น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

ความมั่นคงทางอาหาร...เริ่มจากครัวชุมชน

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความมั่นคงทางอาหาร...เริ่มจากครัวชุมชน

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นานาประเทศต่างต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร หลายประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะเมื่อผลผลิตทางการเกษตรมีราคาแพง และไม่สามารถผลิตได้เพียงพอตามความต้องการ เนื่องในวันอาหารโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี หลายหน่วยงานจึงมีความพยายามที่จะร่วมกันฝ่าวิกฤต ก่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารรวมถึงประเทศไทยด้วย
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้จัดการแผนงานความมั่นคงทางอาหาร โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี บอกว่า ในปี 2555 คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงอาหาร ได้มอบหมายให้แผนงานความมั่นคงทางอาหารร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดประชุมเพื่อขับเคลื่อนให้มีความมั่นคงทางอาหาร โดยคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ได้วิเคราะห์ วางแผน และพยายามหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาตลอด โดยตั้งเป้าว่าก่อนวันอาหารโลก ในวันที่ 16 ตุลาคม จะมีการจัดประชุมแสดงความคิดเห็นเรื่อง “การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงอาหารจากชุมชนสู่ระดับชาติ” โดยนำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์ในแต่ละพื้นที่ แลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และมุมมองของมิติความมั่นคงอาหาร ในเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ และการปรับตัวของชุมชนในแต่ละท้องถิ่น  ระหว่างคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงอาหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิจัย นักวิชาการ นักพัฒนา และผู้ที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน เพื่อสื่อสารความเข้าใจเกี่ยวกับความมั่นคงอาหารในบริบทประเทศไทยทุกมิติและทุกระดับตั้งแต่ ชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับชาติ เพื่อให้เกิดแนวคิดและทิศทางในการจัดทำแผนงานเชิงปฏิบัติการในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงอาหารในทุกระดับ เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยด้านความมั่นคงอาหารที่เหมาะสมและจำเป็นต่อสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
“ในภาพรวมของประเทศ เราอาจเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลกมีบริษัทที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก แต่แท้จริงแล้วประเทศไทยยังมีความไม่มั่นคงทางอาหารอยู่ ซึ่งข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า ในช่วงปี 2547 -2549 ประเทศไทยมีประชากรเป็นผู้ขาดสารอาหารถึง 17% ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กอยู่อัตราที่ต่ำ ดังนั้น ในภาพรวมดูเหมือนดี แต่ในทางปฏิบัติถือว่ายังมีปัญหา ดังนั้น การแก้ปัญหาเราจะมองแต่ภาพใหญ่อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเริ่มจากชุมชน”
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สำคัญที่เป็นไฮไลท์ในงานนี้จะมีการนำเสนอใน 3-4ประเด็นสำคัญ เช่น วิเคราะห์ภาพใหญ่ของระบบโลกและผลกระทบด้านอาหาร การถอดบทเรียนการสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยยก 3 พื้นที่ตัวอย่าง 1.ความมั่นคงอาหารของชุมชนในภูมินิเวศน์ชายฝั่งทะเล อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ที่มีความโดดเด่นในกระบวนการป้องกันภัยคุกคามความมั่นคงด้านอาหาร เช่น ผลกระทบจากการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง มีการสร้างท่าเรือ การทำหารประมงที่ทำลายร้าง เป็นต้น 2.ความมั่นคงอาหารชุมชนในภูมินิเวศน์ป่า/ภูเขาที่ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุมชนชาติพันธุ์มีการผลักดันให้มีการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน การลดการใช้สารเคมีในการเกษตร ส่งเสริมพันธุ์พืชที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ การอนุรักษ์ป่าไม้ พืชพรรณท้องถิ่น และ3.ความมั่นคงอาหารชุมชนในภูมินิเวศน์นาข้าวและการแลกเปลี่ยนอาหารของเมืองชนบทในภาคอีสาน ที่ จ.ยโสธร จ.สุรินทร์ จ.มหาสารคาม ซึ่งมีความโดดเด่นในการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อรับประทานเองและจำหน่ายในตลาดท้องถิ่นที่มีหลายระดับ เป็นการเอื้ออำนวยให้กับคนเมืองสามารถเข้าถึงอาหารที่ดีได้
นอกจากนี้จะมีการนำเสนอตัวชี้วัดเครื่องมือที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหา โดยมีการทำตัวชี้วัดใน 30 ชุมชน เช่น ดูว่าในชุมชนมีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ สามารถเข้าป่าหาอาหารตามธรรมชาติได้หรือไม่ หรือสามารถผลิตอาหารได้เองหรือไม่ มีสัดส่วนอย่างไร เป็นต้น โดยเน้นชุมชนท้องถิ่นที่สามารถพึ่งพิงตนเองด้านอาหารได้ ส่วนในชุมชนเมืองก็มีความสำคัญ ได้มีการนำเสนอเรื่อง “สวนผักคนเมือง” ที่เป็นกระแสใหญ่มากและแนวโน้มของเมืองใหญ่ทั่วโลก โดยทั้งชุมชนเมืองและชนบทจะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน
นายวิฑูรย์ ทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ดี สถานการณ์ปัจจุบันวิกฤตด้านอาหารยังคงอยู่ แม้ว่าสินค้าการเกษตรบางชนิดในช่วงนี้จะมีราคาตกต่ำ แต่ก็เป็นเหตุการณ์แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งความสามารถในการควบคุมราคาสินค้าในตลาดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่คนไทยและคนทั่วโลกที่ต้องเผชิญอยู่ทุกปี เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก เช่น เมื่อ 2-3 ปีก่อน เกิดภัยธรรมชาติในเวียดนาม หรือ สหรัฐอเมริกา ก็ส่งผลกระทบทำให้ราคาอาหารถีบตัวสูงขึ้น ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อม ยิ่งหากได้ประกาศตัวเป็นครัวของโลก เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหาร การมองภาพใหญ่อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเริ่มจากชุมชนไปสู่ระดับชาติ
หากเราสามารถสร้างความมั่นคงด้านอาหารในชุมชนได้ ความหวังที่จะเป็นครัวของโลกคงไม่ไกลเกินเอื้อม...

PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

คนกรุงเครียดข้าวของแพงมากที่สุด น่าห่วงวัยรุ่นเลือก "เหล้า" คลายเครียด

คนกรุงเทพฯ เครียดที่สุดเรื่อง ข้าวของแพง น้ำท่วม และรถติด ที่แย่กว่านั้นเยาวชนใช้ แอลกอฮอล์เป็นเครื่องมือคลายเครียดมากที่สุด
 

 
             เนื่องในวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้เป็นวันสุขภาพจิตโลก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “สุขภาพจิตของคนกรุงท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและภัยธรรมชาติ”  โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนอายุ 18 ปี ขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,474 คน พบว่า เรื่องที่ทำให้คนกรุงเทพฯ เครียดและวิตกกังวลมากที่สุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคือ ข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 28.6 รองลงมาคือกลัวน้ำท่วมกรุงเทพฯ ร้อยละ 15.4  และการจราจรติดขัด ร้อยละ 12.4  ขณะที่ร้อยละ 3.5 ไม่มีเรื่องเครียดและวิตกกังวลเลย   โดยบุคคลที่คิดว่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นที่พึ่งทางใจ ในยามเครียดและวิตกกังวลมากที่สุดคือ คนในครอบครัว ร้อยละ 60 รองลงมาคือ เพื่อน ร้อยละ 19.7  และคนรัก ร้อยละ 10
            สำหรับกิจกรรมที่คนกรุงเทพฯ นิยมทำเพื่อผ่อนคลายเมื่อเกิดความเครียดและวิตกกังวลมากที่สุดอันดับแรกคือ ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ ร้อยละ 98.3  รองลงมาคือ ช้อปปิ้ง ดูหนัง ทานข้าว ร้อยละ 88 และออกกำลังกาย ร้อยละ 84.5อย่างไรก็ตามคนกรุงเทพฯ บางส่วนเลือกที่จะใช้วิธีที่ไม่ดีเพื่อผ่อนคลายคือ ร้อยละ 52.9 เลือกที่จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  และร้อยละ 24.9 เลือกที่จะสูบบุหรี่   ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พบว่า เป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 18-25 ปี มากที่สุด ร้อยละ 19.8
            เมื่อถามว่าคนกรุงเทพฯ จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาทางสุขภาพจิต (เช่น โรควิตกกังวล โรคจิต โรคซึมเศร้า) มากน้อยเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับคนต่างจังหวัด   กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 66 คิดว่าคนกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงมากกว่า   ขณะที่ร้อยละ 29.3 คิดว่ามีพอๆ กัน   และร้อยละ 3.2 คิดว่ามีน้อยกว่า
             ด้านความเห็นต่อปัญหาความแตกแยกในสังคม ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาของแพง ในปัจจุบันมีส่วนทำให้สุขภาพจิตของคนไทยไม่ดี มากน้อยเพียงใด ร้อยละ 94.6 เห็นว่ามากถึงมากที่สุด และร้อยละ 5.4 เห็นว่าน้อยถึงน้อยที่สุด
              สุดท้ายเมื่อถามว่าปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนมากน้อยเพียงใด คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 64.6 เห็นว่าไม่ค่อยให้ความสำคัญ   และร้อยละ 22.2 เห็นว่าไม่ให้ความสำคัญเลย ขณะที่ร้อยละ 13.2 เห็นว่าให้ความสำคัญมาก

ที่มา :  ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)

PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เชื้อราในยาเสี่ยง 'เยื่อหุ้มสมองอักเสบ'

นพ.ภาสกร อัครเสวี ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีชาวอเมริกันติดเชื้อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งทางการคาดว่าเกิดจากการได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในตัวยาสเตียรอยด์ระงับอาการปวดหลัง ส่งผลให้บริษัทต้องเรียกคืนยาทั้งหมดกว่า 17,600 หลอด ว่า สถานการณ์ติดเชื้อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบของคนอเมริกันเป็นการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ภายในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีการส่งผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในประเทศไทย
ส่วนเชื้อราที่ปนเปื้อนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อราชนิดใด แต่กรณีการเกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราโดยตรงจากผลิตภัณฑ์นั้น มีโอกาสเกิดได้น้อยมาก สำหรับในประเทศไทยกรณีดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับการติดเชื้อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากสาเหตุอื่นๆ
"สาเหตุหลักๆ ส่วนมากมักเกิดกับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเอดส์ โดยเกิดจากเชื้อราคลิปโตคอคคัส ส่วนกรณีติดเชื้อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราโดยตรงนั้น อาจเกิดได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อรา อาทิ ยาหยอดตา ยาหยอดหู แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก และประเทศไทยยังไม่มีรายงานการติดเชื้อจากสาเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ การติดเชื้อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจาก เชื้อราจะไม่มีการระบาดเป็นกลุ่ม ถือว่ามีความเสี่ยงที่ต่ำมาก" นพ.ภาสกร กล่าว


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เตือนภัยเงียบ “โรคซึมเศร้า” ทุกวัยมีสิทธิ์ป่วย

 
               สธ. เผยโรคซึมเศร้า ภัยเงียบคุกคามสุขภาพ คาดจะกลายเป็นปัญหาอันดับ 1 ของโลกในอีก 18 ปีข้างหน้า เตือนมีสิทธิ์ป่วยทุกวัย ระบุคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปป่วยแล้วกว่า 1.5 ล้านคน  แต่เข้าถึงการรักษาน้อยเพียง 1 ใน 4 เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ คาดแนวโน้มมีเพิ่มจาก 5 กลุ่มเสี่ยง  ชี้โรคนี้เสี่ยงฆ่าตัวตายจบชีวิตสำเร็จสูงกว่าคนทั่วไป 20 เท่าตัว พร้อมแนะให้ประชาชนออกกำลังกาย  ป้องกันได้     
 
              เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ จังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์คำรณ ไชยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมระบบบริการดูแลปัญหาสุขภาพจิตประชาชนของโรงพยาบาลปักธงชัย อ.ปักธงชัย และได้เยี่ยมชมการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคทางกายและทางจิตด้วยดนตรีบำบัด ของโรงพยาบาลครบุรี อ.ครบุรี เพื่อใช้รักษาการเจ็บป่วยทางกายและโรคทางจิต เช่นโรคซึมเศร้า ความผิดปกติทางอารมณ์ ทำให้การไหลเวียนโลหิตในร่างกายดี ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความวิตกกังวล สร้างสมาธิ ร่วมกับการรักษาด้วยยา ส่งผลให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น  
 
               นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวว่า  วันที่ 10 ตุลาคม ทุกปี  องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) ในปีนี้เน้นเรื่อง"ภาวะซึมเศร้า: วิกฤตโลก" (Depression: A Global Crisis)  เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกเร่งรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นภัยเงียบของสุขภาพ เป็นได้ทุกวัย หากไม่ได้รับการแก้ไขจะมีผลกระทบรุนแรง ทำงานหรือเรียนหนังสือไม่ได้ กลายเป็นภาระการดูแลรักษาอันดับ 1 ของทั่วโลกในอีก 18 ปีข้างหน้า หรือในพ.ศ.2573 ล่าสุดนี้ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากกว่า 350 ล้านคน ผู้หญิงป่วยมากกว่าผู้ชาย ในจำนวนนี้เข้าถึงบริการรักษาเพียง 1 ใน 10  ส่วนในไทย จากข้อมูลของศูนย์โรคซึมเศร้าไทย กรมสุขภาพจิต รายงานว่าขณะนี้คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 2 ของประชากรทั้งหมด สังคมไทยยังให้ความสำคัญโรคนี้น้อย ส่วนใหญ่เข้าใจว่าผู้ป่วยโรคนี้เป็นคนบ้า และจากข้อมูลการให้บริการของสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 100 คนเข้าถึงบริการได้รับการวินิจฉัยและรักษา 28 คนเท่านั้น   
 
              นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวต่อว่า จากการศึกษาพบว่า โรคซึมเศร้าเป็นสาเหตุถึงร้อยละ 70 ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และต้องทรมานในภาวะไร้สมรรถภาพมากเป็นอันดับ 3 ในหญิงไทย รองจากโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงจะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายสำเร็จสูงกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า   
 
              "ในการป้องกันแก้ไขและลดความสูญเสียจากโรคซึมเศร้า ในปี 2556 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเน้นนโยบายบริการเชิงรุก 3 มาตรการหลักได้แก่  1.ให้กรมสุขภาพจิตเร่งรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ว่าโรคซึมเศร้าไม่ใช่บ้าและรักษาหาย  2.ขยายบริการการรักษาโรคนี้ลงในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง ซึ่งโรคนี้รักษาได้ง่ายๆด้วยยาเพียงเม็ดเดียว กินวันละครั้ง ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 1 เดือน และต้องกินยาติดต่อกันนาน 6 เดือน จะสามารถป้องกันการกลับซ้ำได้ดีมาก และ3.กระตุ้นให้ประชาชนออกกำลังกายชนิดที่ต้องออกแรงและมีเหงื่อ เช่นวิ่ง ปั่นจักรยานอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากจะทำให้สมองหลั่งสารต้านเศร้า ซึ่งมีชื่อว่าเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ทำให้มีความสุข รู้สึกสบาย คลายความเครียดกังวลได้ดี" นายแพทย์สุรวิทย์กล่าว                                                                                        
 
               ด้านนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้กรมสุขภาพจิต ได้จัดระบบเฝ้าระวังโรคซึมเศร้าระดับจังหวัด โดยอบรมแพทย์ พยาบาลวิชาชีพกว่า 5,000 คน และอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เร่งค้นหาผู้ที่มีแนวโน้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าใน 5 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.ผู้ป่วยโรคทางกายเรื้อรัง เช่น เบาหวาน มะเร็ง ไตวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง 2.ผู้สูงอายุ 3.หญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด 4.ผู้ติดสุราและสารเสพติด 5.ผู้สูญเสียทรัพย์สินจำนวนมากหรือสูญเสียคนรัก ทั้งในภาวะปกติทั่วไปและประสบอุบัติภัยต่างๆเช่นน้ำท่วม เป็นต้น โดยการคัดกรองหาผู้ที่มีความเศร้าในชุมชนต่างๆ และโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อนำผู้ป่วยเข้าสู่การดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องโดยการรักษาด้วยยาหรือจิตบำบัด ตั้งเป้าจะเพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้ที่มีปัญหาให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70  ซึ่งจะช่วยให้สามารถป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายได้ด้วย
 
               นายแพทย์วชิระกล่าวต่อว่า โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชที่พบมากที่สุด เป็นโรคของสมอง เกิดจากความบกพร่องของสารสื่อประสาท ส่งผลให้มีภาวะผิดปกติทั้งร่างกายและจิตใจ  อาการที่เป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้า ได้แก่ มีอารมณ์เศร้า ท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวังอย่างรุนแรง อาการเกิดตลอดวัน ทำอะไรก็ไม่เพลิดเพลิน ติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ร่วมกับอาการเบื่อหน่าย หมดความสนใจในงาน การเรียนหรือกิจกรรมที่ทำอย่างมาก หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ต้องพาไปพบจิตแพทย์  
 
               ทั้งนี้ การป้องกันการเกิดโรคทางจิต หากประชาชนที่มีปัญหาเครียด  ไม่สบายใจ  นอนไม่หลับ ไม่ควรเก็บปัญหาไว้คนเดียว  ควรระบายปัญหาออก เช่น ปรึกษาผู้ที่ไว้วางใจที่สุดเพื่อหาทางออก ช่วยกันดูแลสมาชิกในครอบครัวสอบถามทุกข์สุข ทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที จะสามารถคลี่คลายปัญหาสุขภาพจิตได้ดีมาก โดยร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้นอนหลับสนิททุกวัน และที่สำคัญไม่ควรใช้สารเสพติดหรือดื่มสุราดับทุกข์  เนื่องจากจะทำให้เกิดการเสพติด  นอกจากนี้สามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และ 1667 ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks