้าจะตายภายใน 10 วันหลังแสดงอาการ) นอกจากสุนัขแล้ว แมวก็เป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่สามารถแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าสู่คนได้
นอกจาก พิษสุนัขบ้า โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่ควรมีการเฝ้าระวังในปี 2556 คือ โรคโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ 2012 ที่ระบาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โรคไข้หวัดนก โรคคอตีบ ซึ่งประเทศไทยหายไปแล้วราว 20 ปี แต่กลับมาพบอีกครั้ง
2. โรคจากอาหารและน้ำ ได้แก่ โรค อุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด อหิวาตกโรค และไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย และโรคตับอักเสบจากไวรัสทางเดินอาหารชนิดเอ จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค โรคติดต่อทางอาหารและน้ำเป็นโรคที่พบบ่อย โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน
ในช่วงเกือบ 2 เดือนแรกของปี 2556 นี้ มีรายงานผู้ป่วยทั้ง 6 โรค รวม 146,452 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต โรคที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง 128,855 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 28 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ โรคอาหารเป็นพิษ 15,965 ราย โรคบิด 1,197 ราย และโรคตับอักเสบจากไวรัสทางเดินอาหารชนิดเอ จำนวน 43 ราย ส่วนโรคอหิวาตกโรค ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย
แนวทางป้องกันที่สำคัญ คือควรล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารและหลังออกจากห้องน้ำ แยกอาหารสดออกจากอาหารที่ปรุงสุกแล้วเสมอ ควรปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง หากผู้ที่มีอาการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ ไม่ควรกินยาเพื่อให้หยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคคั่งค้างในร่างกาย จะเป็นอันตรายรุนแรงขึ้น
ขอให้ดื่มน้ำหรือทานอาหารเหลวมากๆ และดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือโออาร์เอสแทนน้ำ โดยใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ 1 ซอง ผสมกับน้ำต้มสุกเย็น 1 แก้ว ประมาณ 250 ซีซี หากไม่มีผงเกลือแร่สำเร็จ สามารถปรุงเองได้ โดยใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นครึ่งช้อนชา ละลายกับน้ำต้มสุกเย็น 1 ขวดน้ำปลากลม ประมาณ 750 ซีซี ให้ผู้ป่วยดื่มบ่อยๆ เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หลังดื่มแล้วอาการของผู้ป่วยจะดีขึ้น แต่หากยังไม่หยุดถ่ายและมีอาการมากขึ้น เช่น อาเจียนมากขึ้น อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายหัวกุ้งเน่า ปวดบิด มีไข้สูงขึ้นหรือชัก ควรพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้เสียชีวิตได้
ร้อนนี้ หากใครมีโรคประจำตัว นอกจากจะต้องใส่ใจแล้ว อาหารและสัตว์เลี้ยงยังเป็นอีกสองอย่างที่ต้องระมัดระวัง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ผิวสวยได้ แม้แดดจ้า

นอกจากอากาศร้อนจะทำให้คนหงุดหงิด ง่ายขึ้นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย ในช่วงแดดเปรี้ยงและอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นทุกวันนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายจึงควรรู้ถึงวิธีดูแลผิวหนังตัวเองอย่างไรให้ดูดีอยู่เสมอ
ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคณะกรรมการอำนวยการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะนำ ว่า ในช่วงแดดจ้าและร้อนมากเ่ช่นนี้ จะมีอาการทางผิวหนังอยู่ 2 อาการ ได้แก่ 1. อาการผิวหนังไหม้เกรียมจากแสงแดด และ 2. ผดขึ้นตามผิวหนัง โดยอาการผิวไหม้เกรียมจากแสงแดดนั้น คุณหมอแนะนำให้ค่อยๆ ออกแดดทีละนิด เพื่อให้ผิวหนังคุ้นเคยกับแสงแดด รวมถึงทนกับแสงแดดให้มากขึ้น ก่อนที่จะโดนแสงทีเดียวครั้งละมากๆ
นอกจากนี้ ยังต้องเลือกครีมทากันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวหนังมากที่สุด โดยหากออกแดดนาน ต้องพิจารณาครีมกันแดด ที่มีค่า PA+++ ซึ่งสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตไม่ให้เข้ามาทำอันตรายกับผิวหนังได้ดี ขณะเดียวกันต้องเลือกครีมกันแดด ที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) ที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละวัน เช่น หากอยู่ในเมือง ออกแดดแค่ช่วงกลางวันไม่นาน ก็ให้เลือกใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 15 PA+ และPA++ ก็พอ
แต่หากไปเที่ยวทะเล ก็ขอให้ใช้ครีมกันแดดระดับ SPF 50 และ PA+++ ขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายสามารถทนกับแดดจ้าได้ โดยหากไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร หรือนั่งนิ่งเป็นเวลานาน ก็ควรหยิบครีมคู่ใจขึ้นมาทาซ้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในช่วงหน้าร้อนไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรที่ออกกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเล่นกีฬา หรือเล่นสงกรานต์ก็ขอให้พกไว้ตลอด
สำหรับความเชื่อที่ว่านั่งใต้ร่มผ้าใบ ชายหาด จะสามารถป้องกันผิวหนัง จากการโดนแดดเผานั้น คุณหมอบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะผิวหนังยังมีโอกาสได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตปริมาณมหาศาล การสะท้อนแสงแดดของน้ำทะเลอยู่ดี เพราะฉะนั้นหากเลือกที่จะนอนเล่นบริเวณเตียงผ้าใบก็ขอให้ทาครีมกันแดด ป้องกันผิวไว้ด้วย
ส่วนการป้องกันตัวเองจากอาการผดผื่นขึ้นตามผิวหนังนั้น ขอให้หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะอบร้อน ยกตัวอย่างเช่น ผ้าร่ม ไม่ควรใส่เด็ดขาด โดยควรเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะโปร่ง และให้ความร้อนผ่านได้ดี จะทำให้อาการผดเกิดได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนสถานที่อย่างรวดเร็วจากบริเวณที่อยู่ใน ห้องแอร์ และออกไปยังที่ที่มีอากาศร้อนทันที เพราะผดเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วมาก


ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

"ไม้ประดับ" มีส่วนช่วยลดมลพิษ


นักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่าได้ ทดสอบความสามารถของพืชพันธุ์ต่างๆ ประมาณ 50 ชนิด พบว่าพืชบางชนิดมีส่วนช่วยดูดซับสารพิษ และแนะนำให้ไปใช้ในอาคารที่ทำงาน และที่บ้านเพื่อช่วยลดมลพิษ
นักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่า ได้ทดสอบความสามารถของ พืชพันธุ์ต่างๆ ประมาณ 50 ชนิด จากการทดสอบความสามารถของพืชบางชนิดในการลดสารพิษจำพวกสารอินทรีย์ที่ระเหย ง่าย พบว่า ดอกเบญจมาศ หรือที่ใช้ทำน้ำเก๊กฮวย มีส่วนช่วยขจัดสารมลพิษได้มากกว่าร้อยละ 90 เมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง
หมากเหลือง เป็นไม้ประดับภายในอาคารที่นิยมเป็นอย่าง มาก มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคาร และคายความชื้นให้แก่อากาศภายในห้องได้มาก และยังมีประสิทธิภาพสูงในการช่วยดูดซับสารพิษจากอากาศได้ปริมาณมากเมื่อ เทียบกับไม้ประดับด้วยกัน เป็นไม้ประดับที่แนะนำให้ปลูกภายในอาคาร หรือ บ้านเรือน
สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้ประดับอีกอย่างที่สามารถปลุกได้ทั้งภายนอก และภายในอาคาร และยังเลี้ยงง่าย มีส่วนช่วยลดไซลีนโทลูอีน ที่เกิดจากไม้อัด เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ สีทาห้องในอัตราสูงได้ที่ เพราะหากสูดดมสารนี้ในระยะสั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ วิงเวียน หน้ามืด


ที่มา : สำนักข่าวไทยพีบีเอส


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks