“0-6 ขวบ
เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต สมองเปิดรับการเรียนรู้ดีที่สุด
หนังสือภาพที่ดีเป็นหนึ่งในสื่ออันทรงประสิทธิภาพที่สุดในการสร้างเสริม
พัฒนาการเด็กปฐมวัย” สุดใจ พรหมเกิด
ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านกล่าว
นี่อาจจะเป็นบทสรุปที่ชัดเจนว่า “การอ่าน” นับเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการสร้างพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะเด็กในช่วงระดับปฐมวัย
29 กรกฎาคม ถูกกำหนดให้เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ ผ่านมาในหลายยุคหลายสมัย
ทำให้เรารับรู้ได้ว่าพัฒนาการทางด้านภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปนักต่อนัก
โดยเฉพาะการที่มีสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างโซเชียลมีเดีย สื่อใหม่ๆ
ที่ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่สื่อสิ่งพิมพ์หลายอย่าง
เพราะความรวดเร็ว สะดวก ง่ายต่อการเข้าถึง
บ้างก็จะกล่าวว่าภาษาไทยเราผิดเพี้ยนไปจากเดิม
เพราะสื่อโซเชียลมีเดียเหล่านี้
แต่ในมุมมองนักคิด นักอ่าน และผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการการอ่าน อย่าง
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอก
ว่า คุณนวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
ภาษาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่จะทำอย่างไรให้ภาษาที่สวยงามคงอยู่
เราต้องรักษารากเดิมของภาษาให้งดงามมากที่สุด หากฐานแน่นแล้ว
ต่อให้มีอะไรมาประยุกต์ใช้อย่างไร ภาษาก็จะมีพลัง นอกจากนี้
จากข้อมูลของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน พบว่า
พัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กลดลง 20 จุดน้อยกว่าพัฒนาการด้านอื่นๆ
ซึ่งถือเป็นวิกฤติของพัฒนาการทางด้านภาษา
จะเห็นว่าการพูดสมัยก่อนกับปัจจุบันก็แตกต่างกัน
เรื่องพัฒนาภาษาเขียนก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย อย่างนักเขียนรุ่นใหม่ๆ
สำนวนก็จะหวือหวาขึ้น แต่ตัวที่จะตรึงคนได้
คือพลังของภาษาจะต้องเอาเนื้อหาสามารถรับใช้ได้สอดคล้องวัยมากกว่า
และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาษาคือการเปลี่ยนความคิด
การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของผู้อ่าน จะเป็นพลังที่น่าสนใจมาก
จะเห็นว่างานเขียนหลายชิ้นสามารถเปลี่ยนสังคม และเปลี่ยนโลกได้
“ไทยให้ความสำคัญยกให้วันที่ 29 ก.ค.เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ
นอกจากจะเป็นความภูมิใจที่เรามีภาษาของเราเอง ทั้งภาษาถิ่นและภาษากลาง
อีกส่วนหนึ่งก็คือภาษาควบคู่กับการพัฒนาทางสมอง และพัฒนาการด้านต่างๆ
พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้โซเชียลมีเดีย
เพราะเราต้องสื่อสารการทำงานผ่านเส้นทางนี้
แต่ภาษาก็จะมีการหวือหวาไปตามช่วงๆ
อย่างช่วงนี้ภาษาสก๋อยที่หลายคนกำลังกังวล
แต่ส่วนตัวพี่คิดว่าไม่น่าห่วงเพราะเมื่อภาษาเราแข็ง สิ่งใหม่ๆ
ที่เข้ามาก็เป็นแค่ช่วงเวลา
และคนที่เสพตรงนั้นก็เป็นเพียงเฉพาะกลุ่มเท่านั้นเอง”
นางสุดใจ ยังเล่าให้ฟังอีกว่า คำในภาษาไทยของเรามีความไพเราะจริงๆ
และสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ
หรือขณะคุณแม่ตั้งครรภ์ก็สามารถอ่านให้ลูกฟังได้เช่นกัน
อย่างในต่างประเทศมีการปลูกฝังให้เด็กได้อ่านหนังสือภาพหรือนิทานมากกว่า
1,000 เล่ม ซึ่งก็จะส่งผลให้เด็กไม่มีปัญหาของการเรียนรู้
ยิ่งเด็กได้รับการเรียนรู้อย่างถูกวิธี มีหนังสือดีๆ ได้อ่าน
ก็จะทำให้เขารักการอ่านได้ง่ายขึ้น เช่น เด็กแรกเกิดถึง 3 ขวบ
จะชอบเรื่องใกล้เคียงกับชีวิตตัวเอง ก่อนวัยทีนก็จะสนใจเรื่องของจินตนาการ
แฟนตาซี และวัยรุ่นก็จะเป็นช่วงวัยที่เริ่มสนใจเรื่องราวรอบตัวมากขึ้น
“จากการลงพื้นที่ของแผนงานฯ พบว่า
หลายคนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น สมัยก่อนเราไม่เคยรู้เลยว่า
เราสามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟังได้ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง
หรือต้องอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่อายุ 6
เดือนที่สายตาเขาเริ่มโฟกัสได้แล้ว
พอทุกคนเริ่มรู้และรู้ว่าหน้าต่างแห่งโอกาสภาษาเปิดได้ตั้งแต่ช่วงนั้น
เด็กสามารถเรียนรู้ทุกภาษาในโลกได้
หากเรามีความสามารถและรู้จังหวะของการให้ ข้อมูลต่างๆ
เหล่านี้กำลังไหลลงสู่พื้นที่ และแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน
ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ
เรากำลังโปรยปรายความรู้ร่วมกันเพื่อให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น”
นางสุดใจกล่าว
สำหรับแกนนำอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน
ซึ่งมีหน้าที่เสมือนส่งต่อความรู้ผ่านหนังสือไปยังพื้นที่ที่ขาดโอกาส
นับเป็นภารกิจสำคัญ ซึ่งผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านบอกว่า
แกนนำเหล่านี้ต้องมีความเข้าใจในแต่ละพื้นที่ว่าเหมาะสมกับเรื่องใด
บางแห่งก็สนใจเรื่องเกษตร
บางแห่งที่เป็นศูนย์เด็กเล็กก็จะมีหนังสือที่ส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กๆ
หรือตัวอย่างที่จังหวัดสุรินทร์ มีการรวมกลุ่มของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
ก็ใช้การอ่านช่วยสร้างพลังใจให้เข้มแข็ง เป็นต้น
“ตอนที่เราร่วมกับภาครัฐ เราทำเรื่องมหานครแห่งการอ่าน มี 5
จังหวัดนำร่อง คือ ฉะเชิงเทรา ลำปาง เพชรบุรี ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช
และมีการเพิ่มขึ้นอีก 10 จังหวัดในปีนี้
อย่างไรก็ตามในทุกจังหวัดที่ไม่ได้เป็นมหานครแห่งการอ่านก็จะมีแกนนำอาสา
สมัครส่งเสริมการอ่านอยู่ในทุกพื้นที่ผ่านเส้นทางการทำงานของ
กศน.ศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น บางพื้นที่อย่างที่เพชรบุรี
มีการส่งเสริมการอ่านที่ตลาด โดยทุกก่อนวางแผงที่ตลาดนัด 1
ชม.ก่อนจะมีคนมาซื้อ รถเข็น
กศน.ก็จะขับเคลื่อนไปให้หยิบยืมหนังสือมาอ่านได้ เป็นต้น
หรืออย่างที่จังหวัดสุรินทร์ มีการรวมกลุ่มของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
ก็ใช้การอ่านช่วยสร้างพลังใจให้เข้มแข็ง”นางสุดใจกล่าว
พลังจากการอ่าน คือพลังแห่งการซึมซับความรู้และความสุข
ก็ได้แต่หวังว่าเราจะใช้การอ่านเป็นเครื่องมือสร้างสุขและสร้างการรักษาภาษา
ไทยสืบไป
เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th
PG&P
สโนว์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI
คลิปตัวอย่าง PG&P
FEED PG&P