น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

ชุดชั้นในเปียก บ่อเกิดโรค

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

QA: ชุดชั้นในเปียก อับชื้น คันคะเยอ บ่อเกิดโรค?

Question ชุดชั้นในอับชื้นจากฝน บ่อเกิดโรคอะไรได้บ้างคะ?

Answer โดย นพ.ก้องศาสดิ์ ดีนิรันดร์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1

ชุดชั้นในเปียก อับชื้น บ่อเกิดโรค

"ผมว่าช่วงหน้าฝนหลายคนคงรู้สึกมีความสุขอากาศเย็นสบาย เพราะมีความชื้นในอากาศสูง ไม่ร้อน แต่บางคนก็กลับรู้สึกรำคาญเพราะเป็นอุปสรรคในการเดินทางไปไหนมาไหน เฉอะแฉะ รถติด เปียกชื้น ซักผ้าก็แห้งยาก ผู้ชายไม่เท่าไหร่ แต่ผู้หญิงนี่ซิครับ

โดยเฉพาะชุดชั้นในของคุณผู้หญิง ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่เรียกว่าใกล้ตัวผู้หญิงมากที่สุด หากไม่สะอาด หรือเปียกชื้น อับ จะก่อเกิดโรคหรืออาการอะไรกับสาวๆ ได้บ้างล่ะ

อย่างแรกเลยคือ โรคผิวหนัง ซึ่งมาจากเชื้อราในฟองน้ำ เพราะแฟชั่นเสื้อชั้นในแบบเสริมฟองน้ำเป็นที่นิยมมาก ในหน้าฝนฟองน้ำอาจจะแห้งสนิทยาก เช่น ข้างนอกแห้ง แต่ข้างในยังชื้น ทำให้เชื้อราจะแบ่งตัวได้ดี เมื่อสวมใส่จะก่อให้เกิดอาการคันเป็นผดผื่นบนผิวหนังได้

ส่วนกางเกงชั้นในที่อับชื้น จะก่อให้เกิดชื้อราที่ทำให้มีอาการคันในช่องคลอดได้ เชื้อที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบของช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุด คือ แคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งโดยปกติเป็นเชื้อที่อยู่ในช่องคลอดโดยไม่ทำให้เกิดโรค แต่หากใส่ชุดชั้นในที่อับชื้นเป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้เชื้อรามีปริมาณมากขึ้นจนก่อโรค ลองสังเกตดูว่า มักจะมีตกขาวออกมาร่วมกับมีอาการคันช่องคลอด

ทว่าชุดชั้นในที่อับชื้นไม่แห้ง จะกลายเป็นแหล่งอาศัยของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อสวมใส่จะเกิดเหงื่อไคล คือ โปรตีน ไขมัน และอุณหภูมิเหมาะสม แบคทีเรียจะย่อยสลายคราบไคล ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นอับเหม็นติดตัวไปทั้งวัน

อีกทั้งชุดชั้นในที่เล็กเกินไปจะมีการเสียดสีหรือกดทับกับผิวโดยที่เรา อาจไม่สังเกตเป็นเวลานาน เมื่อบวกกับความชื้นของชุดชั้นใน และอาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่แผลถลอกได้ เช่น บริเวณสีข้าง บริเวณขอบยาง เป็นต้น

ส่วนการป้องกันนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเลือกใส่ชุดชั้นในที่แน่นคับเกินไป ทำให้การระบายอากาศไม่ดี และควรเลือกเนื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดีไม่อุ้มน้ำ ไม่หนาหนัก เช่น ผ้าฝ้าย และหมั่นตรวจดูชุดชั้นในอยู่เสมอว่ามีจุดเล็กๆ หรือมีรอยของเชื้อโรคหรือไม่ หากมีควรทิ้งทันที ไม่ควรเสียดาย ที่สำคัญควรซักชุดชั้นในให้สะอาดและแห้ง พยายามให้โดนแดดบ้างหรือผึ่งให้แห้งในที่ระบายอากาศได้ดี

หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงชั้นในที่อับชื้น หรือเปียกเป็นเวลานาน หากรู้ล่วงหน้าว่าอาจจะเปียกฝน ควรเตรียมไปเผื่อไว้อีก 1 ตัว และเมื่อมีโอกาสควรเปลี่ยนใส่ตัวใหม่ที่แห้งสะอาด

และในกรณีที่อยู่ระหว่างการมีรอบเดือนแล้วเปียกฝน ก็ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทันที หรืออาจเลือกใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ซึ่งสามารถจะช่วยให้คุณรู้สึกแห้งสบายไม่เหนอะหนะ

ในกรณีที่มีผื่นคันบริเวณผิวหนัง อวัยวะเพศที่สัมผัสกับชุดชั้นใน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรซื้อยามาทาหรือซื้อยามารับประทานเอง เพราะถ้าไม่หาย กว่าจะมาพบแพทย์อาการอาจลุกลามมากขึ้นและใช้เวลาในการรักษานานขึ้นครับ"







ที่มา :หนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ โดยLady Manager

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ปรับโภชนาการสมดุลเด็กขาดสารอาหาร

นักโภชนาการ ชี้ปัญหาภาวะโภชนาการในเด็กกำลังน่าเป็นห่วงเพราะวิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้หลายครอบครัวต้องซื้ออาหารจานด่วน

ปรับโภชนาการสมดุลเด็กกขาดสารอาหาร

ทั้งที่มีอาหารที่มีประโยชน์มากมายวางจำหน่ายในท้องตลาด แต่เด็กไทยหลายคนก็ยังบริโภคอาหารไม่สมดุล ดร.ภญ.มาลิน จุลศิริ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คณะเภสัชกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิด เผยว่า ปัญหาภาวะโภชนาการในเด็กวัยซนกำลังน่าเป็นห่วงเพราะวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้หลายครอบครัวต้องซื้ออาหารจานด่วน ซึ่งส่วนใหญ่ขาดความสมดุลทางโภชนาการ โดยเด็กจำนวนไม่น้อยนิยมบริโภคขนมและดื่มน้ำอัดลมจนติดเป็นนิสัย จากสถิติของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทยใช้เงินซื้อขนมเฉลี่ยคนละ 9,800บาทต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาที่จ่ายเพียงคนละ 3,024บาทต่อปี

"พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง มักเริ่มตั้งแต่วัยก่อนเรียนคือ 4-5ขวบ พอถึง 6ขวบเด็กจะติดเป็นนิสัย และยิ่งโตขึ้นคุณพ่อคุณแม่ยิ่งมีความยากลำบากในการดูแลเด็ก ทำให้บ่อยครั้งเด็กเกิดปัญหาขาดสารอาหารที่จำเป็น ขณะเดียวกัน เกิดปัญหาของโรคอ้วน ในช่วง 10ปีที่ผ่านมา อุบัติการณ์โรคอ้วนในเด็กไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและตามสถิติดูเหมือนเร็ว ที่สุดในโลก และภายในช่วงระยะเวลา 5ปีที่ผ่านมา ยังพบว่าเด็กไทยมีเชาวน์ปัญญาโดยเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ระดับ 90มีมากถึง 1ใน 4หรือร้อยละ 25"

ดร.ภญ.มาลินบอกอีกว่า การเกิดปัญหาภาวะโภชนาการในเด็ก ถ้าปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องโดยไม่รีบแก้ไขจะส่งผลต่อสุขภาพ ของเด็กเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ โดยจะเกิดปัญหาของโรคเรื้อรังง่ายขึ้น เช่น เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง ข้อเสื่อม เป็นต้น

"ปัญหาภาวะโภชนาการในเด็ก แก้ไขไม่ยากเพียงแต่ปฏิบัติการด้วยวิธีการง่ายๆ ด้วยการให้เด็กบริโภคอาหารที่เหมาะสมทุกวันโดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าให้บริโภค อาหารที่มีคุณค่าและในปริมาณที่เพียงพอ ถ้าไม่แน่ใจว่าเด็กจะบริโภคอาหารได้อย่างสมดุลทั้งในด้านคุณค่าสารอาหารและ ปริมาณสารอาหารการให้เด็กบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มเติม เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กมีโอกาสได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการ พัฒนา การได้"

สิ่งไหนที่มากไปก็ไม่ดี สิ่งไหนที่น้อยไปก็ไม่ดี ที่ดีที่สุดคือ เดินทางสายกลาง







ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

นอนกรน...สัญญาณอันตราย

การนอนกรน อาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป เพราะปัญหาเรื่องการนอนกรนนอกจากจะสร้างความรำคาญต่อคนนอนข้างๆ แล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อระบบหายใจและอาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ กระทั่งส่งผลเสียกับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้อย่างเรื้อรัง

นอนกรน...สัญญาณอันตราย

ทั้งนี้มีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา โดย นายแพทย์ Jiang He และคณะ พบว่าคนเป็นโรคนอนกรนที่มีการหยุดหายใจมากกว่า 20 ครั้งต่อชั่วโมง มีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนปกติ และจากการศึกษาพบว่าประมาณ ร้อยละ 85 ของผู้ป่วยเป็นเพศชาย และเพศชายมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิงด้วยอัตราส่วน 7:1แต่เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนเพศหญิง จะมีโอกาสเป็นมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าฮอร์โมนเพศจะมีผลต่อโรคนี้ได้

รศ.นพ.ประกอบเกียรติ หิรัญวิวัฒน์กุล จากภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าว ว่า "การนอนกรน แบ่งได้ 2ชนิด คือ การนอนกรนชนิดไม่อันตราย (Simple snoring) และการนอนกรนชนิดอันตราย (Obstructive sleep apnea หรือ OSA) ซึ่งคนที่นอนกรนชนิดไม่อันตราย มักจะมีอาการนอนกรนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสียงกรนอาจดังหรือค่อยขึ้นอยู่กับว่าเกิดจากบริเวณใด ถ้าเกิดเพราะมีเพดานอ่อนหย่อนหรือลิ้นไก่ยาวมักทำให้กรนเสียงดังมาก โดยเฉพาะเวลานอนหงาย แต่ถ้ากรนจากการตึงแคบบริเวณโคนลิ้น เสียงมักเบาเหมือนหายใจแรงๆ"  ดังนั้น ความดังของเสียงกรนจึง ไม่ได้บอกว่าอันตรายหรือไม่ แต่ถ้ามีอาการหายใจสะดุด หยุดหายใจเหมือนคนหายใจไม่ออก หรือสำลัก อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ซึ่งมักพบในอาการนอนกรนชนิดอันตราย

อาการของโรคนอนกรนชนิดอันตราย นอกจากจะกรนเสียงดัง มีอาการคล้ายสำลักหรือสะดุ้งตื่นกลางดึก ต้องลุกไปถ่ายปัสสาวะตอนกลางดึกแล้ว สมองจะรู้สึกตื้อ คิดอะไรไม่ออกเพราะง่วงนอน ขี้ลืม ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน ตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนล้า ไม่สดชื่น หรือปวดศีรษะ และต้องการนอนต่ออีกทั้งที่ไม่ได้นอนดึก บางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย อาทิ จุกแน่นคอเหมือนมีอะไรติดคอ หูอื้อ หงุดหงิดง่าย ขี้โมโห รวมทั้งมีความรู้สึกทางเพศลดลง

คนที่เป็นโรคนอนกรนชนิดอันตราย เมื่อยังหลับไม่สนิทอาจจะเป็นเพียงกรนปกติ แต่เมื่อหลับสนิทจะเกิดการอุดตันของทางเดินหายใจ มีลักษณะของการกลั้นหายใจ ตามด้วยการสะดุ้งหรือสำลักน้ำลาย หรือหายใจอย่างแรงเหมือนขาดอากาศ อาจเกิดขึ้นหลายสิบหรือหลายร้อยครั้งต่อคืน ซึ่งในขณะที่มีการหยุดหายใจ ออกซิเจนในเลือดแดงจะลดต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจ หลอดเลือด ปอด และสมอง

ต่อมาเมื่อออกซิเจนในเลือดแดงลดต่ำลงมากจนถึงจุดอันตราย ร่วมกับมีการหายใจที่แรงมาก จนต้องใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจเพื่อพยายามให้ลมหายใจสามารถผ่านตำแหน่ง ที่ตีบตันไปให้ได้ ภาวะนี้จะกระตุ้นให้สมองที่กำลังหลับสนิทอยู่ต้องตื่นขึ้นมา ทางเดินหายใจจะถูกเปิดขึ้น และทำให้ออกซิเจนสามารถผ่านเข้าไปในปอดได้อีก ตอนนี้เองออกซิเจนในเลือดแดงจะกลับมาสูงขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน สมองจะเริ่มหลับอีก การหายใจก็จะเริ่มขัดข้องอีกครั้ง วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ไปตลอดคืน ทุกคืน ส่งผลให้สมรรถภาพการนอนหลับเสียไป เนื่องจากมีช่วงเวลาของการนอนหลับสนิทน้อยเกินไป ผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจ ระบบไหลเวียนเลือด สมอง และปอด จนทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม

การรักษาโรคการนอนกรน ในปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกัน คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาทิ ลดความอ้วน เพราะจากการสำรวจพบว่า เมื่อน้ำหนักลดลง 10%อัตราการหยุดหายใจก็จะลดลงด้วย ช่วยให้การหายใจดีขึ้น การแลกเปลี่ยนออกซิเจนสะดวกขึ้น ซึ่งการลดความอ้วนนั้น ไม่ควรรับประทานยาลดความอ้วน เพราะจะมีผลมากมาย เช่น ทำให้ใจสั่น และเมื่อหยุดยาก็จะกลับมาอ้วนใหม่ แต่ควรปรับเรื่องพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายอย่างเป็นกิจวัตร จะส่งผลดีที่สุด

หลีกเลี่ยงการนอนหงายโดยให้นอนท่าตะแคง เพราะจะช่วยให้หลับดีขึ้น เนื่องจากการนอนหงายจะทำให้ลิ้นตกไปด้านหลังชิดกับ ผนังช่องคอด้านหลัง ทำให้เกิดการอุดตันได้มาก ส่วนการนอนตะแคงจะทำให้ลิ้นไม่ตกไปที่คอด้านหลังมากเกินไป และสามารถช่วยลดอาการกรนได้บ้าง

งดการดื่มสุราเพราะการดื่มสุราจะยิ่งทำให้มีอาการกรน และหยุดหายใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการยุบตัวของทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้นและกดสมอง ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อออกซิเจนในเลือดช้า กว่าเดิม นอกจากนี้ยังต้องงดสูบบุหรี่ หรือทำงานหนัก รวมทั้งงดยาบางประเภท เช่น ยากล่อมประสาท ยานอนหลับ เพราะยากลุ่มนี้ มีผลต่อการหายใจขณะหลับ

ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคกรนชนิด อันตรายไม่รุนแรง มักนิยมใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ครอบฟันบนและล่าง ทำหน้าที่ยึดขากรรไกรอันล่างให้เลื่อนไปด้านหน้า อุปกรณ์ชนิดนี้จะช่วยให้การหายใจดีขึ้น และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด

การใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP)จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมี อาการนอนกรนชนิดรุนแรงมาก เครื่องชนิดนี้จะปล่อยแรงดันบวก และทำให้ช่องทางเดินหายใจกว้างขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วย หลับสบาย ซึ่งปัจจุบันการรักษาด้วยเครื่อง CPAP นับว่าได้ผลดี แต่ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ แพทย์อาจแนะนำให้แก้ไขความผิดปกติด้วยการผ่าตัด

การรักษาโดยการผ่าตัดจะช่วยแก้ไขปัญหาทางเดินหายใจที่ อุดตันขณะหลับ โดยผู้ป่วยควรได้รับการตรวจการนอนหลับ เพื่อยืนยันว่าเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการผ่าตัดก็จะแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของผู้ป่วย

เช่น การผ่าตัดบริเวณเพดานอ่อน การผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ออก การผ่าตัดเพดานอ่อนโดยเลเซอร์ การผ่าตัดฝังพิลลาร์ การใช้คลื่นวิทยุ การผ่าตัดโพรงจมูก การผ่าตัดเลื่อนคางเพื่อดึงกล้ามเนื้อลิ้นมาด้านหน้า การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรบนและล่างมาด้านหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการตรวจด้วยกล้องส่องตรวจในขณะนอนหลับช่วยระบุตำแหน่งที่ผิด ปกติ เพื่อให้การผ่าตัดแก้ไขมีประสิทธิภาพและยังช่วยลดการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นได้ อีกด้วย

ปัญหาการนอนกรน ที่ใครบางคนอาจ มองแค่น่ารำคาญ หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตราย ถึงชีวิต ดังนั้นหากใครกำลังประสบปัญหานี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขก่อนสายเกินไป







ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

แพทย์เตือนเด็กเพ่งสื่อออนไลน์มาก ระวังคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม

แพทย์เตือนเด็กเพ่งสื่อออนไลน์มาก ระวังคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม

แพทย์เตือนเด็กเพ่งสื่อออนไลน์มาก ระวังคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม

นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเปิด เผยว่า ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตนับเป็นสื่อที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน เป็นกลุ่มหลักในการใช้สื่อออนไลน์ เพราะสามารถเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้จากทุกมุมโลก แต่ปัญหาคือ หากใช้สื่อเหล่านี้มากเกินไปย่อมส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) เกิดจากการพฤติกรรมการใช้เป็นเวลานาน และมองจอใกล้เกินกว่าครึ่งฟุต ทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและประสาทตาในลักษณะเพ่งจอตลอดเวลา ก่อให้เกิดอาการดวงตาตึงเครียด ตาล้า ตาช้ำ ตาแดง แสบตา มองภาพได้ไม่ชัดเจน และมักจะเกิดอาการปวดศีรษะตามมา และยังมีโอกาสสายตาสั้นเพิ่มร้อยละ 30 ข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จะมีอายุระหว่าง 10-15 ปี มีปัญหาสายตาสั้นมากที่สุด

นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า ปัญหาสายตาสั้น ดวงตาตึงเครียด เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กวัยเรียนมาก ทำให้มองไม่เห็นกระดานเรียนหน้าชั้น และยังส่งผลต่อการทำงานบางอาชีพที่ต้องใช้สายตาในอนาคต เช่น นักบิน ตำรวจ ทหาร ตัวเลขผู้ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันก็ยิ่งสูงขึ้น

"ข้อแนะนำไม่ควรเล่นเกินวันละ 1 ชั่วโมง ไม่ควรเล่นในห้องมืด ควรปรับความสว่างให้มีความพอดีเท่ากับความสว่างของห้อง แสงไฟไม่ควรส่องจากด้านหลังเข้าหาจอ ปรับความคมชัดของจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่รู้สึกว่าสบายตา และหากเป็นจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ควรใช้แผ่นกรองแสงและดูแลทำความสะอาดหน้าจอไม่ให้มีฝุ่นเกาะติดเพื่อให้มอง เห็นชัดเจน" จักษุแพทย์กล่าว







ที่มา :หนังสือพิมพ์มติชน  


PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks