น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

แนะพกเบอร์ฉุกเฉิน-อุปกรณ์ปฐมพยาบาล รับมืออุบัติเหตุสงกรานต์ | PG&P THAI

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

สพฉ.ย้ำพกเบอร์ฉุกเฉิน-อุปกรณ์ปฐมพยาบาลติดรถ เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุสงกรานต์ แนะวิธีปฐมพยาบาลลดเจ็บป่วยฉุกเฉินเบื้องต้น สั่งทีมกู้ชีพเตรียมรับมือ 24 ชั่วโมง ตั้งเป้าช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินใน 8 นาที วอนพบเห็นรถพยาบาลโปรดให้ทาง
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินมากขึ้น 3-4 เท่า ซึ่งในปีที่ผ่านมาสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือระดับของความรุนแรงในการเกิดอุบัติเหตุ เพราะมีสถิติผู้เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สพฉ.ได้เตรียมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยได้ประสานกับศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 และมีการตรวจเช็กคู่สายกว่า 500 สายทั่วประเทศให้พร้อมใช้งาน และกระจายทีมกู้ชีพทั้งในส่วนภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมในทุกพื้นที่
นพ.อนุชา กล่าวอีกว่า ในส่วนของประชาชนต้องเตรียมพร้อมด้วยเช่นกันคือ หากเดินทางไกลจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเดินทาง ขับรถด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง และหากต้องขับรถในระยะทางไกลเกินกว่า 200 กิโลเมตร ควรหยุดพักเป็นระยะ นอกจากนี้ ควรตรวจสภาพเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ในรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานด้วยเพื่อความปลอดภัย
“หากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินที่สำคัญจะต้องมีสติตลอดเวลา ต้องเตรียมพร้อมเรื่องการสื่อสาร การขอความช่วยเหลือ ซึ่งในรถแต่ละคันควรติดเบอร์โทรฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ ไว้ เพราะบางช่วงเวลาหากตกใจเราอาจลืมการขอความช่วยเหลือได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ควรมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลและยาที่จำเป็นไว้บ้าง อาทิ สำลี น้ำยาฆ่าเชื้อที่แผล ผ้าก๊อซปิดแผล ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้ายืดพันแก้เคล็ดขัดยอก ถุงมือใช้แล้วทิ้ง ปากคีบหยิบสำลี กรรไกรตัด ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้เมารถ เป็นต้น รวมถึงเตรียมอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น อาทิ ไฟฉาย ไฟฉุกเฉิน เชือก เพราะอุปกรณ์เหล่านี้อาจกลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตคุณและคนที่คุณรักได้” เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
นพ.อนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่พบอุบัติเหตุหรือประสบเหตุเอง แต่ยังช่วยเหลือตนเองได้ ควรตั้งสติและประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของอุบัติเหตุ เช่น มีผู้ได้รับบาดเจ็บกี่คน มีรถยนต์กี่คันที่ประสบเหตุ เกิดเหตุที่ใด และควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 โดยอย่าพยายามเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่บาดเจ็บด้วยตนเอง เพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุให้จอดรถในที่ปลอดภัย เปิดไฟฉุกเฉิน หากผู้ป่วยฉุกเฉินมีเลือดออกมากให้ปฐมพยาบาลห้ามเลือด โดยใช้ผ้าปิดปากแผลแล้วใช้ฝ่ามือกดให้แน่น 10-15 นาที จนเลือดหยุด สำหรับภาวะเลือดออกภายในต้องให้ผู้ป่วยพักในท่าที่สบายที่สุด ปลอบใจผู้ป่วยไม่ตื่นเต้นตกใจและสงบจะทำให้เลือดออกน้อยลง ห้ามให้อาหารและน้ำทางปาก จนกว่าแพทย์จะอนุญาต และหากไอเป็นเลือด ให้ผู้ป่วยพยายามไอเบาๆ จะทำให้เลือดออกน้อยลง หากกระดูกหักและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายจริงๆ ให้ดามกระดูกก่อน โดยอาจใช้อุปกรณ์ใกล้ตัว เช่น กระดาษแข็งหนาๆ หรือไม้นำมามัดดามไว้ด้วยเชือกหรือผ้าพันแผลบริเวณที่กระดูกหักเพื่อลดการขยับ
 “ช่วงเทศกาลสงกรานต์ทีมกู้ชีพเราพร้อมทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยตั้งเป้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้ได้ภายใน 8 นาที เพราะจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินมีโอกาสรอดและปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้น หากผู้ขับขี่พบเห็นรถพยาบาลโปรดหลีกทางให้ด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันกาล โดยอยากให้คิดเสมอว่าคนในรถฉุกเฉินอาจเป็นญาติหรือคนที่คุณรัก” เลขาธิการ สพฉ. กล่าว


ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์                     



PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เตือนเมนู "หมูดิบ" ฉลองสงกรานต์ เสี่ยงหูดับ-หนวก | PG&P THAI

เตือนเหนือ-อีสานฉลองสงกรานต์ด้วยเมนู "ลาบหมูดิบ-แหนมหมูดิบ" เสี่ยงติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ทำให้หูดับ หูหนวกถาวร บางรายซวยถึงขั้นตาย แนะคนทำงานกับหมูควรสวมถุงมือ คนขายเนื้อหมูระวังอย่าให้มีแผล และคนกินต้องปรุงสุกเท่านั้น
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การเดินทางกลับภูมิลำเยาของประชาชนในช่วงสงกรานต์มักจะรับประทานอาหารประจำถิ่น อย่างภาคเหนือและภาคอีสานมักฉลองกันด้วย ลาบ หลู้ หมูดิบ คู่กับการดื่มเหล้า ซึ่งการรับประทานหมูดิบหรือสุกๆดิบๆ เป็นสาเหตุให้ป่วยเป็นโรคไข้หูดับและหูหนวกถาวร บางรายอาจถึงตาย ทั้งนี้ จังหวัดที่มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับสูง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนม สกลนคร อุดรธานี และขอนแก่น จึงขอให้สงกรานต์นี้งดเมนูหมูสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะลาบหมูดิบ หลู้หมูดิบ และแหนมหมูดิบ เพื่อความปลอดภัยจากโรคไข้หูดับ
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า โรคไข้หูดับเป็นโรคติดต่อจากหมูสู่คน โดยหมูที่มีเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ในระบบทางเดินหายใจ บางตัวอาจไม่แสดงอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้ คนสามารถติดเชื้อจากหมูได้โดยการสัมผัสหมูที่มีเชื้อโรค โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอก ซึ่งกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคทางผิวหนัง ได้แก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู คนชำแหละหมู ผู้ตรวจเนื้อหมู สัตวแพทย์ ผู้ขายเนื้อหมู ผู้ทำงานในโรงงานฆ่าหมู เป็นต้น ส่วนคนทั่วไปสามารถติดโรคได้จากการรับประทานหมู เช่น เลือดหมูดิบ กึ่งสุกกึ่งดิบ หรือเนื้อหมูที่คิดว่าสุกจากการบีบมะนาว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานการติดต่อจากคนสู่คน ส่วนระยะฝักตัวของโรคนี้สั้นมาก อยู่ที่ไม่กี่ชั่วโมง - 3 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อและความแข็งแรงของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่ร้อยละ 85 ผู้ป่วยจะมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบคือ มีไข้ คอแข็ง สับสน ปวดศีรษะ มักมีอาการปวดหัวนำมาใน 1-2 วันแรก ผู้ป่วยร้อยละ 54-80 จะสูญเสียการได้ยิน (หูหนวกถาวร) ในรายที่รุนแรง อาจมีการติดเชื้อในกระแสโลหิต อวัยวะภายในอักเสบ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ช็อก โรคนี้มีอัตราตายสูงถึงร้อยละ 13
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนาสังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การป้องกันโรคไข้หูดับ สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดหมู หรือทำงานเกี่ยวกับหมู ควรหลีกเสี่ยงการสัมผัสหมูหรือซากหมูด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือ ใส่รองเท้าที่หุ้มเท้า ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และอาบน้ำ ชำระร่างกายทุกครั้งหลังสัมผัสหมู ส่วนผู้ค้าเนื้อหมู ต้องระวังอย่าให้มีบาดแผล หรือรอยถลอก บริเวณแขนและมือ ควรเลือกซื้อหมูจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐานมาขาย และเก็บเนื้อหมูไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส และที่สำคัญคือกลุ่มที่รับประทานหมู ควรเลือกซื้อหมูสด ไม่มีสีแดงคล้ำ หรือมีเลือดคลั่งมากๆ การปรุงควรนำเนื้อหมูมาปรุงสุกเท่านั้น ไม่ควรกินเนื้อหมู เลือด และอวัยวะภายในที่ดิบๆ หรือปรุงสุกๆดิบๆ และล้างมือด้วยสบู่ก่อนและหลังการสัมผัสเนื้อหรืออวัยวะของหมู โดยเฉพาะในบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผล


ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ระวัง 2 โรคร้ายอันตรายในหน้าร้อน PG&P THAI

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

พอย่างเข้าเดือนเมษายนทีไรทุก คนคงโฟกัสไปถึงอุณหภูมิที่ร้อนระอุทะลุปรอท และเตรียมเล่นสงกรานต์กันให้ฉ่ำปอด นอกจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทุกปีเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ โลกอย่างที่เรารู้ๆ กันแล้ว ทุกครั้งในหน้าร้อนเรายังได้ยินได้ฟังเรื่องไฟป่าที่แผดเผาจนเกิดหมอกควัน ซึ่งนำไปสู่อันตรายจากระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ
นอกจากความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ และหมอกควันแล้ว ร้อนๆ อย่างนี้ ยังมีโรคภัยจากอาหาร และสัตว์เลี้ยง ที่เราจำเป็นต้องเตือนกันให้ระมัดระวังกันทุกปี ลองไปดูว่า ร้อนนี้มีโรคอะไรบ้างที่เราต้องระวัง
1.โรคจากสัตว์เลี้ยง จริงๆ แล้วโรคจากสัตว์ในช่วงนี้ ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ เพราะมีรายงานว่าพบโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนจำนวนมากถึง 271 โรค เป็นต้นว่า สัตว์ฟันแทะ 44 โรค การทำปศุสัตว์ 37 โรค โรคจากแมว 34 โรค ลิง 27 โรค สัตว์เลื้อยคลานและปลา 20 โรค กระต่าย 17 โรค และนก 15 โรค นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยังมีรายงานว่ามีโรคอุบัติใหม่อย่าง 'พยาธิ หนอนหัวใจ' ที่ติดจากยุงมากัดสุนัข และพบว่า โรคนี้อาจเป็นภัยคุกคามคนเมืองได้เนื่องจากมีรายงานในต่างประเทศว่ามีการ ติดต่อจากสุนัขมาสู่คนได้ด้วย
ที่สำคัญยังพบโรคจากสัตว์เลี้ยงแสนรักมากถึง 47 โรค โดยเฉพาะร้อนๆ แบบนี้ ต้องระวังพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่อันตรายร้ายแรง
โรคพิษสุนัขบ้า หรือ "โรคกลัวน้ำ" (Hydrophobia) เกิดจากผู้ที่มีบาดแผลถูกสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อ "เลีย" หรือถูก "กัด" เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการจะต้องเสียชีวิตทุกราย ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโลกนี้ไม่ต่ำกว่า 55,000 รายต่อปี ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ประชาคมอาเซียนมีเป้าหมายร่วมกันจะกำจัดโรคนี้ให้หมดไปจากอาเซียน ภายในปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2563
สำหรับประเทศไทย มีผู้สัมผัสโรคได้รับการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าไม่ต่ำกว่าปีละ 5 แสนราย แต่ก็ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ทุกปี จากรายงานสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ระหว่างปี พ.ศ.2551-2555 พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าว 9, 24, 15, 8 และ 4 รายตามลำดับ ในปี พ.ศ.2556 ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ส่วนผู้ที่ถูกสุนัขกัดและไปรับ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้านั้น พบว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี 33.17% ของผู้มารับการฉีดวัคซีน) และมักถูกลูกสุนัขกัด ดังนั้นในช่วงฤดูร้อนนี้ ผู้ปกครองต้องระวังบุตรหลานอย่าเข้าใกล้สุนัข ที่ตนเองไม่ได้เลี้ยง แม้จะเป็นลูกสุนัขที่น่ารักหรือไม่ดุก็ตาม อย่าปล่อยให้เด็กอยู่กับสุนัขตามลำพัง เพราะหากสุนัขที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ามาข่วน ขบ กัด แค่เพียงเป็นรอยแผลเป็นเล็กๆ ก็สามารถติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ ที่สำคัญระลึกไว้เสมอว่า "โรคนี้เป็นแล้วตายไม่มียารักษา"
อย่างไรก็ตามหากถูกสุนัขกัด ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง เช็ดให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน แล้วรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ และควรกักขังหรือติดตามดูอาการสุนัข 10 วัน (ถ้าเป็นสุนัขบ้าจะตายภายใน 10 วันหลังแสดงอาการ) นอกจากสุนัขแล้ว แมวก็เป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่สามารถแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าสู่คนได้
นอกจาก พิษสุนัขบ้า โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่ควรมีการเฝ้าระวังในปี 2556 คือ โรคโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ 2012 ที่ระบาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โรคไข้หวัดนก โรคคอตีบ ซึ่งประเทศไทยหายไปแล้วราว 20 ปี แต่กลับมาพบอีกครั้ง
2. โรคจากอาหารและน้ำ ได้แก่ โรค อุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด อหิวาตกโรค และไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย และโรคตับอักเสบจากไวรัสทางเดินอาหารชนิดเอ จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค โรคติดต่อทางอาหารและน้ำเป็นโรคที่พบบ่อย โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน
ในช่วงเกือบ 2 เดือนแรกของปี 2556 นี้ มีรายงานผู้ป่วยทั้ง 6 โรค รวม 146,452 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต โรคที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง 128,855 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 28 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ โรคอาหารเป็นพิษ 15,965 ราย โรคบิด 1,197 ราย และโรคตับอักเสบจากไวรัสทางเดินอาหารชนิดเอ จำนวน 43 ราย ส่วนโรคอหิวาตกโรค ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย
แนวทางป้องกันที่สำคัญ คือควรล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารและหลังออกจากห้องน้ำ แยกอาหารสดออกจากอาหารที่ปรุงสุกแล้วเสมอ ควรปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง หากผู้ที่มีอาการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ ไม่ควรกินยาเพื่อให้หยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคคั่งค้างในร่างกาย จะเป็นอันตรายรุนแรงขึ้น
ขอให้ดื่มน้ำหรือทานอาหารเหลวมากๆ และดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือโออาร์เอสแทนน้ำ โดยใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ 1 ซอง ผสมกับน้ำต้มสุกเย็น 1 แก้ว ประมาณ 250 ซีซี หากไม่มีผงเกลือแร่สำเร็จ สามารถปรุงเองได้ โดยใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นครึ่งช้อนชา ละลายกับน้ำต้มสุกเย็น 1 ขวดน้ำปลากลม ประมาณ 750 ซีซี ให้ผู้ป่วยดื่มบ่อยๆ เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หลังดื่มแล้วอาการของผู้ป่วยจะดีขึ้น แต่หากยังไม่หยุดถ่ายและมีอาการมากขึ้น เช่น อาเจียนมากขึ้น อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายหัวกุ้งเน่า ปวดบิด มีไข้สูงขึ้นหรือชัก ควรพาไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้เสียชีวิตได้
ร้อนนี้ หากใครมีโรคประจำตัว นอกจากจะต้องใส่ใจแล้ว อาหารและสัตว์เลี้ยงยังเป็นอีกสองอย่างที่ต้องระมัดระวัง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ผิวสวยได้ แม้แดดจ้า

นอกจากอากาศร้อนจะทำให้คนหงุดหงิด ง่ายขึ้นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย ในช่วงแดดเปรี้ยงและอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นทุกวันนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายจึงควรรู้ถึงวิธีดูแลผิวหนังตัวเองอย่างไรให้ดูดีอยู่เสมอ
ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคณะกรรมการอำนวยการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะนำ ว่า ในช่วงแดดจ้าและร้อนมากเ่ช่นนี้ จะมีอาการทางผิวหนังอยู่ 2 อาการ ได้แก่ 1. อาการผิวหนังไหม้เกรียมจากแสงแดด และ 2. ผดขึ้นตามผิวหนัง โดยอาการผิวไหม้เกรียมจากแสงแดดนั้น คุณหมอแนะนำให้ค่อยๆ ออกแดดทีละนิด เพื่อให้ผิวหนังคุ้นเคยกับแสงแดด รวมถึงทนกับแสงแดดให้มากขึ้น ก่อนที่จะโดนแสงทีเดียวครั้งละมากๆ
นอกจากนี้ ยังต้องเลือกครีมทากันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวหนังมากที่สุด โดยหากออกแดดนาน ต้องพิจารณาครีมกันแดด ที่มีค่า PA+++ ซึ่งสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตไม่ให้เข้ามาทำอันตรายกับผิวหนังได้ดี ขณะเดียวกันต้องเลือกครีมกันแดด ที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) ที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละวัน เช่น หากอยู่ในเมือง ออกแดดแค่ช่วงกลางวันไม่นาน ก็ให้เลือกใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 15 PA+ และPA++ ก็พอ
แต่หากไปเที่ยวทะเล ก็ขอให้ใช้ครีมกันแดดระดับ SPF 50 และ PA+++ ขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายสามารถทนกับแดดจ้าได้ โดยหากไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร หรือนั่งนิ่งเป็นเวลานาน ก็ควรหยิบครีมคู่ใจขึ้นมาทาซ้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในช่วงหน้าร้อนไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรที่ออกกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเล่นกีฬา หรือเล่นสงกรานต์ก็ขอให้พกไว้ตลอด
สำหรับความเชื่อที่ว่านั่งใต้ร่มผ้าใบ ชายหาด จะสามารถป้องกันผิวหนัง จากการโดนแดดเผานั้น คุณหมอบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะผิวหนังยังมีโอกาสได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตปริมาณมหาศาล การสะท้อนแสงแดดของน้ำทะเลอยู่ดี เพราะฉะนั้นหากเลือกที่จะนอนเล่นบริเวณเตียงผ้าใบก็ขอให้ทาครีมกันแดด ป้องกันผิวไว้ด้วย
ส่วนการป้องกันตัวเองจากอาการผดผื่นขึ้นตามผิวหนังนั้น ขอให้หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะอบร้อน ยกตัวอย่างเช่น ผ้าร่ม ไม่ควรใส่เด็ดขาด โดยควรเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะโปร่ง และให้ความร้อนผ่านได้ดี จะทำให้อาการผดเกิดได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนสถานที่อย่างรวดเร็วจากบริเวณที่อยู่ใน ห้องแอร์ และออกไปยังที่ที่มีอากาศร้อนทันที เพราะผดเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วมาก


ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

"ไม้ประดับ" มีส่วนช่วยลดมลพิษ


นักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่าได้ ทดสอบความสามารถของพืชพันธุ์ต่างๆ ประมาณ 50 ชนิด พบว่าพืชบางชนิดมีส่วนช่วยดูดซับสารพิษ และแนะนำให้ไปใช้ในอาคารที่ทำงาน และที่บ้านเพื่อช่วยลดมลพิษ
นักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่า ได้ทดสอบความสามารถของ พืชพันธุ์ต่างๆ ประมาณ 50 ชนิด จากการทดสอบความสามารถของพืชบางชนิดในการลดสารพิษจำพวกสารอินทรีย์ที่ระเหย ง่าย พบว่า ดอกเบญจมาศ หรือที่ใช้ทำน้ำเก๊กฮวย มีส่วนช่วยขจัดสารมลพิษได้มากกว่าร้อยละ 90 เมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง
หมากเหลือง เป็นไม้ประดับภายในอาคารที่นิยมเป็นอย่าง มาก มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคาร และคายความชื้นให้แก่อากาศภายในห้องได้มาก และยังมีประสิทธิภาพสูงในการช่วยดูดซับสารพิษจากอากาศได้ปริมาณมากเมื่อ เทียบกับไม้ประดับด้วยกัน เป็นไม้ประดับที่แนะนำให้ปลูกภายในอาคาร หรือ บ้านเรือน
สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้ประดับอีกอย่างที่สามารถปลุกได้ทั้งภายนอก และภายในอาคาร และยังเลี้ยงง่าย มีส่วนช่วยลดไซลีนโทลูอีน ที่เกิดจากไม้อัด เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ สีทาห้องในอัตราสูงได้ที่ เพราะหากสูดดมสารนี้ในระยะสั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตาผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ วิงเวียน หน้ามืด


ที่มา : สำนักข่าวไทยพีบีเอส


PG&P
น้ำมันรำข้าว  สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks