น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

ขับถ่ายไม่ปกติ สารพิษถูกดูดซึมเข้าร่างกายก่ออารมณ์ด้านลบ | PG&P

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดังที่ได้อ่านเจอมาว่า ในสมัยต้นศตวรรษที่ 20 มีนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลได้ค้นพบว่า หากร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ เราอาจล้มป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคพยาธิติดเชื้อ เบาหวาน ฯลฯ ปริมาณออกซิเจน ที่ร่างกายดูดซึม สามารถวัดได้ด้วยค่า pH ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 0 ถึง 14 หากวัดได้ที่ค่า 0 หมายถึง เลือดมีความเป็นกรดสูง และไล่ไปจนถึงค่า pH ที่ 14 หมายถึง เลือดมีความเป็นด่างสูง ซึ่งระดับที่ร่างกายมีความสมดุลของกรดด่าง และออกซิเจนจะอยู่ที่ประมาณ 7.365 ค่อนไปทางความเป็นด่างเล็กน้อย และหากค่า pH สูง หรือต่ำจนเกินไป คุณจะรู้สึกไม่สบาย เหนื่อยล้า น้ำหนักขึ้น ท้องผูก และปวดเมื่อย
ความสัมพันธ์ของกรด-ด่าง ทางกายและจิต
ภาวะเลือดเป็นกรด บทความนี้ได้คัดลอกเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือ "Alkalize or Die" ของ Dr. T.A. Baroody , Jr ภาวะเลือดเป็นกรดเป็นสภาวะพื้นฐานของโรคทั้งหมด พวกเราต้องทำความเข้าใจในเรื่องกระบวนการของความเป็นด่าง พื้นฐานของร่างกายและหน้าที่สำคัญของด่างในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่ในการช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมสุขภาพร่างกายทั้งหมด การทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของต่อมและอวัยวะของเรานั้น จะต้องอยู่ในภาวะที่มีทั้งปริมาณกรดและด่างในระดับที่สมดุลกัน
ผลกระทบของภาวะเลือดเป็นกรดในอวัยวะของคุณ เช่น หัวใจ เป็นหนึ่งในอวัยวะของร่างกายที่ต้องทำงานสัมพันธ์กับสภาวะ ความเป็นด่างโดยตรง เส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve : เส้นประสาทสมองเส้นที่ 10 หน้าที่หลักคือควบคุมกล้ามเนื้อในการออกเสียง)
อาการ หากเส้นประสาทนี้เสียไปคือ การกลืนลำบาก (dysphagia) จะทำงานมีประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นด่างซึ่งจะเป็น ตัวที่ทำให้บางส่วนของหัวใจอ่อนแอ การเต้นของหัวใจจะถูกควบคุมโดยกรดของเสีย ซึ่งของเสียเหล่านี้จะเข้าไปรบกวนการลำเลียงออกซิเจน และทำให้หัวใจเสื่อมสภาพลง ระบบที่เป็นด่างจะทำให้หัวใจมีระบบการทำงานตามรูปแบบอุดมคติตามที่ควรจะเป็น ไปโดยธรรมชาติ
ส่วนระบบย่อยอาหารนั้น ควรศึกษาเรื่องอาการอาหารไม่ย่อย หรืออาการย่อยยาก (การเรอ, การบวม, การปวดบริเวณเอว, การเกิดแก๊สในลำไส้, การอาเจียน, สะอึก, การไม่รู้สึกอยากอาหาร หรือมีน้อยเกินไป, อาการคลื่นไส้, อาการท้องเสีย, ท้องผูก, อาการจุกเสียดในเด็ก (Colic)) ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะกำลังบอกได้ว่าเส้นประสาท Vagus กำลังมีปัญหา และอาจเป็นไปได้ว่า คุณอาจจะเป็นโรคไส้เลื่อน (Hiatus hernia syndrome) ซึ่งจะเกิดกรดของเสียอยู่ทุกจุดในระบบ เมื่อปราศจากการยับยั้งกรดไฮโดรคลอริกที่ได้จากอาหารอย่างเหมาะสม อาหารนั้นก็จะมีความเป็นกรดที่มากเกินไป
ตับก็เป็นอีก อวัยวะหนึ่งที่สำคัญยิ่ง ตับมีรูปแบบการทำงานมากกว่า 300 รูปแบบ ซึ่งรวมถึงการกำจัดกรดสารพิษจากเลือดและผลิตเอนไซม์ที่เป็นด่างจำนวนมากให้ แก่ระบบ และนี่ก็เป็นกระบวนการแรกในการปกป้องร่างกายจากสารพิษ อาหารทั้งหมดที่เราได้รับผ่านระบบทางเดินอาหารเข้ามาในกระแสเลือดจะผ่านเข้า มาด้วยกระบวนการของตับ การทำงานของตับจะหนักยิ่งขึ้นเมื่อกรดของเสียยังลอยอยู่ในกระแสเลือด และยิ่งถ้าตับมีปริมาณกรดของเสียโปรตีนที่มากเกินไป นั่นก็หมายความว่า ความตายก็อยู่ไม่ไกลจากเราเลย
ส่วนตับอ่อน ก็เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นๆ การทำงานของตับอ่อนจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอาหารที่เป็นอัลคาไลน์ทุกรูป แบบการทำงานของตับอ่อนจะเป็นไปเพื่อลดกรดส่วนเกิน และปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในสภาวะสมดุลเพื่อการมีปริมาณน้ำตาลที่ เหมาะสมในเลือด เราจึงต้องดูแลควบคุมอาหารให้อยู่ในรูปแบบอัลคาไลน์
ส่วนลำไส้เล็ก มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Peyer's Patches คือ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ด้านบนของลำไส้เล็กซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่าง มาก ต่อมนี้มีความสำคัญต่อการย่อยอาหาร และการผลิตเม็ดเลือดขาว (lymphocytes) ให้แก่ เครือข่ายของระบบน้ำเหลือง อีกทั้งยังผลิตเอนไซม์ Chyle ซึ่งเป็นสารตั้งต้นหลักของด่าง การไหลอย่างต่อเนื่องของเอนไซม์ Chyle เข้าสู่ระบบมีความสำคัญเป็นอย่างมาก การมีกรดของเสียที่ได้จากการรวมตัวของกรดในอาหารที่มากจนเกินไป จะเป็นภาระอันหนักหน่วงให้แก่ Peyer's Patches ซึ่งต้องได้รับคำสั่งในการผลิต Chyle ออกมา
ไตก็สำคัญไม่แพ้ กัน ในช่วงวัยที่เจริญเติบโตเต็มที่ จะมีปริมาณเลือดที่จะไหลเข้าไปที่ไตอยู่ประมาณ 1 ลิตรต่อนาที โดยหน้าที่พื้นฐาน คือ ไตจะรักษาความเป็นด่างของเลือดและสกัดเอากรดออกไป เมื่อไตทำงานหนักอันเนื่องมาจากมีปริมาณกรดที่มากจนเกินไปจะทำให้เกิดก้อน นิ่วในไต ที่ประกอบไปด้วยเซลล์กรดของเสีย, แร่เกลือ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นยางเหนียวในสารตั้งต้นกรดของเสีย
อย่างไรก็ตาม ด้วยกระบวนการลดกรดที่เข้ามาในร่างกาย ถือเป็นโอกาสดีที่เราสามารถหลีกเลี่ยงอาการปวดได้  กล่าวถึงลำไส้เล็กกันแล้ว ก็ต้องพูดถึงลำไส้ใหญ่กันด้วย ลำไส้ใหญ่ต้องสะอาดปราศจากการสะสมของกรดของเสีย การสะสมตัวของสารพิษตามผนังลำไส้ใหญ่จะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการท้อง เสียหรือท้องผูกที่จะทวีความรุนแรงขึ้น และมีการดูดซึมน้ำกลับมาในกระแสเลือดอีกครั้ง
การขับถ่ายที่ดี (ระบบการขับถ่ายที่สมบูรณ์เป็นปกติ) จะต้องมีอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
อีกระบบหนึ่งที่สำคัญมาก ก็คือ ระบบน้ำเหลืองในร่างกาย เรา มีต่อมน้ำเหลือง 600-700 ต่อม น้ำเหลืองจะนำเอาสารอาหารเข้าสู่เซลล์และนำกรดของเสียออกจากเซลล์ ซึ่งน้ำเหลืองจะไหลได้ดีที่สุดในสภาวะด่าง เมื่อร่างกายเราอยู่ในภาวะกรดที่มากเกินไป อัตราการไหลจะช้าลง ถ้าเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน สุขภาพของเราจะถูกคุกคามด้วยกรดและแย่ลงในที่สุด น้ำเหลืองจะค่อยๆ ตายลงทีละเล็กทีละน้อยและก็จะเริ่มสร้างขึ้นใหม่จากขนาดที่เล็กมากๆ จนถึงขนาดใหญ่ซึ่งจะเกาะอยู่ตามเนื้อเยื่อ ซึ่งการเกาะติดนี้ไม่ได้มีอยู่แต่ในน้ำเหลืองเท่านั้น เพราะยังหมายรวมถึงการไหลของเลือดอีกด้วย การขัดขวางการไหลของน้ำเหลืองจะเพิ่มการสะสมกรดในเนื้อเยื่อ อีกทั้งการดื่มน้ำที่สะอาดไม่เพียงพอจะทำให้อัตราการไหลของน้ำเหลืองลดลงของ เสียจากอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้จะถูกดูดซึมกลับเข้ามาในระบบไหลเวียนอีกโดย ผ่านทางท่อน้ำเหลืองของลำไส้เล็ก มีรายงานเพิ่มเติมว่า การขับถ่ายที่ไม่สมบูรณ์ในแต่ละวันจะทำให้สารพิษถูกดูดซึมเข้ามาอีก
อารมณ์ด้านลบจะสร้างกรดได้อย่างไร
คุณเคยอารมณ์เสียกับใครบางคนหรือบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณมีอาการปวด ท้องบ้างไหม อารมณ์ในด้านลบทั้งหมดจะเป็นตัวสร้างสภาวะกรดในร่างกาย คุณเคยได้ยินใครบางคนกล่าวเอาไว้ว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับตัวคุณ คุณจะยอมให้ปัญหาเข้ามา "กัดกินตัวคุณเอง" หรือ "ได้รับสิ่งที่ดีจากมัน?" ความกลัวเป็นสาเหตุสำคัญของโรคภัยทั้งหมด โดยจะเข้าไปกัดกร่อนชีวิตและสุขภาพ ความกลัวเป็นสาเหตุของความโกรธ ความโกรธเป็นต้นตอของความเกลียดชัง ความเกลียดชังจะกลืนกินเราและสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เราตลอดไป
ความรักและความเข้าใจต่างหากเล่าที่จะเป็นตัวทำความสะอาด และเยียวยาร่างกาย อีกทั้งยังสร้างสภาวะสิ่งแวดล้อมในร่างกายให้เป็นด่าง (อัลคาไลน์) อีกด้วย  ดังนั้น ลองมาดูกันซิว่า มีอะไรที่เราจะสามารถทำได้ ห้าสิ่งเหล่านี้ คือหัวใจสำคัญ คือ การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายคุณอยู่ในสภาวะที่เป็นด่าง (อัลคาไลน์) การออกกำลังกายที่มากเกินไปนั้น (เลยจุดของความอ่อนล้า, ความเหนื่อย) สามารถที่จะสร้างปัญหากรดให้แก่ร่างกายในขณะที่เกิดการสร้างกรดแลคติด (เป็นกรดที่ได้จากน้ำนม) บุคคลที่มีสภาวะร่างกายเป็นกรดจะรู้สึกแย่เป็นประจำกับการออกกำลังกาย นั่นเพราะว่ากระบวนการล้างสารพิษของพวกเขานั้นไม่ได้กำลังทำงานได้เพียงพอ กับปริมาณกรดที่มีมากเกินไปในเนื้อเยื่อต่างๆ และเช่นเดียวกันกับกรณีที่ไม่มีการออกกำลังกาย กรดและสารพิษที่ถูกสร้างขึ้นก็ไม่ได้ถูกกำจัดออกไปทั้งหมด
คุณภาพของอากาศ ตามคำกล่าวที่ว่า "ทุกย่างก้าวที่คุณก้าวเดิน, ทุกลมหายใจที่คุณได้หายใจ" ถ้าทุกๆ สิ่งที่แวดล้อมคุณอยู่อยู่ในภาวะที่เป็นพิษที่เต็มไปด้วยสารเคมี, ฝุ่นละออง, ควัน, ขนหรือฝุ่นจากสัตว์เลี้ยง, เชื้อรา, จุลินทรีย์ต่างๆ และพลังงานส่วนใหญ่ของคุณซึ่งเก็บรักษาไว้ก็จะถูกนำมาใช้เพื่อการล้างสารพิษ เท่านั้น ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้และบริเวณที่ใกล้มหาสมุทรล้วนเต็มไปด้วยอนุภาค ไอออนลบที่มีปริมาณลดลงต่ำกว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา และเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ที่เราได้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่อนุรักษ์พลังงาน และเริ่มมีการสร้างบ้านและเครื่องเรือนด้วยวัสดุสังเคราะห์ก็ทำให้ไอออนลบลด ลง ซึ่งเรื่องของคุณภาพอากาศก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคภูมิแพ้ และอาการอ่อนเพลียเรื้อรังที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การรับประทานอาหาร  การรับประทานอาหารคือกุญแจที่ไขไปสู่สภาวะแวดล้อมที่เป็นด่าง (อัลคาไลน์) เพราะเมื่อคุณรับประทานอาหารที่เหมาะสมร่างกายของคุณก็จะลดการเสื่อมสภาพลง ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดการสร้างภาวะด่าง(อัลคาไลน์)ในร่างกายคุณขึ้นมา อุปกรณ์เสริมเป็นด่างทางอาหาร
เมื่อคุณได้ซื้ออุปกรณ์เสริม คุณต้องถามย้ำกับตัวเองว่าสิ่งที่ คุณได้จากสิ่งนี้คืออะไรและเจ้าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความด่าง (อัลคาไลน์) ให้แก่ตัวคุณได้อย่างไร รวมถึงการกำจัดกรดออกจากร่างกายด้วยเครื่องดื่มที่ได้จากธรรมชาติจะช่วยคุณ ในการกรองและกำจัดกรดกับสารพิษออกจากร่างกาย อาหารที่เป็นด่าง (อัลคาไลน์) การรับประทานอาหารที่มีความเป็นด่างมากๆ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปการรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้รับอาหารที่เป็น ทั้งกรดและเบส โดยที่โภชนาการอุดมคติที่ควรจะเป็นนั้น จะต้องประกอบไปด้วย อาหารที่เป็นด่าง (อัลคาไลน์) 75% และกรด (อะซิติก) 25% ของปริมาณอาหารทั้งหมดในแต่ละมื้อ
ใส่ใจเรื่องกายกันแล้ว อย่าลืมหันมาดูแลหัวใจ และความรู้สึกนึกคิดของตนเองด้วย อย่าปล่อยให้ใจเป็นกรดเพราะความโกรธ ความเป็นกรดเกิดได้ง่ายมาก แต่กว่าจะปรับให้กลับคืนเป็นด่าง ร่างกายต้องสูญเสียชีวภาพทางเคมีไปมากมาย ยิ่งหากปล่อยให้อารมณ์เสียจนเป็นนิสัย นอกจากจะตายเร็วแล้ว ยังตายทรมานอีกด้วย เพราะกว่าจะตาย อาจต้องนอนป่วยเป็นพักอยู่นาน
ใครไม่อยากอยู่ในสภาพเช่นนั้น ในบั้นปลายของ ชีวิตพิเคราะห์บทความนี้ให้ดี แล้วรีบแก้ไขปรับเปลี่ยน วิถีความเคยชินเสียใหม่ ก่อนที่จะสายเกินไป


ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ดื่มชาเย็นมากอาจเป็นนิ่วในไต เพราะมีกรดออกซาลิกปริมาณสูง | PG&P

ศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยลาโยลาของสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า ผู้ที่ชอบดื่มชาเย็นมากๆ อาจจะเสี่ยงกับการเป็นนิ่วในไตอันเจ็บปวดขึ้น
นักวิจัยอธิบายให้ฟังว่า การดื่มเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมกันในฤดูร้อนนี้ มีกรดออกซาลิก อันเป็นสารเคมีก่อผลึกเล็กๆ ของแร่ธาตุและเกลือ ปนอยู่ในปัสสาวะ ซึ่งอาจจะโตขึ้น จนไปเกาะติดอยู่กับท่อปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะได้
ดร.จอห์น มิลเนอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แผนกโรคทางเดินปัสสาวะชี้ ว่า “ยิ่งผู้ที่โน้มเอียงชอบเป็นนิ่วในไตเกือบทุกแบบอยู่แล้ว ชาเย็นนับเป็นเครื่องดื่มที่แสลงมากที่สุด” และเสริมว่า “ผมเองก็ชอบดื่มเหมือนกัน แต่อย่าไปดื่มมาก เช่นเดียวกับของอย่างอื่น การยึดทางสายกลางไว้เป็นดีที่สุด”
“ผู้คนมักจะบอกแนะกันว่า ให้ดื่มน้ำมากๆ เมื่ออากาศร้อน และคนหลายคนก็เลือกดื่มชาเย็น เพราะแคลอรีน้อยและรสชาติดีกว่าน้ำ แต่เมื่อนึกถึงนิ่วในไต ก็ควรจะต้องระวังโทษไว้”
ปกติแล้ว ผู้ชายจะเป็นนิ่วในไตง่ายกว่าสตรีถึง 4 เท่า โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 40 ปีไปแล้ว แต่สตรีวัยทอง ซึ่งมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ และยิ่งเคยตัดรังไข่มาแล้ว ก็ควรจะต้องระวังด้วย


ภาพประกอบ : อินเทอร์เน็ต
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ไขมันดีสีน้ำตาล | PG&P

ไขมันมี 2 ชนิดคือ 'ไขมันสีขาว'และ'ไขมันสีน้ำตาล' โดยไขมันสีขาวเป็นแหล่งสะสมพลังงาน ส่วนสีน้ำตาลทำหน้าที่สร้างความร้อนผ่านการเผาผลาญไขมัน
ไมเคิล ซีมอนด์ ผู้เชี่ยวชาญการปรับปรุงกายภาพ มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม สหราชอาณาจักร ใช้อุปกรณ์สแกนพบว่า 'บราวน์ แฟต' หรือ 'ไขมันสีน้ำตาล' เป็นไขมันชนิดสลายไขมันที่พบมากในร่างกายของเด็กแรกเกิด สำหรับสร้างพลังงาน ความร้อนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นนั้น อันที่จริงมีอยู่ในร่างกายของคนทุกเพศทุกวัย โดยโปรตีน 'พีอาร์ดีเอ็ม 16' และ 'บีเอ็มพี 8 บี' ในอาหารประเภทนมเนย ถั่ว และเนื้อสัตว์ สามารถแปลงเซลล์ไขมันสีขาวให้กลายเป็นไขมันดีสีน้ำตาล ช่วยกระตุ้นระบบเมทาบอลิกในสมองและเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย ทำให้การเผาผลาญไขมันส่วนเกินดีขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคเบาหวานในเด็กได้อีกต่างหาก


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด 

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks