น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

กางร่มกันฝนขณะขี่ จยย.เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงตาย

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สธ.เตือนกางร่มกันฝนขณะขี่ จักรยานยนต์ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงตาย เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากร่มบังตาหรือลมพัดหอบร่มปลิว รถเสียหลักและศีรษะฟาดพื้น

กางร่มกันฝนขณะขี่จยย.เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงตาย

นายวิทยา บุรณศิริ รมว.กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในช่วง ฤดูฝนนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีความเป็นห่วงผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งข้อมูลของกรมการขนส่ง มีผู้ใช้รถประเภทนี้มากถึง 18 ล้านกว่าคัน เฉลี่ยบ้านละ 1 คัน พฤติกรรมที่น่าห่วง คือ การกางร่มกันฝนขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ทั้งคนขับกางเองหรือผู้ซ้อนท้ายกางให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากร่มบังตาหรือลมพัดหอบร่มปลิว รถเสียหลักและศีรษะฟาดพื้น ทำให้เสียชีวิตหรือพิการตลอดชีวิต

นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์และกางร่มฝ่าสายฝนและลมที่พัดแรง จะทำให้ร่มบังตาคนขับ เกิดอุบัติเหตุรถล้มรถเสียหลักลงข้างทางหรือไปชนท้ายผู้อื่น ร่มอาจหัก หรือปลิวไปโดนผู้อื่น หรือลมพัดหอบร่มจนให้รถเสียหลัก นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ที่ถือร่ม ต้องบังคับรถมือเดียว เมื่อถนนลื่นจึงไม่สามารถ ประคับประคองรถและก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

"ขอให้ประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ใส่เสื้อกันฝนหรือสวมเสื้อแจ๊กเกต ผ้าร่มแบบกันฝนได้แทนการกางร่มกันฝนและสวมหมวกกันน็อกแบบมีหน้ากาก เพื่อช่วยป้องกันศีรษะเปียกและฝนสาดเข้าใบหน้า เข้าตา หากไม่มีเสื้อกันฝน ให้เตรียมเสื้อผ้าแห้งใส่ถุง ไปเปลี่ยนที่ทำงาน หากเป็นไปได้ควรหยุดรถหลบฝน รอให้ฝนซาหรือ หยุดตกก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ เพื่อความปลอดภัย" นายวิทยา กล่าว

ทั้งนี้ สถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรของสำนักระบาดวิทยา กรม ควบคุมโรค เดือนมกราคม-ธันวาคม 2553มีผู้เสียชีวิต 10,409ราย บาดเจ็บ 567,701ราย โดยข้อมูลระบบการเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ (IS) พบว่าสัดส่วนผู้บาดเจ็บเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถึงร้อยละ 82.58โดยผู้บาดเจ็บรุนแรงที่ไม่สวมหมวกนิรภัยถึงร้อยละ 85.73


ที่มา:หนังสือพิมพ์แนวหน้า
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด

13 เคล็ดลับอายุยืนหมื่นปี

13 เคล็ดลับอายุยืนหมื่นปี


ทุกคนคงอยากมีอายุยืนยาว แค่ถึง 90 ปีขึ้นไปก็แทบจะดีใจแย่แล้ว พันธุกรรมอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรามีอายุยืนยาวได้ แต่สาเหตุสำคัญหลักที่ทำให้เรามีอายุยืนยาว แท้จริงแล้วคือ การดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและเหมาะสม การมีชีวิตยืนยาว เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา วันนี้ผู้เขียนมีคำแนะนำดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการมีชีวิตยืนยาวดังนี้
1. รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงในมื้อเช้า การทานอาหารที่มีกากอาหารสูง เช่น ธัญพืช ในมื้อเช้าจะทำให้น้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะที่สมดุลตลอดทั้งวัน ลดความเสี่ยงต่อการที่จะเป็นเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ลดอาหารจำพวกแป้งสีขาว และดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
2. นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6-7 ชั่วโมงต่อวัน หากอยากมีอายุยืนยาวถึง 100ปี ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ร่างกายต้องการและช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นหาทางงีบนอนกลางวันพักผ่อนบ้างหากเป็นได้
3. อย่าหยุดทำงาน จากการศึกษาพบว่าในสังคมที่คนหยุดทำงาน หรือเกษียณอายุมักมีโรคเรื้อรังตามมา ดังนั้นหากเราถึงวัยที่ต้องเกษียณอายุ ให้เราฟิตร่างกายให้กระฉับกระเฉงเหมือนวัยทำงาน ทำงานเป็นจิตอาสา เป็นอาสาสมัครทำงานในที่ต่าง ๆ อย่าปล่อยตัวเองให้ว่างเปล่าไปวัน ๆ โดยไม่มีคุณค่าและไม่มีความหวัง
4. ออกกำลังกาย อย่าอยู่เฉย ๆ ศาสตราจารย์ เจย์ โอแซงสกีจาก มหาวิทยาลัย อิลลินอยส์ ชิคาโก สหรัฐอเมริกากล่าวว่าการออกกำลังกายมีผลต่ออารมณ์และสมอง ทำให้ความคิดเฉียบแหลม อีกทั้งทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกมีความแข็งแรง ทำงานได้อย่างสมดุล การเดินถือเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด
5. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าไม่ใช่อาหารเสริม งานวิจัย แนะนำว่าคนที่เป็นความดันโลหิตสูง ควรรับประทานอาหารที่มีเบต้า แคโรตีน ซึ่งเกี่ยวกับวิตามินเอ ซิลีเนียม คือพวกเกลือแร่ต่างๆ รวมทั้งวิตามินซีและอี ซึ่งจะช่วยลดอัตราของโรคความจำเสื่อมได้ แต่ไม่ได้มีหลักฐานยืนยันว่าการรับประทานยาที่มีสารอาหารเหล่านั้นจะส่งผล ให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีคุณค่า ไม่ใช่แป้งสีขาว แต่เป็นอาหารพวกธัญพืช ข้าวสาลี ข้าวซ้อมมือ ผักผลไม้ที่มีสีสันจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้
6. เข้าสังคม สมาคมกับเพื่อน ญาติ พี่น้อง หรือคนรักจะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายก่อนวัยอันควร การมีเพื่อนสนิทหรือครอบครัวที่ใกล้ชิดจะได้เปรียบกว่าคนที่อยู่โดดเดียว ลำพัง เพราะคนเหล่านั้นจะเป็นเสมือนเกราะป้องกันให้เราได้เมื่อคราวจำเป็น จะดีแค่ไหนที่มีคนคอยเฝ้าระวังหลังให้เรา เช่น คนใกล้ชิดจะช่วยบอกเราได้ว่าเราเริ่มมีความจำไม่ค่อยดีแล้วและควรไปหาหมอ เพื่อตรวจสุขภาพ ก่อนที่จะสายเกินไป
7. ตรวจสุขภาพฟันและปากเป็นประจำ แปรงฟันให้สะอาด ทุกซอกทุกมุม ใช้ไหมขัดฟัน อมเกลือ ถึงตรงนี้ผู้อ่านคงอาจนึกขำ แต่ความจริงแล้วจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าการใช้ไหมขัดฟันทุกวันจะช่วยลดแบคทีเรียในปากและฟันเป็นอย่างดี ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้เป็นอันตรายเพราะสามารถเข้าสู่กระแสโลหิตและทำให้เกิด อาการอักเสบส่งผลต่อเส้นเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญต่อโรคหัวใจได้
8. ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งแจ่มใส หากต้องการที่จะมีอายุยืนยาว ต้องมีจิตใจที่แจ่มใส เบิกบาน หาทางกำจัดความเครียด เช่น ไปเที่ยวชายทะเล ว่ายน้ำ เล่นโยคะ นั่งสมาธิ รำมวยจีน หายใจเข้าออกลึก ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดี การนั่งแช่อยู่บนเก้าอี้ เคี้ยวขนมขบเคี้ยวหน้าทีวี หรือการเมาหัวราน้ำ เป็นการบั่นทอนต่อสุขภาพทั้งสิ้น
9. ปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี ทำกิจวัตรประจำวันสม่ำเสมอ เช่นทานอาหารที่มีคุณค่า ทำอย่างเป็นระบบตลอดเนื่องตลอดชีวิต พยายามนอนและตื่นในเวลาเดิมทุกวัน การทำสิ่งเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะทำให้ร่างกายมีความสมดุล หากร่างกายขาดความสมดุล ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายจะลดน้อยลงไปด้วย เป็นเหตุถูกโจมตีโดยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ง่าย
10. มีสติและรอบคอบ บุคลิกภาพที่ดีที่สุดคือการมีสติและรอบคอบ เพราะผู้มีสติสามารถควบคุมตัวเองให้ทำตามคำสั่งของหมอได้ ทานยาได้ครบตามวันและเวลาที่กำหนด รับผิดชอบเข้ารับการตรวจสุขภาพตามวันที่แพทย์นัดหมายได้
11. ใช้ชีวิตที่มีคุณค่า หาที่ยึดเหนี่ยวทางศาสนา มีคุณธรรม ละจากบุหรี่ สุรา รับประทานอาหารที่มีคุณค่า ไม่มีรสหวานเกินไป ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ทานมังสวิรัติบ้าง และมีจุดสนใจที่ครอบครัวและชุมชน
12. สร้างอารมณ์ขันให้ตัวเอง เมื่อเรามีอารมณ์ขันและมีความสุข ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟิน (Endophins) ซึ่งเป็นสารที่เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีต่อสุขภาพจิต ส่งผลต่อที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ
13. รักษ์โลก รักษาธรรมชาติ ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ การแสดงความรักต่อสัตว์เลี้ยงและการรักษาสภาพแวดล้อมส่งผลให้เรามีความสุข จากภายในได้
การมีชีวิตยืนยาว มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีถือเป็นพรที่ประเสริฐ การมีวินัยกับชีวิต มีสติรอบคอบจะทำให้ชีวิตมีความสุข เป็นที่พึ่งทางใจของลูกหลาน ได้เห็นลูกหลานประสบความสำเร็จ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับครอบครัวและชุมชน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ


ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

อาหารที่หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรพลาด


อาหารที่หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรพลาด

จากเดิมที่เคยทานอาหารเช้าแบบรีบ ด่วน ลืมบ้าง ทานเร็ว ๆ รีบ ๆ บ้าง บางครั้งแค่แซนวิช ชิ้นนึง หรือข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่เมื่อมีอีกชีวิตนึงอยู่ในท้อง การจะเลือกทานอาหารอะไรก็คงต้องคิดให้ดีขึ้น เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งของตัวเองและของลูกที่อยู่ในครรภ์
ในช่วงตั้งครรภ์ แม่ต้องการสารอาหารมากขึ้นเพื่อสร้างการเติบโตของทารกในครรภ์ เช่น โปรตีน แคลเซียม นอกจากนั้นยังต้องการโฟลิก เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคทางระบบประสาทของทารก  neural tube birth defects และยังต้องการธาตุเหล็กเพื่อการสร้างเม็ดเลือดสำหรับทารก
ลองเลือกทานอาหารเหล่านี้เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนสำหรับการตั้งครรภ์
ธัญพืช Whole grains
อาหารกลุ่มแป้ง ข้าว ขนมปัง ควรเลือกแบบที่มีไฟเบอร์สูง ซีเรียลบางยี่ห้อเพิ่มธาตุเหล็กและโฟลิคเข้าไปด้วย อาจเริ่มอาหารเช้าด้วย oatmeal อาหารเที่ยงเป็นแซนวิชโฮลวีต และอาหารเย็นเป็นข้าวกล้องก็ได้
ถั่ว Beans
นอกจากจะให้โปรตีนแล้ว อาหารกลุ่มนี้ยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ ช่วยเรื่องท้องผูก และยังเป็นแหล่งของสารอาหารต่าง ๆ เช่นธาตุเหล็ก โฟเลต แคลเซียมและ zinc  ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ ทำเป็นซุป ต้มเปล่า ๆ ไม่หวาน หรือทานกับสลัดก็ได้
ปลาแซลมอน Salmon
อาหารโปรดของหมอหมี Omega-3จะช่วยในเรื่องพัฒนาการทางสมองและสายตาของทารก นอกจากนี้ยังให้ โปรตีนและวิตามิน B บางคนกลัวเรื่องโลหะหนักเช่นสารปรอท แต่เมื่อเทียบกับปลาชนิดอื่นแล้ว จะพบว่ามีสารปรอทน้อย ลองเลือกเมนูย่าง หรือทำเป็นสลัด ถ้ากลัวว่าจะได้สารปรอท ให้จำกัดปริมาณไม่เกิน 12ออนซ์ต่อสัปดาห์
ไข่ Eggs
แหล่งโปรตีนและกรดอะมิโนที่หาได้ง่าย และเป็นสารอาหารที่ต้องการของทารก นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิด รวมทั้ง choline และ lutein เรื่องเดียวที่ขอคือปรงให้สุก อย่าทานไข่ดิบ ไข่ลวก
ผลไม้กลุ่มเบอร์รี่ Berries
ผลไม้กลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็น Blueberries, raspberries หรือ blackberries ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์ ถือเป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วย วิตามิน C เกลือแร่โพแทสเซียม วิตามินโฟเลต และไฟเบอร์
โยเกิร์ตไขมันต่ำ Low-fat yogurt
โยเกิร์ตไขมันต่ำหนึ่งถ้วย มีแคลเซียมมากกว่านมหนึ่งแก้วซะอีก และยังมีโปรตีนสูง ให้ดีอย่าเติมน้ำตาลแต่อาจเพิ่มผลไม้เข้าไป หรือเติมซีเรียลธัญพืชเข้าไปเพื่อลดชาติดี แถมยังช่วยแก้ท้องผูกได้ด้วย


ที่มา : Dr.carebear www.facebook.com/drcarebear

5 วิธีเด็ดสลายเซลลูไลท์-น่องโต-ต้นขาใหญ่

มั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่า การที่ผู้หญิงขาใหญ่ดั่งโต๊ะสนุ้ก น่องเหลว เซลลูไลท์ตรึม ทำให้ผู้หญิงขาดความมั่นใจ บั่นทอนความเชื่อมั่น จะออกไปข้างนอกที คว้าแต่กางเกงขายาว กระโปรงยาวแทบคลุมตาตุ่มมาใส่

 5 วิธีเด็ดสลายเซลลูไลท์-น่องโต-ต้นขาใหญ่ อวดเรียวขากล้ามเนื้อแน่นปั๊ก!

ในใจก็ย้าก อยาก จะนุ่งสั้นจุ๊ดจู๋ ใส่เลกกิ้ง สกินนี่ฟิตเปรี๊ยะ แอบเซ็กซี่เล็กๆ เอ็กซ์หน่อยๆ บริหารเสน่ห์สไตล์ผู้หญิง แต่เพราะไอ้เจ้าขาหมูยวบๆ ของเรานี่แหล่ะ แถมด่างๆ ดำ ๆ เพราะรอยยุงกัด น่องแตกลายงา พาลให้อยากเก็บขาไว้มิให้ใครเห็น

งั้นเราลองมาดู วิธีลดขจัดปัญหาขาใหญ่ นี้ให้หมดไปกันดีกว่าจ้า เอ้า ไปดูกันเล้ยย

วิธีแรก->หมั่นสครับผิวขา

การขัดผิวเป็นอีกหนึ่งที่ทำให้เรามีท่อนขาที่ปราศจากควาหมองคล้ำ สลายรอยดำจากยุงกัด แมวข่วน เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้หญิงนิยมกันเป็นอย่างมาก

การขัดผิว หรือ Exfoliating คือ การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวของเรา ซึ่งเป็นผิวชั้นนอกและเผยเซลล์ผิวรุ่นใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาแทนที่ ทำให้ผิวของเราดูสดใสและมีชีวิตชีวา ดังนั้นการขัดผิว ก็เหมือนการเผยผิวที่กระจ่างใสของเราที่โดนเซลล์ผิวเก่าของเราปิดบังซ่อนเอา ไว้อยู่นั้นเอง

การขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม ใยบวม หินขัด หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั่นควรทำอย่างนิ่มนวล และไม่ทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวอ่อนไหวและไม่สามารถทนแดด และจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ หากอายุเรามากกว่า 20 ปี ขึ้นไปแล้วการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อยๆ แต่การขัดผิวจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส

การขัดผิวนั้นไม่ควรทำมากจนเกินไป เพราะนอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังอาจจะทำลายผิวของตัวเราเองอีกด้วย การขัดผิวหน้าควรทำอยู่ที่สัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง และไม่ควรทำติดกันอาจจะเว้น 3-4 วัน หรือทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะเหมาะสมที่สุด ควรทำการขัดเป็นวงกลมเบาๆ หลังขัดควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยจ้า แค่นี้ก็มีผิวขาที่ขาวใสนวลเนียนแล้วนิ!

วิธีสอง-> เซลลูไลท์จ๋าลาก่อน

เซลลูไลท์ (Cellulite) หมายถึง เซลล์ก้อนไขมันที่มีขนาดใหญ่ อยู่ใต้ผิวหนังที่อัดกันอยู่อย่างหนาแน่นซึ่งจะนูนขึ้นมาที่บริเวณผิวหนังจะ เป็นตะปุ่มตะป่ำ บริเวณนี้เรียกว่า เซลลูไลท์ หรือเรียกว่าผิวเปลือกส้ม ไขมันนี้จะพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน โดยพบในเพศหญิงมากกกว่าเพศชายซึ่งร่างกายจะสามารถสะสมได้ที่บริเวณท้องแขน หน้าท้อง ต้นขา และสะโพก

งั้น เราเรารีบมาโบกมือบ้ายบายมันกันเถอะ

เพราะการนวดก็เป็นอีกวิธีลดต้นขา ไล่เจ้าเซลลูไลท์ ไป ไป๊ ชิ้ว ชิ้ว การนวดที่ทำให้ต้นขานั้นเล็กลง โดยให้นวดเป็นวงเบาๆ ไปให้ทั่วบริเวณขาของคุณเป็นเวลา 10-20 นาทีทุกวัน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถทำให้ต้นขาของคุณเล็กลงได้

แม้เราจะเห็นความแตกต่างของต้นขาที่ลดลงได้ไม่เท่าการออกกำลังกายเฉพาะ ส่วน แต่การนวดลดต้นขาก็เป็นวิธีการช่วยเสริมวิธีการออกกำลังกายในเบื้องต้น นั่นเอง และข้อดีนอกเหนือจากการได้ลดลงของต้นขาแล้ว การนวดต้นขายังสามารถทำให้เซลลูไลท์บริเวณต้นขานั้นน้อยลงด้วย เนื่องจากการนวดนั้นเป็นการขับไล่สารพิษออกจากร่างกาย จึงส่งผลให้เซลลูไลท์นั้นมีขนาดเล็กลงไปได้นะฮะ

อ๊ะ! ยังไม่หมด หรืออีกสารพัดวิธีในการลดเซลลูไลท์ คือ ลดการบริโภคไขมันและน้ำตาล ดื่มน้ำให้เพียงพอกับร่างกายต้องการประมาณวันละ 8 แก้ว หรือการใช้วิธีดีท็อกซ์ ทั้งอบไอน้ำ ซาวน่า

หรือวิธีสุดท้าย หันมากินอาหาร Raw Food หรือใช้วิธี Detox Liquid Diet คือ ดื่มแต่น้ำผักน้ำผลไม้ ซุปใส ชาสมุนไพร โดยไม่กินอะไรเลย เพื่อให้ร่างกายขับถ่ายของเสีย ทำให้ไขมันลดลงแล้วเซลลูไลต์จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากกลับมากินตามปกติเซลลูไลต์ก็จะกลับมาเหมือนเดิมด้วยเช่นกัน

วิธีสาม->กระโดดเชือก

หูยย ว่ากันว่า… การกระโดดเชือกติดต่อกัน 15 นาที เทียบเท่าได้กับการวิ่งจ๊อกกิ้งนานถึง 30 นาทีเลยทีเดียวนะ นอกจากนี้เหล่าเทรนเนอร์ของดาราฮอลลีวูดทั้งหลาย ก็แนะนำให้ดาราสาวที่อวบอั๋นเกินไป รีบฟิตหุ่นให้ทันเปิดกล้องหนังเรื่องต่อไป ด้วยการกระโดดเชือกทุกเช้าและเย็น เพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนแขนขาให้แน่นสวยไม่หย่อนยาน อีกด้วย

วิธีลดน่องโดยการกระโดดเชือกด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะช่วยลดแรงกระแทกลงได้มาก ไม่เกิดอันตรายต่อเข่า หรือทำให้เข่าเสื่อม เข่าพัง อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกันมา วิธีลดน่องโดยการกระโดดเชือกที่ถูกวิธี จะกระโดดเพียงแค่ต่ำๆ สูงจากพื้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว โดยที่จะใช้ข้อเท้า กล้ามเนื้อน่อง รวมถึงการงอเข่าเล็กน้อย ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกลงได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นยังน้อยกว่าการวิ่งอีกด้วย การกระโดดแบบผิดๆ ด้วยการกระโดดสูงเกินไปต่างหาก ที่มีโอกาสทำให้เข่าพังได้ จากแรงกระแทกที่สูงเกินไป

วิธีลดน่องโดยการกระโดดเชือกให้ถูกวิธี เริ่มต้นด้วยการเลือกเชือกที่นำมาใช้กระโดด ควรซื้อเชือกแบบ Speed Rope คือ เชือกกระโดดที่ทำจากพลาสติก PVC เส้นเล็กๆ ควรหลีกเลี่ยงเชือกที่เป็นผ้าและเชือกที่มีการถ่วงน้ำหนัก ทั้งแบบที่เป็นท่อยางใหญ่ๆ หนักๆ และแบบที่ถ่วงน้ำหนักที่ด้ามจับ ต่อมาให้ปรับความยาวเชือกให้พอดีกับส่วนสูงของเรา โดยการยืนเหยียบกึ่งกลางเชือก ดึงเชือกขึ้นมาจนตึง ความยาวของเชือกที่เหมาะสม ปลายด้ามจับจะต้องเสมอกับรักแร้พอดี

ดังนั้นจึงต้องเลือกเชือกที่ยาวๆ ไว้ก่อน เพราะสามารถปรับให้สั้นลงได้ โดยเฉพาะแบบที่ด้ามจับเป็นพลาสติก มักจะปรับความยาวเชือกจากด้ามได้ แต่ถ้าด้ามเป็นไม้ถึงจะปรับไม่ได้ ก็ยังสามารถผูกปมด้านที่ใกล้กับด้ามจับให้เชือกสั้นลงได้ แต่ถ้าเชือกที่ซื้อมาสั้นเกินไป จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย นอกจากซื้อเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิม

วิธีสี่->ออกกำลังกายย่อเข่า

การออกกำลังกายโดยการย่อเข่าไปข้างหน้า วิธีนี้สามารถช่วยในการกำจัดไขมันและช่วยกระชับกล้ามเนื้อต้นขาและลดต้นขา ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากคล้ายๆ กับการออกกำลังกายลุกนั่ง

วิธีการคือ ยืนแยกขาออก ให้ระหว่างขากว้างระยะประมาณหัวไหล่ทั้งสองข้างของเรา แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยเท้าหนึ่งข้างแล้วโยกตัวย่อเข่าลงไปข้างหน้าประมาณ 90 องศา ย่อตัวลงให้หัวเข่าขาหลังอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1 นิ้ว

พยายามให้หลังและคอเหยียดตรงตลอดเวลา ทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้าไปที่ส้นเท้าและหัวเข่า อาจใช้วิธียกลูกเหล็กขนาด 5-10 ปอนด์ตรงด้านข้างลำตัว ระหว่างออกกำลังกายในท่านี้ไปด้วยก็ได้ บริหารต้นขาทั้งสองข้างด้วยท่านี้ประมาณข้างละ 30 ครั้ง พักแล้วเริ่มทำใหม่

อ้อ!สำหรับสาวๆ ที่ชอบเดิน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นขาที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากการทำงานของกล้ามเนื้อจากการเดินนั้นทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจึงทำให้ไขมันบริเวณนั้นถูกเผาผลาญได้อย่างดี จึงทำให้ต้นขาของเราเล็กลง และดูสวยงามยิ่งขึ้น

วิธีสุดท้าย-> ขึ้น-ลงบันได

ลองสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินขึ้นลงบันไดดูซิ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดน่องโต ทำขาเรียวสวยเซ็กซี่ได้นะ!

แม่เจ้า! การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาทีซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได การเดินขึ้นบันได เป็นการออกกำลังกายขณะทำงานรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดเป็นประจำ ทุกปี เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน ทำได้ง่าย สะดวกทุกที่ ทุกเวลา

ทว่าการเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบ aerobic หัวใจจะแข็งแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง และก้นแข็งแรง กระชับ แถมอาการปวดข้อน้อยกว่าการวิ่ง

ว้าว! ยังมีรายงานอีกด้วยว่า การขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และมีหลักฐานยืนยันว่าการเดินขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งสามารถลดปริมาณไขมันในร่างกาย และเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีได้

สำหรับคุณผู้หญิงที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ควรเริ่มขึ้นบันไดเพียง 1 ชั้นก่อน สลับกับเดินพื้นราบ ขณะเดินควรเริ่มด้วยการเกาะราวบันได เมื่อท่านเดินได้คล่องจึงปล่อยมือจากราวได้ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติ จึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนชั้นอย่างช้าๆ คือ 1-2 ชั้นต่อสัปดาห์

ลองดู! เพียงขึ้นลงบันไดอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั้น เรียวขาและก้นของคุณจะกระชับ เฟิร์ม ดึ๋งดั๋ง อย่างคาดไม่ถึงเลยเชียว อิอิ





ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการBy Lady Managerเรียบเรียงจากเรียลบิวตี้

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks