มีคำแนะนำเบื้องต้นจากนางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ผู้ปกครองเตรียมพร้อมป้องกันเรื่องดังกล่าวแก่ลูกๆว่า อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่าสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้นการคุยเรื่องเพศกับลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก สามารถเริ่มได้ตั้งแต่เล็กๆ เพราะเป็นเรื่องของความรู้ไม่ใช่ความเชื่อที่น่ารังเกียจพ่อแม่จึงต้องมี ทัศนคติที่ถูกต้องกับเรื่องนี้ก่อน
นอกจากนี้ยังพบว่าสภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้มีพื้นที่เสี่ยงค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านเกม โรงหนังที่มีจุดมุมอับมืด ดังนั้นเราควรมีการส่งเสริมพื้นที่ดีๆ ให้เกิดขึ้นด้วย
"สังคมต้องร่วมดูแลช่วยกันและกัน เช่น เวลาเห็นเด็กๆ ไปในสถานที่ที่มีพื้นที่เสี่ยง เมื่อเห็นแล้วต้องช่วยกันดูแลชักจูงกลับมา ลูกเรา ลูกเขา ลูกใคร ก็อยากให้ช่วยกันดูแล พยายามชักชวนกันไปในสถานที่ดีๆ และพยายามให้มีพื้นที่สีขาวมากขึ้น อย่าให้มีพื้นที่สีดำหรือสีเทา ขณะที่ตัวโรงหนังเองก็ควรไม่จัดพื้นที่ให้เป็นมุมอับลึกลับเกินไป และสิ่งสำคัญคือการให้ความรู้แก่เด็กๆ" ฐาณิชชากล่าว
ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวยังยืนยันว่า แม้ในสังคมยุคใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่พ่อแม่คือผู้ที่จะเลี้ยงดูลูกได้ดีที่สุด
"ผู้ปกครองยุคใหม่จะรู้สึกกังวลว่าจะเลี้ยงลูกได้หรือไม่ จริงๆ แล้วไม่มีใครเลี้ยงลูกได้ดีที่สุดเท่ากับตัวเราเอง พอเรามีลูกแล้วมักจะหวังพึ่งนักวิชาการ นักวิชาชีพ จริงๆ แล้วต้องมั่นใจก่อนว่าเราสามารถเป็นพ่อแม่ที่ดีและดูแลลูกได้ หาความรู้โดยเลี้ยงลูกอย่างมีความรู้ อยู่ในหลักของการเลี้ยงที่เหมาะสม เลี้ยงดูตามพัฒนาการตามวัย ต้องแสดงบทบาทที่ถูกต้อง เป็นแบบอย่างที่ถูกต้องเหมาะสม และปรับความเชื่อที่ว่าลูกอยู่บ้านดีกว่าลูกออกไปแล้วเป็นอันตราย เพราะในจุดนี้ต้องเข้าใจว่าความอันตรายนั้นเดี๋ยวนี้ก็มาถึงบ้านแล้ว เช่น จากสื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราเองต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูก" นางฐาณิชชากล่าว และว่า
ขณะเดียวกันก็ควรหาแหล่งที่ปรึกษา อย่าเก็บปัญหาไว้เพียงลำพังจนสายเกินไป โดยในส่วนมูลนิธิฯ เองนั้นก็มีกิจกรรมสำหรับครอบครัว มีพื้นที่ให้ครอบครัวได้มีโอกาสเรียนรู้ และยังมีคอร์สเรียนรู้ของเด็ก 0-6 ปีด้วย
ด้าน ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดังได้สะท้อนปัญหาดังกล่าวว่า การดำเนินชีวิตของเด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบันเป็นไปในลักษณะ 5 ประการคือ 1.การขาดวิ่น ขาดวินัยในชีวิต 2.การมีเอกลักษณ์สับสน ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร ไม่มีเป้าหมายในชีวิต 3.มีอาการเอาแต่ใจ ชอบความสบาย มีค่านิยมต้องการเงินมากๆ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ 4.การมีอารมณ์ร่วมกับมนุษยสัมพันธ์ ในรูปแบบที่ไม่มีทัศนะชีวิตและทัศนะสังคม ไม่รู้อะไรควร อะไรไม่ควร และทำไปแล้วจะมีผลอย่างไรกับคนรอบข้างบ้าง และ 5.การมีอาการทางเพศที่ขาดการยั้งคิดถึงสังคมรอบ ข้าง
ดร.วัลลภบอกต่อว่า การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของเด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบันนั้น ปัญหานี้ด้านหนึ่งเกิดจากการคลั่งลัทธิเสรีภาพ การแพร่ระบาดหนักของสื่อลามกในช่องทางต่างๆที่เป็นตัวกระตุ้นและทำให้เกิด ความเชื่อในค่านิยมผิดๆในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ จนอาจนำไปสู่สภาวะการเสพติดเซ็กซ์ แสดงออกถึงความหมกมุ่นเรื่องเพศและคิดว่าเป็นความสุขที่แท้จริงในชีวิต เป็นความเชื่อที่ผิดซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องและครอบครัวต้องคอยดูแล และสั่งสอนเยาวชนให้เข้าใจเรื่องเพศตั้งแต่เล็กเพื่อเสริมความรู้และป้องกัน ปัจจัยเสี่ยง.
ป้องกันเซ็กซ์ก่อนวัยอันควร
จากเว็บไซต์ของ สสส. http://www.thaihealth.or.th นำเสนอกลวิธีการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควรให้น้องๆ เยาวชนได้รับรู้ไว้เป็นเกราะป้องกันตนเพื่อชีวิตที่ดีกว่าได้
เริ่มต้นจากการเรียนรู้ถึงความคิดที่แตกต่างกันของหญิงและชายในเรื่องเพศ เช่น ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีความรัก ขณะที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์เพราะความรัก ดังนั้นความตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิงจะเป็นการป้องกันการมีเพศ สัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดได้
วัยรุ่นชายควรคิดเสมอว่าวัยรุ่นหญิงเป็นเพศเดียวกับแม่ พี่น้อง ควรช่วยเหลือและให้เกียรติ ควรหลีกเลี่ยงการไปพักค้างคืนร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือตามลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล เช่น สถานที่เปลี่ยว โรงแรม และสถานเริงรมย์ทุกรูปแบบ และไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดได้ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดทุกชนิด
นอกจากนี้ ผู้หญิงควรแต่งกายเรียบร้อยและมิดชิด ไม่ควรแต่งกายในลักษณะที่ยั่วยุให้ผู้พบเห็นเกิดอารมณ์ทางเพศ เช่น เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเกาะอก กระโปรงสั้น และกางเกงรัดรูปเกินไป ขณะที่ฝ่ายชาย หากมีอารมณ์ทางเพศก็อาจต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในสถานการณ์ที่เหมาะสมใน ที่ลับ และอย่าพร่ำเพรื่อจนเกินไปถือเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น