น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

เห็ดหอมแห้งของดีที่ต้องระวัง

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เห็ดหอมแห้งของดีที่ต้องระวัง
เห็ดหอมถือเป็นอาหารที่หลายๆ คนยกย่องว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ เพราะเชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยา ทานแล้วให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีบางคนที่กลัวว่าเห็ดหอมแห้งที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไปดูไม่ค่อย ปลอดภัย เพราะการเก็บรักษาดูไม่ค่อยสะอาด แถมที่สำคัญยังมีราคาสูงอีกต่างหาก
โครงการพัฒนากลไกการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารของผู้บริโภค และนิตยสารฉลาดซื้อ ได้ร่วมกันลงมือสุ่มเก็บตัวอย่าง เห็ดหอมแห้ง ในพื้นที่ดำเนินโครงการทั้งหมด 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสงคราม ขอนแก่น มหาสารคาม เชียงใหม่ พะเยา สตูล และสงขลา รวมจำนวนตัวอย่างเห็ดหอมแห้งทั้งหมด 17 ตัวอย่าง ซึ่งเราจะนำมาทดสอบกันดูว่าเห็ดหอมแห้งที่เราซื้อมาประกอบเมนูซุปหรือเมนู ตุ๋นต่างๆ มีสารปนเปื้อนที่ไม่พึงประสงค์แปลกปลอมมาด้วยหรือเปล่า
การทดสอบครั้งนี้เราดูเรื่องการตกค้างของสาร 3 ชนิดด้วยกัน
1.สารตกค้างทางการเกษตรประเภทยากันราหรือคาร์เบนดาซิม (Carbendazim)
2.สารตกค้างทางการเกษตรกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphate)
3. การปนเปื้อนของสารพิษจากเชื้อราอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin)
ซึ่งจากการทดสอบตัวอย่างเห็ดทั้ง 17 ตัวอย่าง เราพบเห็ดหอมแห้งปนเปื้อนยากันราหรือคาร์เบนดาซิมจำนวน 12 ยี่ห้อ โดยค่าเฉลี่ยของสารเคมีที่พบเท่ากับ 0.33 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนการปนเปื้อนของสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต พบว่ามีการปนเปื้อน 9 ตัวอย่าง มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.016 มิลลิกรัม/กิโลกรัมซึ่งตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ไม่มีการกำหนดปริมาณของคาร์เบนดาซิมและออร์กาโนฟอสเฟต แต่สารทั้ง 2 ชนิดเป็นสารเคมีทางการเกษตรในกลุ่มกำจัดศัตรูพืช จึงไม่ควรมีตกค้างมาในพืชผักหรืออาหารที่เราทาน 
ส่วนการปนเปื้อนของสารพิษจากเชื้อราอะฟลาทอกซิน มีเห็ดหอมแห้งจำนวน 5 ที่มีการปนเปื้อน โดยปริมารค่าเฉลี่ยที่พบเท่ากับ 5.42 ไมโครกรัม/กิโลกรัม ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 98) พ.ศ.2529 เรื่องมาตรฐานสารปนเปื้อน กำหนดให้มีสารอะฟลาทอกซินได้ไม่เกิน 20 ไมโครกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม
นอกจากนี้เรายังทดสอบดูเรื่องความสะอาดในส่วนของเชื้อรา ซึ่งมี 7 ตัวอย่างที่พบเชื้อราสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานกรมวิทย์ฯ ที่กำหนดไว้ที 500 โคโลนี/กรัม ขณะที่อัตราค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,764.3 โคโลนี/กรัม แสดงให้เห็นว่าเห็ดหอมแห้งที่นำมาทดสอบถูกเก็บไว้นาน 
การปนเปื้อนทั้งหมดที่เราทดสอบตัวอย่างเห็ดหอมแห้งในครั้งนี้ โดยภาพรวมยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สูงนัก ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายฉับพลันจากการบริโภค แต่หากเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ดูไม่สะอาดและไม่น่าไว้วางใจ ควรเลือกซื้อเห็ดหอมแห้งที่บรรจุเรียบร้อย ปลอดภัย มีการแจ้งวันเดือนปีที่ผลิตวันหมดอายุ และแจ้งผู้ผลิตชัดเจนจะดีกว่า


ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามดารา

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ข้อดีของความโกรธ

ข้อดีของความโกรธ

อาจไม่ใช่เรื่องผิด หากการมีความรักและการครองคู่จะทำให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ หลายคนอยากเป็นแม่พระพ่อพระผู้พร้อมจะให้อภัยคนของตนเองที่ทำผิดซ้ำซาก แต่นักจิตวิทยาจากสหรัฐอเมริกาก็ออกมาเผยว่า บางที การแสดงออกซึ่งอารมณ์โกรธเสียบ้างก็อาจดีต่อความสัมพันธ์ของคนสองคนและช่วย ให้ปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายได้เช่นกัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ James McNulty นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซีคือผู้ที่ออกมาเผยถึงเรื่องดังกล่าว โดยการศึกษาของนักจิตวิทยาท่านนี้พบว่า การให้อภัยกับคนรักนั้นบางครั้งก็ทำให้เกิดผลกระทบในแง่ลบกับตัวผู้ให้อภัย และต้องแบกรับความรู้สึกแง่ลบนั้นเอาไว้เสียเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อคน ๆ นั้นในระยะยาว พร้อมทั้งแนะว่า การถกปัญหากันอย่างตรงไปตรงมา แม้จะมีความโกรธเจือปนอยู่บ้าง อาจเป็นสิ่งที่ดีต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวมากกว่า
"คนที่มีความรักต่างต้องเคยพบปัญหาในความสัมพันธ์ ที่ว่าบางครั้งคู่ครองอาจทำผิดพลาด ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กระทบใจกัน เช่น ปัญหาความไม่ซื่อสัตย์ ปัญหาทางการเงิน หรือการไม่เข้าอกเข้าใจกัน และเมื่อเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น หลายคนต้องตัดสินใจเลือกว่า จะแสดงอารมณ์โกรธออกไปดีหรือจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ แล้วให้อภัยแทน"
จากการทดลองของนักจิตวิทยาท่านนี้พบว่า การแสดงความโกรธออกไปก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ด้วยเช่นกัน โดยเท่ากับเป็นการบอกให้ทราบว่า พฤติกรรมของคู่ครองนั้นไม่ได้รับการยอมรับจากอีกฝ่ายหนึ่ง
อย่างไรก็ดี เขาพบว่า มีปัจจัยหลายตัวที่นำไปสู่การให้อภัย เช่น ความเข้าอกเข้าใจกันของคนสองคน และระดับความรุนแรงของการกระทำผิดนั้น ๆ
"เป็นการดีหากคนเราจะได้ปลดปล่อยความโกรธออกไปเสียบ้าง ส่วนปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนั้นอาจไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุดให้ เลือก เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้น การจะแก้ไขมันให้ลุล่วงนั้นต้องพิจารณาจากสภาพแวดล้อมของคนสองคน และปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมด้วย" ผู้ช่วยศาสตราจารย์ James McNulty กล่าว
แต่สุดท้ายแล้ว หากจะโกรธกันก็โกรธกันแต่พอดี อย่าโกรธพร่ำเพรือ โกรธทุกเรื่องทุกอย่างที่พบ เพราะจะทำให้ชีวิตคู่เหนื่อยเกินไปนั่นเอง


ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

กอดของแม่นั้น..สำคัญไฉน


ท่ามกลางความเจริญในยุคปัจจุบัน ทุกสิ่งเต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขัน การเลี้ยงลูกก็เป็นสิ่งที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย แต่ความต้องการจากส่วนลึกในใจเด็กยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ลูกยังคงต้องการให้พ่อแม่แสดงความรักต่อเขา และเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่มีต่อเขา ความรักเป็นรากฐานให้เด็กรู้สึกมั่นคงและเป็นคนที่รู้จักให้และรู้จักรักคน อื่น

แต่เราจะสื่อสารภาษารักให้ลูกเข้าใจว่าเรารักเขาได้อย่างไรนั้น พญ.ภัทรวรรณ ขันธ์แก้ว จิตแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลมนารมย์ อธิบายว่า เด็กทุกคนมีภาษารักเป็นของตนเอง และวิธีการที่จะสื่อให้เด็กรับรู้ถึงความรักที่มีต่อเขาทำได้หลายวิธี ได้แก่ การสัมผัสทางกาย ถ้อยคำชื่นชม เวลาแห่งคุณภาพ ของขวัญและการเอาใจใส่ดูแล การสัมผัสทางกาย เช่น การกอด ซึ่งเป็นวิธีแสดงความรักที่ใช้กันมากที่สุด เปรียบเหมือนอาหารมีความจำเป็นแก่การเติบโตทางร่างกาย สัมผัสที่แม่มีให้แก่ลูกก็จำเป็นสำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณ

พญ.ภัทรวรรณ อธิบายถึงลักษณะการกอดว่ามีหลายแบบ เช่น กอดแบบหมี (Bear hug) กอดแบบหน้าแนบหน้า (A frame hug) กอดแนบแก้ม (Cheek hug) กอดกันกลม (Sandwich hug) กอดเป็นกลุ่ม (Group hug) กอดจากหัวใจ (Heart centered hug) สามารถใช้การกอดได้หลายแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในช่วงวัยของเด็กและเวลา รวมทั้งสถานที่ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 วัย ดังนี้

1. การกอดในวัยแรกเกิดและหัดเดิน เด็กต้องการสัมผัสอย่างมากเป็นพิเศษในช่วง 2-3 ปีแรก และโชคดีที่การอุ้มและการกอดเป็นสัญชาตญาณของแม่ เด็กควรได้รับการสัมผัสอย่างรักใคร่และอ่อนโยน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนอาหารหรือขณะอุ้มพอโตขึ้นทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงล้วนยังต้องการ การกอดและการหอม สัมผัสกันด้วยความรักใคร่เหมือนกัน เพราะมีความสำคัญมากต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก

2. การกอดในวัยเริ่มเรียน คือการกอดลูกก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า อาจส่งผลให้เขามีอารมณ์มั่นคงได้ตลอดทั้งวัน ในขณะเดียวกัน การกอดลูกตอนกลับจากโรงเรียนอาจทำให้เขารู้สึกสงบ ไม่งอแง เพราะเวลาไปโรงเรียนเขาต้องเจอเหตุการณ์ใหม่ๆ ทุกวัน อาจมีทั้งความรู้สึกดีหรือไม่ดีต่อคนรอบข้าง การกอดด้วยความรักอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและสามารถปรับตัวเข้ากับคนรอบข้างได้ง่ายขึ้น

"เด็กผู้ชายอายุ 7-9 ปี อาจมีบางช่วงเวลาที่เขาไม่อยากให้สัมผัส ดังนั้นการสัมผัสอาจเป็นการเล่นกีฬา เช่น มวยปล้ำ การเล่นต่อสู้กันหรือการกอดกันแรงๆ การเอามือลูบผม การแตะไหล่หรือแขน พร้อมคำพูดแนวให้กำลังใจ การกอดเด็กไว้ขณะอ่านหนังสือให้เด็กฟังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เด็กหลายคนประทับ ใจ เพราะกอดนานและรู้สึกใกล้ชิดอบอุ่น ส่วนเด็กผู้หญิง นอกจากการสัมผัสในลักษณะที่ออกแรงแบบเล่นกีฬาแล้ว ยังชอบการสัมผัสแบบอ่อนโยนด้วย"

3. การกอดสำหรับลูกวัยรุ่น สิ่งสำคัญ คือ การแสดงความรักในทางสร้างสรรค์และเหมาะสมทั้งเวลาและสถานที่ พ่อแม่ควรแสดงความรักต่อทั้งลูกสาวลูกชาย เพราะวัยรุ่นยังต้องการการสัมผัสเหมือนเดิม เพียงแต่ควรทำที่บ้าน แม่ไม่ควรกอดลูกชายต่อหน้าเพื่อนของลูก เนื่องจากเด็กกำลังพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง การทำแบบนั้นอาจทำให้เด็กอายและอาจถูกเพื่อนล้อ ในทำนองเดียวกันลูกสาวก็ยังต้องการการกอดและการหอมจากพ่อ ดังนั้นเวลาและสถานที่จึงมีความสำคัญในวัยนี้ ส่วนการที่พ่อกอดลูกชายและแม่กอดลูกสาวอย่างรักใคร่ เป็นสิ่งที่เหมาะสมในทุกช่วงการพัฒนาการของเด็ก

นอกจากการกอดแล้วเรื่องของคำพูดก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกรู้สึกดี โดยจิตแพทย์ท่านนี้ ได้ให้คำแนะนำหลักการพูดกับลูกหลักๆ 3 ข้อดังนี้

- คำพูดที่แสดงความรักใคร่ห่วงใย เช่น เวลาอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอนก็กอดเขาไว้ ก็บอกเขาว่า "ลูกจ๋า..แม่รักลูกนะ"

- คำพูดชมเชยที่เหมาะสมและตรงตามความเป็นจริง เช่น "แม่ภูมิใจ ที่ลูกของแม่เป็นคนดี" ควรใช้ในจังหวะที่เด็กทำสิ่งที่เขาภูมิใจและหวังว่าจะได้รับคำชมเชย

- คำพูดให้กำลังใจ หมายถึง การปลูกฝังความกล้าให้เด็กมีความกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น เพราะทุกประสบการณ์ในชีวิตเด็กเป็นสิ่งใหม่ เช่น หัดเดิน หัดพูด หัดขี่จักรยาน คำพูด "เกือบได้แล้วลูก" "ดีลูก" "ใช่แล้ว" "ดีมาก" "ได้แล้ว" เป็นถ้อยคำที่สร้างกำลังใจในการเรียนรู้ต่อไป





ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ โดย พญ.ภัทรวรรณ ขันธ์แก้ว จิตแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลมนารมย์

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks