น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

เป็นเหยื่อ-มั่ว-ล่าเหยื่อ 'เด็กเปื้อนเซ็กส์' ชาชินจน 'หยุดไม่อยู่'

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

"อะไรจะขนาดนั้น??"'ทำไมเป็นไปได้ขนาดนี้??" นี่เป็นเสียงอุทานเชิงตั้งคำถามของใครต่อใครหลาย ๆ คนหลังจากได้รับทราบข่าวสารปัญหาสังคมไทย กรณี เด็กวัยรุ่นวัยเรียนมีเซ็กส์กันโจ่งครึ่มในโรงหนัง" เด็ก วัยรุ่นหนีเรียนเปิดโรงแรมม่านรูดสวิงกิ้ง" ซึ่งจากรายงานข่าว โดยเฉพาะกับกรณีหลัง เห็นว่านี่มิใช่พฤติกรรมที่เพิ่งเกิด มีชาวบ้านบอกว่าเด็กวัยเรียนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมแบบนี้มานานแล้ว และเป็นประจำ!!
ต่อให้ทั้งสองกรณีนี้เพิ่งเกิดครั้งแรก ก็มิใช่เรื่องดีเป็นอีกปัญหาสังคมที่น่าห่วงแต่มักจะชาชินกัน!!
"เด็กไทยกำลังซวนเซใน 3 เรื่องคือ ยาเสพติด การแสดงออกด้วยความรุนแรง และเรื่องเพศ" นี่เป็นการระบุผ่าน "เดลินิวส์" ของ ครูหยุย-วัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ซึ่งก็เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ เพราะสังคมไทยวันนี้มีข่าวเด็กวัยรุ่นวัยเรียนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีข่าวเด็กวัยรุ่นวัยเรียนทะเลาะวิวาทตีรันฟันยิงฆ่าคนตาย และมีข่าวเด็กวัยรุ่นวัยเรียน มั่วเพศมั่วเซ็กส์" เป็นประจำ ซึ่งกับเรื่องเพศนั้น ล่าสุดทางครูหยุยก็บอกว่า กำลังเป็นปัญหามาก!!" พร้อม ทั้งได้เรียกร้องให้มีมาตรการดูแลเด็กวัยรุ่นในเรื่องเหล่านี้ เรียกร้องให้มีมาตรการทางบวกเพื่อส่งเสริมเด็กวัยรุ่นในทางสร้างสรรค์ ให้มากยิ่งขึ้น
ก็แล้วใครบ้างล่ะ?? ที่มีหน้าที่ต้องใส่ใจในเรื่องนี้
ทั้งนี้ กรณีเด็กวัยรุ่นวัยเรียนมีเซ็กส์ในโรงหนัง หนีเรียนเปิดโรงแรมม่านรูดสวิงกิ้ง เมื่อเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมาแล้ว ไม่ทันไรก็อาจเงียบไป เหมือนหลายๆ กรณี ขณะที่ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน ในโรงเรียน ในชุมชน ในสังคม ในหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง-ในรัฐบาล ก็ดูจะ “ชาชิน" กับกรณีแบบนี้ ไม่ได้คิด-พูด-ทำอะไรที่เป็นการแก้ไขป้องกันปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากกว่า ที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่??
ชาชิน ข่าวเงียบไป แต่ปัญหายังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องเพศกับเด็กและเยาวชนไทยนั้น ทาง "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ก็ได้สะท้อนมาอย่างต่อเนื่องว่านับวันจะเป็นปัญหาใหญ่!! และสถานการณ์ก็เป็นไปแบบ พัวพันเป็นวังวน" โดยที่หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ ทำอนาจารเด็ก-ละเมิดทางเพศเด็ก-ข่มขืนเด็ก!!!
"ดู เหมือนสังคมจะยิ่งเลวร้าย ตกต่ำเสื่อมโทรมไปกันใหญ่แล้ว" "คดีเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวกับเพศ มีอัตราที่สูงมาตลอดในระยะหลัง" "มีการก่อเหตุทั้งที่ยังเป็นวัยที่ร่างกายตามธรรมชาติยังไม่มีความต้องการ เรื่องเซ็กส์ ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมเลียนแบบ" นี่เป็นเสียงอีกส่วนของครูหยุย ที่เคยสะท้อนผ่าน "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ไว้
ขณะที่ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา ก็ได้สะท้อนไว้ว่าการดำเนินชีวิตของเด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบันเป็นไปในลักษณะ 5 ประการคือ 1.การขาดวิ่น ขาดวินัยในชีวิต, 2.การมีเอกลักษณ์สับสน ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร ไม่มีเป้าหมายในชีวิต, 3.การมีอาการเอาแต่ใจ ชอบความสบาย มีค่านิยมต้องการเงินมากๆ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ, 4.การมีอารมณ์ร่วมกับมนุษยสัมพันธ์ในรูปแบบที่ไม่มีทรรศนะชีวิตและทรรศนะ สังคม ไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควรและทำไปแล้วจะมีผลอย่างไรกับคนรอบข้างบ้าง และ 5.การมีอาการทางเพศที่ขาดการยั้งคิดถึงสังคมรอบข้าง
ดร.วัลลภชี้โดยอิงกับด้านจิตวิทยาไว้ว่า การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของเด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบันนั้น ปัญหานี้ด้านหนึ่งเกิดจากการคลั่งลัทธิเสรีภาพ การแพร่ระบาดหนักของสื่อลามกในช่องทางต่าง ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นและทำให้เกิดความเชื่อในค่านิยมผิดๆ ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ จนอาจนำไปสู่ “ภาวะการเสพติดเซ็กส์" แสดงออกถึงความหมกมุ่นเรื่องเพศและคิดว่าเป็นความสุขที่แท้จริงในชีวิต แต่มันไม่ใช่!!
ตั้งแต่กว่า 5 ปีก่อนแล้ว ที่นักจิตวิทยารายนี้เผยผ่าน "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ไว้ว่า จากการเปิดให้คำปรึกษากับเด็กและเยาวชนก็พบว่ามีเด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิง ในช่วงอายุระหว่าง 12-16 ปี ขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เกิดอาการเครียดและกดดันเนื่องจากหาทางระบายออกในเรื่องเพศไม่ได้ มีจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะ“หยุดไม่ได้" เกิดอารมณ์ทางเพศและต้องหาทางระบายออกตลอดเวลา บางรายไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องนี้ บางรายต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองวันหนึ่ง 4-5 ครั้ง ถ้าไม่ทำนอนไม่หลับ และที่ยิ่งน่าห่วงคือ บางรายอาจจะหาทางไป ระบายกับเด็กวัยเดียวกันหรือเด็กที่อายุน้อยกว่า
ทั้งนี้ จากที่นักจิตวิทยาชี้ไว้ในประเด็นหลัง ถ้าสมยอมกัน กรณีครึกโครมที่เพิ่งเกิดคือ มีเซ็กซ์ไม่เลือกที่ สวิงกิ้ง ก็น่าจะเป็นตัวอย่าง ขณะที่ในอีกมุมก็อาจเป็นคดี ทำอนาจารเด็ก-ละเมิดทางเพศเด็กข่มขืนเด็กโดยเด็ก" เพิ่มจากคดี ทำอนาจารเด็ก-ละเมิดทางเพศเด็ก-ข่มขืนเด็กโดยผู้ใหญ่" ที่ก็เกิดมากอยู่แล้ว
เด็ก" จาก เหยื่อทางเพศ" ยุคนี้มีที่เป็น นักล่าเหยื่อ"
เด็กล่าเหยื่อเด็ก" โตขึ้นอาจเป็น ผู้ใหญ่ล่าเหยื่อเด็ก"
พัวพันเป็นวังวน" เช่นนี้จะ ชาชินกันไม่ได้แล้ว!!!!"


ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เตือนคนอ้วนเสี่ยงโรคสะเก็ดเงิน

เตือนคนอ้วนเสี่ยงโรคสะเก็ดเงิน


แพทย์ผิวหนังเตือน คนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคสะเก็ดเงินสูงกว่าคนปกติ ชี้แม้ไม่รุนแรง แต่อาจทำให้ข้อบิดเบี้ยว เสียรูปได้
พญ.ณัฏฐา รัชตะนาวิน กรรมการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ยืนยันตรงกันว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก อ้วนลงพุง และเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเป็นโรคสะเก็ดเงินได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้โรคดังกล่าวจะไม่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต แต่อาจส่งผลกระทบต่ออาการทางข้อจนทำให้ข้อบิดเบี้ยว เสียรูป จึงต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคข้อควบคู่กันไป
พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าว ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินประมาณ 3-5 แสนราย หรือ 0.5-1% ของประชากรทั้งหมด ในจำนวนนี้ 20% มีอาการรุนแรง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่โรคติดต่อแต่โรคสามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ จึงอยากให้สังคมทำความเข้าใจและเลิกรังเกียจผู้ป่วย
“ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินที่มีอาการหนักล้วนแต่มีคุณภาพชีวิตไม่ดี ถูกรังเกียจ ตกงาน เพื่อนไม่ยอมรับ ส่งผลต่อความเครียด และมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้ในที่สุด” พล.ต.นพ.กฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ อาการของโรคสะเก็ดเงินจะเป็นผื่นแดงนูนหนา มีขุยสะเก็ดเป็นแผ่นๆ มักเกิดบริเวณที่มีการเสียดสี อาทิ ศอก เข่า หลัง บนหนังศีรษะ หรือแนวไรผม หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องผื่นอาจลามไปทั้งตัว โดยผู้ที่มีอายุมากขึ้น จะมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมากขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นโรค เช่น การเกา การดื่มแอลกอฮอลล์ การสูบบุหรี่ รักษาสุขภาพกายและใจให้สมดุล ระวังน้ำหนักไม่ให้อ้วน
สำหรับการรักษา เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามความรุนแรงของโรค ปัจจุบันมีการนำยาที่มีประสิทธิภาพดีมาใช้มากขึ้น


ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

ชี้ 'อีคิว' เด็กไทยต่ำกว่าเกณฑ์ แย่เรื่องความมุ่งมั่นพยายาม

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้ดำเนินโครงการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)เด็ก และเยาวชน ตั้งแต่ปี 2548-2554 โดยมีการสำรวจความฉลาดทางอารมณ์ ในปี 2550 เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เด็กไทย และปี 2554 เป็นการสำรวจติดตามสถารการณ์ระดับความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กนักเรียนไทย อายุ 6-11 ปี ระดับประเทศเป็นครั้งที่ 2
การสำรวจครั้งนี้ ใช้ขนาดตัวอย่างกลุ่มเด็กอายุ 6-11 ปีจำนวน 5,325 คนซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันที่ใช้สำรวจ iQ ปี 2554 จากตัวแทนกรุงเทพมหานคร และ 4 ภาค รวม 10 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ระยอง สมุทรสาคร อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด กระบี่ ปัตตานี ใช้แบบทดสอบวัคความฉลาดทางอารมณ์ฉบับกรมสุขภาพจิต ประกอบด้วย ฉบับเด็ดอายุ 6-11 ปีที่ครูเป็นผู้ประเมินวิเคราะห์ผลเป็นค่าเฉลี่ยและร้อยละ โดยแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่1.การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ในการสำรวจปี 2554 และ 2.การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลความฉลาดทางอารมณ์ในการสำรวจปี 2545 และปี 2550
"เมื่อเปรียบเทียบระยะ 3 ปีที่ทำการสำรวจผลรวมของคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) กลุ่มอายุ 6-11ปี โดยใช้แบบทดสอบที่มีโครงสร้างเดียวกันแต่ผู้ประเมินต่างกัน คือ ปี 2545 และปี 2550 พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นผู้ประเมิน ส่วนปี 2554 ครูเป็นผู้ประเมิน แต่ได้ปรับให้คะแนนอยู่ในมาตรการเดียวกัน พบว่าคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ปี 2554 มีค่าต่ำสุดอยู่ที่ 169.72 จาก 179.58 ในปี 2550 และ186.42 ในปี 2545" นพ.ณรงค์กล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจความฉลาดทางอารมณ์เด็กนักเรียนไทยอายุ 6-11 ปี ปี 2554 มีคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เฉลี่ยระดับประเทศอยู่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ คือ มีค่าคะแนนอยู่ที่ 45.12 จากค่าคะแนนปกติ 50-100 ซึ่งมีจุดอ่อนทั้ง 3 องค์ประกอบใหญ่คือดี เก่ง สุข และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบย่อยในแต่ละด้าน จะพบว่า การปรับตัวต่อปัญหามีค่าคะแนนอยู่ที่ 46.65 การควบคุมอารมณ์ 46.50 การยอมรับถูกผิด 45.65 ความพอใจในตนเอง 45.65 ความใส่ใจและเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น 45.42 การรู้จักปรับใจ 45.23 และที่เป็นจุดอ่อนมากได้แก่ ความมุ่งมั่นพยายาม ซึ่งมีค่าคะแนนอยู่ที่ 42.98 รองลงมา คือความกล้าแสดงออก 43.48 และความรื่นเริงเบิกบาน


ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

สาธารณสุขเตือน 3 จว.อีสานใต้ พบผู้ป่วยไข้เลือดออกมาก

สาธารณสุขเตือน 3 จว.อีสานใต้ พบผู้ป่วยไข้เลือดออกมาก

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด อุบลราชธานีเตือนประชาชนระวังโรคไข้เลือดออก เพราะพบการระบาดสูงสุดที่จังหวัดศรีสะเกษ รองลงมาเป็นมุกดาหาร นครพนม และอุบลราชธานี แนะทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย รวมทั้งทำตัวให้อบอุ่นรับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ส่วนเกษตรกรปลูกข้าวระวังโรคเลปโตสไปโรซีสระหว่างดำนา 
นายแพทย์สุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทยว่า จากสถิติข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมษายนที่ผ่านมา พบมีการระบาดของโรคเร็วผิดปกติของจังหวัดที่อยู่ในเขตภาคใต้ชายฝั่งทะเล อันดามัน และจังหวัดในเขตชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ประกอบกับประเทศกัมพูชาพบมีการระบาดของโรคไข้เลือดออกเร็วผิดปกติเช่นกัน (Promed mail)  
สำหรับจากสถานการณ์ระดับประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม - 9 มิถุนายน พบว่ามีผู้ป่วยแล้ว 14,045 ราย อัตราป่วย 21.99 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 9 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.06 โดยพบผู้ป่วยสูงสุดเดือนพฤษภาคม 4,270 ราย รองลงมาคือเดือนเมษายน 3,025 ราย และมีนาคม 2,299 ราย  ซึ่งจำนวนผู้ป่วยลดลงจากปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 25.53 (สถิติในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ป่วย 18,861 ราย เสียชีวิต 16 ราย) เมื่อจำแนกรายภาค พบว่าภาคใต้มีผู้ป่วย 3,516 ราย อัตราป่วยสูงสุด 37.26 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาภาคกลางผู้ป่วย 6,221 ราย อัตราป่วย 29.51 ต่อประชากรแสนคน ภาคเหนือผู้ป่วย 1,662 ราย อัตราป่วย 14.10 ต่อประชากรแสนคน และภาคอีสานผู้ป่วย 2,646 ราย อัตราป่วย 12.27 ต่อประชากรแสนคน  
ส่วนพื้นที่ที่พบการระบาดสูงสุดคือ จ.ศรีสะเกษ อัตราป่วยสูงสุด 20.18 ต่อประชากรแสนคน รองลงมา จ.มุกดาหาร อัตราป่วย 9.98 ต่อประชากรแสนคน และ จ.นครพนม อัตราป่วย 6.95 ต่อประชากรแสนคน โดยจังหวัดนครพนม และมุกดาหารมีอัตราป่วยสูงกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงในสัปดาห์เดียวกันนี้ จังหวัดศรีสะเกษพบผู้ป่วยสูงสุดถึง 70 ราย  รองลงมาคือ อุบลราชธานี 14 ราย และมุกดาหาร 13 ราย กลุ่มอายุผู้ป่วยสูงสุดคือ อายุ 10-14 ปี อัตราป่วย 34.33 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาอายุ 5-9 ปี อัตราป่วย 26.51 ต่อประชากรแสนคน และอายุ 15-24 ปี อัตราป่วย 15.86 ต่อประชากรแสนคน
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นนักเรียนสูงถึง 391 ราย รองลงมาเป็นเกษตรกร 84 ราย นายแพทย์สุรพร ลอยหา กล่าวถึงวิธีดูแลป้องกัน ต้องสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อป้องกันยุงกัดและเป็นการรักษาร่างกายให้อบอุ่นให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน โรค โดยเฉพาะเด็กกับผู้สูงอายุควรดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง หนาวเย็น ทำให้ร่างกายมีระดับภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนวัยอื่นๆ
       

ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks