น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

โค คิว เทน www.pgpthai.com

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โค คิว เทน ขนาดบรรจุ 30 แคปซูล (200PV)

Coenzyme Q10 เป็นสารที่พบในร่างกายตามธรรมชาติร่างกายต้องใช้โคเอ็นไซม์ คิวเท็นในการเจริญเติบโตของเซลล์ รวมถึงปกป้องเซลล์จาการถูกทำลายอันเป็นสาเหตุนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆใน มนุษย์



โค คิว เทน
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ( Coenzyme Q10 )
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ( Coenzyme Q10 ) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า Co Q10 ( โค คิวเท็น ) เป็นสารที่พบในร่างกายตามธรรมชาติ ร่างกายต้องใช้โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ในการเจริญเติบโตของเซลล์รวมถึงปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุนำไปสู่การเกิดโรคต่าง ๆ ในมนุษย์
ทำไมต้องทาน Co Q10 เสริม ? เพราะ... เนื่องจากปริมาณของ Co Q10 ที่มีในร่างกาย จะลดลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น การรับประทาน Co Q10 จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการเสริมสุขภาพ
บทบาทหน้าที่ของ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ( Coenzyme Q10 )
- มีบทบาทสำคัญในการทำลายสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจึงช่วยป้องกันเรื่องหลอดเลือดหัวใจอันเกิดจากการที่แอลดีแอล โคเลสเตอรอล ( LDL Cholesterol ) ถูกออกซิไดซ์ ( Oxidized ) ด้วยอนุมูลอิสระและสะสมในผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดการอักเสบและผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้นกลายเป็นพล๊าค ( Plaque ) หรือตะกอนในผนังเส้นเลือด เกาะที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลทำให้หลอดเลือดแข็งไม่ยืดหยุ่นและตีบตัน นำมาซึ่งปัญหาเรื่องโรคหัวใจได้
- ช่วยลดระยะเวลาที่ปวดต่อครั้งรวมถึงลดความถี่ในการปวดไมเกรน ( Migraine ) ทั้งนี้มีงานวิจัยที่แสดงว่าการให้กลุ่มที่เข้ารับการทดลอง 31 คนได้รับโคเอ็นไซม์ คิวเท็น ปริมาณ 150 มิลลิกรัมต่อวันพบว่า 19 คนจาก 31 คนมีระยะเวลาที่ปวดไมเกรนในแต่ละครั้งลดลงมากกว่า 50% กล่าวคือระยะเวลาที่ปวดเฉลี่ย 7.34 วันต่อเดือน ลดลงเหลือเฉลี่ย 2.95 วันต่อเดือน หลังจากได้รับโคเอ็นไซม์ คิวเท็น เป็นระยะเวลา 3 เดือนและช่วยลดความถี่ในการปวดจากเดิมที่ความถี่ 4.85 เหลือ 2.81 โดยไม่มีผลข้างเคียง
- โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างพลังงานของร่างกายโดยจะช่วยในการเปลี่ยน อาหารที่เรารับประทานเข้าไปเป็นพลังงานในไมโตรคอนเดรียที่อยู่ในเซลล์ ร่างกาย ถือว่ามีบทบาทสำคัญในไมโตรคอนเดรียอันเป็นแหล่งผลิตพลังงานของเซลล์ ( Key Role in Mitochondrial Bioenergetics ) จึงพบโคเอ็นไซม์ คิวเท็น ได้มากในอวัยวะที่ใช้พลังงานในการทำงานมาก เช่น หัวใจ ปอดและตับ
- อาจจะมีประโยชน์ในผู้ป่วย ทาลัสซีเมียรุนแรง ชนิดเบต้า ทาลัสซีเมีย อี ซึ่งจะมีระดับ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ในเลือดต่ำลง การให้โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ทำให้ลดภาวะออกซิเดชั่นภายในเซลล์และอาจทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
- อาจจะมีประโยชน์ในโรคทางสมอง ได้แก่ โรคสมองเสื่อมในผู้มีอายุ โรคความจำเสื่อม และโรคพาร์กินสัน โรคหอบหืด โรคไตเสื่อมเรื้อรัง แม้ว่าการวิจัยสำหรับโรคพาร์กินสัน โรคหอบหืด และโรคไตพบว่า ยังไม่ได้ผลในการรักษา แต่โรคเหล่านี้มีกลไกจากความเสื่อมของเซลล์ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมีบทบาท และพบว่าระดับโคเอ็นไซม์ คิวเท็น ในเลือดต่ำลงในโรคเหล่านี้ด้วยอีกทั้งมีความปลอดภัยและมีประโยชน์
มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของCo Q10ต่อการลดริ้วรอยมากมายว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง เช่น การศึกษาของ Gerson Unna พบว่าภายหลังที่กลุ่มทดลองได้รับ Co Q10 ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ริ้วรอยลดลงกว่า 27% และเมื่อได้รับ Co Q10 ต่อไปเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ ริ้วรอยลดลงมากกว่า 47%
กล่าวโดยสรุป Co Q10 มีบทบาทสำคัญมากมาย รวมถึงประโยชน์ต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
  • ผิวพรรณ ลดเลือนและป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น
  • ผู้สูงอายุทั่วไป
  • โรคหัวใจ
  • ความดันโลหิตสูง
  • เบาหวาน
  • ปวดศรีษะไมเกรน
  • อาการอ่อนเพลียวทั่ว ๆ ไป
  • หอบหืด อาการและโรคดังกล่าว จะได้ผลดีอย่างมากเมื่อทาน Co Q10 ร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่แพทย์สั่ง
  • สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคติดเชื้อ
ส่วนประกอบ
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น               30 มก.
 เลซิติน                                150 มก.
วิธีรับประทาน
รับประทาน วันละ 1-2 แคปซูล หลังอาหารเช้า
ปริมาณ 30 แคปซูล ราคา 750 บาท

TAG

เอช พลัส www.pgpthai.com

 เอช พลัส (30 แคปซูล, PV 400 คะแนน)



เอช พลัส
ส่วนประกอบสำคัญ
แอล-คาร์นิทีน
                เป็นกรดอะมิโนธรรมชาติ ทำหน้าที่นำพากรดไขมันในกระแสเลือดไปเผาผลาญในเซลล์ให้เกิดเป็นพลังงานที่ กล้ามเนื้อ เป็นกรดอะมิโน (หน่วยที่เล็กที่สุดของโปรตีน) ชนิดหนึ่ง ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ปกติแล้วร่างกายจะได้รับ แอล-คาร์นิทีนจากการบริโภคเนื้อสัตว์และสามารถผลิตขึ้นได้เองในตับและไต หน้าที่ของแอล-คาร์นิทีนในร่างกายคือการนำเอากรดไขมันเข้าสู่เซลล์เพื่อเผา ผลาญไขมัน นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและทำให้การทำงานของตับและไตดีขึ้น
โครเมียม อะมิโน แอซิต คีเลต
                เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน และฮิวแมนโก๊รธฮอร์โมน ในร่างกายให้ทำงานดียิ่งขึ้น ฮอร์โมนอินซูลินมีหน้าที่ ในการเปลี่ยนอาหารทุกชนิดโดยเฉพาะแป้งและน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ลดการสะสมของไขมันฮิวแมนโก๊รธฮอร์โมนมีหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สลายไขมันเก่าใหม่ และสร้างกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย ทำหน้าที่เร่งและเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญน้ำตาลในกระแสเลือด ให้เปลี่ยนเป็นพลังงานและสะสมเป็นพลังงานสำรอง (ไกลโคเจน) เพื่อนำมาใช้ใหม่
เคลป์
                ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ร่างกายมีการเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันให้กลายพลังงานในรูปไกลโคเจนได้ มากกว่าปกติ 20 % จึงส่งผลให้มีพลังงานอย่างรวดเร็วช่วยให้สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้ มากกว่าเดิมโดยไม่อ่อนเพลีย


โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
                เป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนธรรมชาติ ทำหน้าที่นำพากรดไขมันในกระแสเลือดไปเผาผลาญในเซลล์ให้เกิดเป็นพลังงานที่ กล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดี
คอปเปอร์ อะมิโน แอซิค คีแลต
                ช่วยปรับสมดุลต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบการเผาผลาญ การหายใจ สร้างภูมิคุ้มกัน และมีผลวิจัยสนับสนุนในเรื่องของการช่วยลดความเครียดอีกด้วย
สังกะสี อะมิโน แอ ซิค คีเลต
                ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายทนต่อมลภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น ป้องกันการระคายเคือง และเพิ่มความแข็งแรงของผิวที่แพ้ง่าย
ซีเลียม อะมิโน แอซิค คอมเพล็กซ์
                เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูบำรุงและพิทักษ์ผิว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ผิดปกติ หรือเสื่อมสภาพให้กลับเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพดีขึ้น ช่วยให้รอยหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยเหี่ยวย่นจางลง รักษาสมดุลให้ระบบการทำงานของผิวเป็นไปอย่างปกติ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น สดใส เปล่งปลั่งไร้ริ้วรอย รวมไปถึงสุขภาพผมและเล็บที่แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ทำให้สามารถต่อสู้มลภาวะแสงแดดและการแพ้ได้มากขึ้น
แมงกานีส อะมิโน แอซิต คีเลต
                เพิ่มอัตราการเผาผลาญ ไขมันให้กลายเป็นพลังงานมากขึ้น และกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานอย่างรวดเร็ว กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวสดชื่นและพร้อมที่จะรับสารอาหารได้เต็มที่
สารสกัดจากชาเขียว “เร่งการสลายของไขมันเก่า”
                มีฤทธิ์ในการกระตุ้นอัตราการเผาผลาญของร่างกาย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการควบคุมเอนไซม์อะไมเลสที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งและน้ำตาลให้ทำงานช้าลงและ สม่ำเสมอขึ้น ช่วยไม่ให้หิวบ่อยจนเกินไป ทำให้ลดความอยากอาหารลงได้ สารออกฤทธิ์ในชาเขียวมีชื่อว่า EGCG ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญแล้ว ยังมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็ง ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน และลดคอเลสเตอรอลในหนูทดลอง ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน พบว่า มีสารแคดทีซีนที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย การย่อย การดูดซึมให้ดียิ่งขึ้น
สารสกัดจากพริก “เพิ่มการเผาผลาญยับยั้งการเกิดไขมันใหม่”
                ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน เดิมการกินพริกถูกมองว่า ทำให้ระคายเคืองต่อระบบย่อย แต่ในช่วง 25 ปี ที่ผ่านมานี้ นักวิจัยกลับพบว่าในพริกมีสาร “แคปไซซีน” ซึ่งให้ผลต่อสุขภาพเกินคาด ช่วยลดความเจ็บปวดช่วยในระบบการย่อย เกิดการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันของร่างกาย และยังกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดียิ่งขึ้น
สารสกัด HCA ในผลส้มแขก
                มีประโยชน์ในการช่วยควบคุมความหิว ความอยากอาหารและไม่ออกฤทธิ์กดศูนย์ควบคุมความอยากอาหารในสมอง เหมือนกับยาลดน้ำหนักสมัยใหม่ จึงไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น หงุดหงิด คลื่นไส้อาเจียน หรืออาการตื่นตัวผิดปกติ
                จากการวิจัยพบว่าสาร HCA หรือ Hydroxy-citrc acid มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย ลดความอยากอาหารได้ เพราะเหตุนี้จึงได้มีคนนำสาร CHA ในผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
                โดยกลไก HCA จะออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb’s cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคสของเซลล์ร่างกาย) ช่วยยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภทแป้ง, ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันสะสม แต่จะเปลี่ยนเป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย เมื่อกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะนำไปสะสม ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลง จึงมีผลทำให้รูปร่างดีขึ้น
วิธีการรับประทาน :
 ครั้งละ 1-2 แคปซูล หลังอาหาร กลางวัน
ปริมาณ 30 แคปซูล ราคา 1,200 บาท

TAG

ครื่องดื่มธัญพืชชนิดผง โบทานีก้า ข้าวเหนียวก่ำงอก ข้าวกล้องงอก www.pgpthai.com

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


เครื่องดื่มธัญพืชชนิดผง โบทานีก้า ข้าวเหนียวก่ำงอก ข้าวกล้องงอก



โบทานิก้า PG&P ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai pgp thai ไทย พีจีแอนด์พีไทย pgpthai  พีจีพี เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์
ผลิตภัณฑ์

PG&P พีจีแอนด์พี เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์

ส่วนประกอบที่สำคัญ

ข้าวกล้องงอกผง 25%
ข้าวโพดผง 25%
ถั่วเหลือง 20%
ข้าวเหนียวก่ำงอก 15%
ข้าวสาลีผง 15%

http://www.pgpthai.com

คุณประโยชน์ ของข้าวกล้องงอก โบทานิก้า Botanica
1. ช่วยทำให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเจริญเติบโตให้กับร่างกาย ระบบประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการนอนไม่หลับ ช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉงและแข็งแรง ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์แบคทีเรียบางชนิดได้ กล้ามเนื้อหดตัวดีขึ้น หลอดเลือดขยายตัวดีขึ้น ช่วยปรับสภาพสมดุลของไนโตรเจนในเลือด
2. สร้างสาร Serotonin Mefatonin "Serotonin" จะช่วยให้ประสาทสงบ นอนหลับสนิทขึ้น ระงับอาการปวดไมเกรน ลดอาการปวดท้องประจำเดือน ทำให้ลำไส้บีบตัวดี รักษาอาการซึมเศร้านอนไม่หลับ ช่วยสร้างเม็ดโลหิตแดง
3. ช่วยฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตป้องกันและรักษาโรคเริม สร้างเอนไซม์เป็นภูมิต้านทานทำลายเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ สามารถแก้ปัญหาอาการโลหิตจาง และร่างกายอ่อนเพลีย
4. เป็นแอนติออกซิแดนซ์สลายอนุมูลอิสระ ( Free Radical ) รักษาโรครูมาตอยด์ ทำให้คนชรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า และดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย
5. ลดอาการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อทุกชนิด โรคภูมิแพ้ ลดอาการเครียด เพิ่มสมรรถนะทางเพศ ทำให้ระบบประสาทการได้ยินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเจริญเติบโตให้กับร่างกาย โดยเฉพาะในเด็กต้องได้รับในปริมาณที่มาก ๆ
6. ช่วยสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยทำให้ระบบกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ช่วยในการสร้างฮอร์โมนเพศ ช่วยยับยั้งมะเร็งในเต้านม ช่วยป้องกันการสร้างไขมันในเลือด ช่วยให้เอนไซม์ในระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ส่งเสริมการดูดซึมอาหาร
7. ช่วยซับแอมโมเนียออกจากร่างกาย ทำหน้าที่ลำเลียงโปตัสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สลายไนโตรเจนเปลี่ยนเป็นพลังงานแก่ร่างกาย
8. ฟื้นฟูสภาพของสมองและระบบประสาท ช่วยสร้างพลังงานทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้แผลหายเร็วขึ้น เซลล์มีความยืดหยุ่น ทำให้แผลในกระเพาะหายเร็วขึ้นช่วยให้สมองมีไอคิวสูงขึ้น
9. สร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ช่วยในการเผาผลาญอาหาร และการทำงานของสมอง ช่วยให้เซลล์แก่ช้า และควบคุมศูนย์กลางของความหิวในไฮโปธารามัสส่วนใต้สมอง
10. เมตาโบลิซึมโบทานีก้า เป็นตัวควบคุมก๊าซออกซิเจนภายในเซลล์เป็นวัตถุดิบในการผลิตภูมิต้านทานใช้บรรเทาอาการโรคภูมิแพ้
11. ช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลในเส้นโลหิต ช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือดช่วยให้สามารถลดความดันโลหิต ช่วยสร้างไขมันหุ้มเซลล์เส้นใยประสาท
12. ทำให้อารมณ์ดีเป็นปกติ ความทรงจำและประสาทดีขึ้น ความรู้สึกทางเพศดีขึ้น ลดอาการปวดตามข้อ ปวดหลัง ปวดบาดแผลจากการผ่าตัด ช่วยในการทำงานของต่อมไทรอยด์ เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่น
วิธีการรับประทาน
เครื่องดื่มธัญพืชชนิดผง โบทานีก้า 1 - 2 ช้อนชาชงกับน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ( 150 มล. ) คนให้ละลาย ดื่มวันละ 3 - 4 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า, กลางวัน, เย็น และหรือก่อนนอน ควรดื่มในขณะร้อน

ไฟโต โปร Phyto Pro www.pgpthai.com

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


ไฟโต โปร Phyto Pro


ผลิตภัณฑ์

PG&P พีจีแอนด์พี เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์

ส่วนประกอบที่สำคัญ

-ถั่วแดง 150.60 mg
-ถั่วดำ 150.60 mg
-ถั่วขาว 50.20 mg
-ถั่วเขียว 150.60 mg
-
-


http://www.pgpthai.com
คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ไฟโต โปร Phyto Pro
บอกลาคำสบประมาท ที่เคยเจอ ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สัมผัสประสบการณ์ใหม่ล่าสุดกับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมจากธรรมชาติที่จะช่วยเสริมสร้างและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง กระชุ่มกระชวย ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพ คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี...อีกครั้ง

เพิ่มความแข็งแกร่งต่อร่างกาย ด้วยโปรตีนนวัตกรรมใหม่
ตามหนังสือ MEDICAL PHYSIOLOGY (สรีระวิทยาทางการแพทย์) ของศาสตราจารย์กายตั้น ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี ปี 2005 มีข้อความที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “โปรตีนเป็นส่วนประกอบ 75% ของร่างกายมนุษย์ เมื่อไม่รวมน้ำ” ถ้าคุณเข้าใจแค่ตรงนี้ การเอาโปรตีนดีๆ เข้าสู่ร่างกายในขนาดที่เหมาะสมในแต่ละวัน โปรตีนดีๆเหล่านั้นจะเป็นวัตถุดิบดีๆ ที่จะไปสร้างร่างกายดีๆ ให้กับเรา ร่างกายที่แข็งแรงทนทาน ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ นอกจากโปรตีนที่ดีจะเป็นโครงสร้างหลักของร่างกายที่ให้ความแข็งแรงทนทานแล้ว โปรตีนที่ดียังช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายในอวัยวะต่างๆด้วย เช่น เป็นสารที่ควบคุมการทำงานของสมอง (Neurotransmitter) เป็นเอนไซม์ที่ควบคุมการทำงานในเซลล์ทุกชนิดของร่างกายเรา จะเห็นได้ว่า โปรตีนมีความสำคัญสูงมากต่อการมีชีวิตของเรา จาก คอลัมน์ ปั้นชีวิตด้วยชีวจิต ของดร.สาทิส อินทรกำแหง ระบุไว้ว่า โปรตีนต้องแตกตัวออกเป็นกรด “อะมิโน (AMINO ACIDS)”
กรดอะมิโนแต่ละตัวเหมือนมีขามีแขนวิเศษเพิ่มขึ้นอีกข้างหนึ่งแขนวิเศษข้างนี้ชอบไปจับมือร่วมกับสารอื่นๆ และดึงเอาสารอาหารต่างๆ เข้ามาเป็นพวกเดียวกัน อะมิโนจึงเกิดขึ้นใหม่ๆ ได้อีกมากมาย และบัดนี้ก็มีอะมิโนใหม่ๆ นับได้หลายพันตัว แต่ร่างกายของเรานั้น ต้องการอะมิโนจริงๆ เพียง 23 ตัวเท่านั้น ในจำนวนอะมิโน 23 ตัวนี้ แบ่งออกเป็นกรดอะมิโนชนิดที่เรียกว่า “ESSENTIAL AMINO ACIDS” ถึง 9 ตัว คำว่า “ESSENTIAL AMINO ACIDS” จึงหมายความว่า กรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการและมีความสำคัญซึ่งจะขาดไม่ได้ แต่ตัวกรดอะมิโน 9 ตัวนี้ ร่างกายจะขาดไม่ได้ ถ้าขาดตัวใด ตัวหนึ่งก็จะทำให้คุณป่วย และป่วยอย่างเรื้อรังเสียด้วย ทำให้คุณเสียคนเหมือนคนพิการได้
1. ฮิสติดีน (HISTIDINE) เป็นตัวสำคัญตัวหนึ่ง มีหน้าที่ในการสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ร่างกายจะเริ่มทำงานตั้งแต่เกิดมา ถ้าไม่มีกรดอะมิโนตัวนี้ เด็กก็จะเจริญเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้
2. ไอโซลูซีน (ISOLEUCINE) เป็นตัวสำคัญในการสร้างเลือดแดง HEMOGLOBIN และเป็นตัวควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์พอดี
3. ลูซีน (LEUCINE) ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและช่วยซ่อมแซมการบกพร่องของกระดูกผิวหนังและกล้ามเนื้อ
4. ไลซีน (LYSINE) ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยสร้างความสมดุลของสารอาหารสำคัญ คือ ไนโตรเจน สร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ฮอร์โมน เอนไซม์ และช่วยสร้างคอลาเจน (กล้ามเนื้อ-เส้นเอ็น-กระดูกอ่อน)
5. เมทิโอนีน (METHIONINE) ช่วยบำรุงตับและป้องกันไขมันในเส้นเลือด ช่วยละลายลิ่มเลือด

6. เพนนิลอะลานิน (PHENYLALANINE) ควรจะเรียกว่าเป็นกรดอะมิโนใจกว้างก็ว่าได้ เพราะกรดตัวนี้สามารถจะช่วยจับมือกับอะมิโนตัวอื่นและสร้างกลุ่มอะมิโนสำหรับพวกเดียวกัน ซึ่งเป็นตัวสร้างและบำรุงเซลล์ประสาท ดังนั้น เท่ากับบำรุงสมองและช่วยให้ความจำดีขึ้น
7. เทรโอนีน (THREONINE) ช่วยเติมและเสริมให้เกิดความสมดุลของกรดอะมิโนตัวอื่นๆ ทั้งยังเป็นตัวช่วยสร้างคอลลาเจน ช่วยการทำงานของตับ ช่วยสลายไขมันประเภทเลว ให้ออกไปจากร่างกาย ช่วยสร้างภูมิต้านทาน ANTIBODY ให้กับร่างกายด้วย
8. ทริพโตแฟน (TRYPTOPHAN) เป็นตัวสำคัญซึ่งช่วยสร้างวิตามิน B3 ช่วยสร้างฮอร์โมน SEROTONIN และช่วยแก้โรคนอนไม่หลับช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย
9. แวลีน (VALINE) เป็นตัวช่วยสร้างความเจริญเติบโตและช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยซ่อมแซมรักษาความผิดปกติของอวัยวะภายนอกและภายใน

เมื่อเราอายุย่างเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ความแข็งแรงทนทานเริ่มลดลง ความสามารถในเรื่องสำคัญบางเรื่องก็เริ่มลดลง หรือ บางคนอาจจะหายไปเลยก็เป็นได้ สำหรับท่านที่มีปัญหาดังกล่าว ไม่ต้องกังวลจนเกินกว่าเหตุ ยังมีทางแก้ไข ในเมื่อความสำคัญของการเป็นโปรตีนขึ้นอยู่กับกรดอะมิโนเช่นนี้ เราจึงพูดได้ว่า กรดอะมิโนนั้นที่ทำให้โปรตีนมีความหมายและทำให้โปรตีนของสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตาม จะมีคุณภาพดีหรือเลวขึ้นอยู่กับกรดอะมิโนนี้เอง

ตามที่เราทราบแล้วว่า โปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกายเรา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่ากรดอะมิโนที่เรียกว่า AREGININE อาร์จีนีน สามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ AREGININE คือ กรดอะมิโนตัวสำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งจะสร้างความสมบูรณ์ทางร่างกายให้สร้างฮอร์โมนเพศขึ้นมาและ ฮอร์โมนเพศมีคุณภาพในการสร้างอารมณ์สุนทรีย์แก่จิตใจและร่างกาย ขอพูดถึงความวิเศษของกรดอะมิโนตัวนี้ว่า “อาร์จีนีน” แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ได้ทั้งกายและใจ อาร์จีนีนเป็นกรดอะมิโนตัวหนึ่งใน 23 ตัว ซึ่งร่างกายต้องการ กรดอะมิโนเป็นโปรตีนก็เป็นสารอาหารซึ่งสร้างพลังให้แก่เรา เราจึงใช้อาหารเป็นตัวสร้างกรดอะมิโน อาร์จีนีน ให้แก่เราฉะนั้น ท่านสามารถทานอาหารเสริมที่มีอาร์จีนีนที่มีคุณภาพดี เพื่อเป็นการแก้ปัญหาแบบธรรมชาติบำบัด ปราศจากอันตรายนอกจากท่านจะได้ประโยชน์ในประสิทธิภาพบางประการแล้ว ท่านจะได้ประโยชน์ทางสุขภาพด้านอื่นๆ โดยรวมไปด้วย โดยท่านสามารถสังเกตเห็นได้ว่าหลังจากทานธัญพืชแคปซูลนี้ไปประมาณ 1 สัปดาห์ ท่านจะรู้สึกว่า ท่านแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม อ่อนเพลียลดลง ทำงานได้มากกว่าเดิม เนื่องจากธัญพืชแคปซูลนี้มีกรดอะมิโนอื่นๆที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ครบถ้วน ธัญพืชแคปซูลนี้สามารถทานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย...โดยไม่มีผลข้างเคียง

วิธีการรับประทาน
-ครั้งละ 2 เม็ด 3 เวลา หลังอาหาร
(รับประทานคู่กับโบทานีก้า (ข้าวก่ำ) หรือโบทานีก้า แคลเซียม)
ปริมาณ,คะแนน
ปริมาณ : 90 แคปซูล
คะแนน : 500 PV
TAG

ไบโอแมค แมกนีเซียม ( Bio Mag Magnesium ) www.pgpthai.com

ไบโอแมค แมกนีเซียม ( Bio Mag Magnesium )
ผลิตภัณฑ์
PG&P พีจีแอนด์พี เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์

ส่วนประกอบที่สำคัญ
- แมกนีเซียม อะมิโน เอซิต คิเลต   66.7%
- ไอรอน  อะมิโน เอซิต คิเลต         2.50%
- คอปเปอร์    อะมิโน เอซิต คิเลต  2.00%
- โฟเลต                                         0.01%

http://www.pgpthai.com
คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ไบโอแมค แมกนีเซียม ( Bio Mag Magnesium )แมกนีเซียม  เปรียบเสมือนคนงานที่ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพียงเพื่อจะสังเคราะห์โปรตีนให้ร่างกาย และเป็นโคเอนไซม์ที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งในร่างกายที่จะทำงานร่วมกับ แคลเซียม อันเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกาย แมกนีเซียม ยังช่วยให้การผลิตฮอร์โมนต่างๆ เป็นปกติ มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและเซลล์ต่างๆ มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

แมกนีเซียม ประโยชน์ที่นำมาใช้ทางด้านการแพทย์ก็คือ แมกนีเซียมมีส่วนสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายของมนุษย์มากกว่า 300 ชนิด จึงจัดเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อร่างกายของมนุษย์

1. มีส่วนควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อเช่นเดียวกับ แคลเซียม โดยจำเป้นสำหรับการส่งสัญญาณทางประสาท การหด และคลายตัวของกล้ามเนื้อ
2. ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการเผาผลาญอาหาร และการสังเคราะห์โปรตีน
3. ช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต้านทานความหนาวในอากาศเย็น ความต้องการแมกนีเซียมจะสูงขึ้น
4. จำเป็นสำหรับการเติบโตของกระดูกและฟัน
5. สำคัญในการนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ของวิตามิน บี ซี และ อี
6. จำเป็นสำหรับการเผาผลาญแคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม และโพแทสเซียม
7. อาจป้องกันโรคทางหลอดเลือดหัวใจ โดยจะไปลดความดันเลือดลง และป้องกันการเกาะของคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดแดง ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ
8. ช่วยในการควบคุมสมดุลของกรด-ด่างในร่างกาย
9. อาจทำหน้าที่เป็นตัวยาสงบประสาทตามธรรมาชาติ ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน และลดความถี่ในการเกิดได้ ลดอาการซึมเศร้า และช่วยให้นอนหลับ โดยเป็นตัวที่ช่วยในการสร้างสารเมลาโตนิน
10. ป้องกันไม่ให้ แคลเซียม จับตัวอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต
11. จำเป็นต่อการรวมตัวของ Parathyroid Hormone ซึ่งมีบทบาทในการดึงเอาแคลเซียมออกจากกระดูก
12. ป้องกันการแข็งตัวของเลือด
13. ลดอาการปวดเค้นหน้าอกในผู้ป่วยโรคหัวใจ
14. ป้องกันและใช้ร่วมกับการรักษาโรคหอบหืด
15. บรรเทาและป้องกันอาการปวดประจำเดือน โดยการคลายกล้ามเนื้อมดลูก
16. การรับประทาน แมกนีเซียม จะช่วยลดการเกิดตะคริวในหญิงมีครรภ์ที่มีระดับของ แมกนีเซียม ต่ำได้
17. ช่วยป้องกันการเกิดอาการ ไมเกรน คนที่มีปัญหาโรคไมเกรน มักจะมีปริมาณ แมกนีเซียม ในเลือดต่ำ
18. ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวกับสมองได้ เช่น ซึมเศร้า ไมเกรน เครียด เป็นต้น

ประโยชน์ที่นำมาใช้ทางการแพทย์
1. ช่วยลดอาการไมเกรน
2. ช่วยลดอาการตะคริวและการเกร็งกระตุกของกล้ามเนื้อ
3. ช่วยลดอาการปวดของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นต่าง ๆ
4. ช่วยลดการเต้นผิดปกติของหัวใจ
5. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
6. ช่วยลดอาการหอบหืด
7. ช่วยลดการปวดประจำเดือน
ผลของการรับประทาน แมกนีเซียม ไม่เพียงพอ
จากการทดลองกับสัตว์พบว่า ถ้าให้อาหารที่มี แมกนีเซียม ต่ำเป็นเวลานานจะทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาท กล้ามเนื้อ ไต หัวใจ และหลอดเลือด คนสูงอายุที่กินอาหารไม่มีแมกนีเซียมนาน 100 วันขึ้นไป มักแสดงอาการผิดปกติเกี่ยวกับการย่อยอาหาร และการทำงานของระบบประสาท อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบปัญหาการขาดแมกนีเซียมในคนปกติ ผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เด็กที่เป็นโรคขาดโปรตีน และคนไข้ที่อดอาหารเป็นเวลานานหลังการผ่าตัดอาจมีอาการขาด แมกนีเซียม ได้ คนพวกนี้มักมี แมกนีเซียม ในเลือดต่ำ และมีอาการชักคล้ายการขาด แคลเซียม (แคลเซียม ในเลือดมักต่ำด้วย)
การขาด แมกนีเซียม จะมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายต่ำลง ระบบกล้ามเนื้อและระบบการย่อยอาหารจะทำงานผิดปกติ ระบบประสาทจะถูกทำลาย และประสาทรับรู้อาการเจ็บปวดจะไวขึ้น กระดูกอ่อนจนร่างกายรับน้ำหนักไม่ไหว และร่ายกายจะสร้างโปรตีนทดแทนไม่ได้ตามปกติ นอกจากนี้การขาด แมกนีเซียม จะทำให้ร่างกายเก็บสะสมพลังงานไว้ไม่ได้ สังเคราะห์ฮอร์โมนเพศไม่ได้ เลือดแข็งตัวช้า
สาเหตุของการขาดแมกนีเซียม
ความเครียดทำให้ แมกนีเซียม ถูกใช้มากขึ้นหลายเท่า เนื้อและอาหารที่ผ่านกรรมวิธีปรุงแต่ง น้ำอัดลม ล้วนแต่มีส่วนผสมของฟอสฟอรัสมากซึ่งจะไปขัดขวางการดูดซึม แมกนีเซียม การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก การใช้ยาขับปัสสาวะก็มีส่วนทำให้ขาดแมกนีเซียมได้เช่นกัน รวมทั้งผู้ที่เป็นโรค เบาหวาน มีโอกาสขาด แมกนีเซียม ได้ง่าย
การดูดซึมจะถูกควบคุมด้วยพาราธัยรอยด์ ฮอร์โมน และจำนวนของ แคลเซียม และฟอสฟอรัสในอาหาร กรดไฟติกที่พบในข้าวอาจป้องกันการดูดซึมของ แมกนีเซียม อัลโดสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนหลั่งจากต่อมแอดรีนัลจะคอยควบคุมจำนวนของ แมกนีเซียม ที่ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ยาขับปัสสาวะและการดื่มเหล้าจะเพิ่มจำนวนของ แมกนีเซียม ที่สูญเสียไปทางปัสสาวะ การได้รับฟลูออไรด์หรือสังกะสีปริมาณมากๆ จะไปเพิ่มการขับถ่าย แมกนีเซียม ทางปัสสาวะให้มากขึ้นเช่นกัน
ผลการรับประทานแมกนีเซียมมากเกินไป
ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับโทษของการรับประทาน แมกนีเซียม มากไป มีผู้รายงานว่าอาหารที่มี แมกนีเซียม สูงอาจช่วยป้องกัน โรคหัวใจ และหลอดเลือดตีบได้
ในกรณีปกติหากได้รับ แมกนีเซียม มากเกินไป ไตจะทำการขับออกนอกร่างกาย แต่ในคนที่เป็นโรคไต แมกนีเซียม ที่มากเกินไปอาจไม่ถูกขับออกมาอย่างพอเพียง จึงทำให้เกิดอาการเป็นพิษ คือ ท้องร่วง และอัตราส่วนของ แคลเซียม-แมกนีเซียม ไม่สมดุล เป็นผลให้เกิดการซึมเศร้าเนื่องจากระบบประสาทกลาง
การรับประทานแมกนีเซียม
แนะนำให้รับประทาน แมกนีเซียม เป็นอาหารเสริมประมาณวันละ 300 มก. และควรรับประทาน แมกนีเซียม ที่ไม่มีผลทำให้เกิดอาการถ่ายเหลว เช่น แมกนีเซียม ออกไซด์ และ แมกนีเซียม ฟอสเฟต ซึ่งร่างกายจะได้รับธาตุฟอสฟอรัส ช่วยในการสร้างความหนาแน่นของกระดูก
ข้อควรระวังในการรับประทาน แมกนีเซียม คือ ควรควบคุมปริมาณของ แคลเซียม ควบคู่ไปด้วย โดยอัตราส่วนของ แคลเซียม ต่อ แมกนีเซียม ในอุดมคติ ได้แก่ 2 ต่อ 1 ถึง 3 ต่อ 1 ปริมาณ แคลเซียม ที่ได้รับต่อวัน ควรจะอยู่ประมาณ 600 มก. แมกนีเซียม 300 มก. แต่ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่ได้รับ แมกนีเซียม เพียง 150-300 มก. ในขณะที่ แคลเซียม มีผู้หันมาบริโภคมากขึ้นเพื่อป้องกันโรคกระดูก ในผู้สูงอายุนั้นควรใส่ใจกับปริมาณของ แมกนีเซียม ด้วยเช่นกัน ผู้ดื่มนมในปริมาณมาก ควรหันมาบริโภค แมกนีเซียม ให้มากขึ้น หากได้รับ แคลเซียม มากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดซึม แมกนีเซียม ในร่างกาย
แมกนีเซียมเหมาะสำหรับใคร
-ผู้มีความเครียดสูง
-ผู้ที่มือเท้าชาบ่อยๆ หรือเป็นตะคริวบ่อยๆ
-ผู้ที่เป็นโรคลมบ้าหมู (ควรปรึกษาแพทย์)
-ผู้ที่ทานนม อาหารปรุงแต่ง น้ำอัดลม เหล้า ในปริมาณมาก
-ผู้ป่วยที่ทานยาขับปัสสาวะ
-ผู้ที่ต้องการป้องกันตนเองจากความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ นิ่วในไต โรคกระดูก osteoporosis
-ผู้สูงอายุ เพื่อบำรุงร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเสริมสร้างกระดูก
วิธีการรับประทาน
-
ปริมาณ,คะแนน
ปริมาณ : 60 แคปซูล
คะแนน : 100 PV
TAG
ไบโอแมค แมกนีเซียม ,Bio Mag Magnesium, Magnesium

                              http://www.pgpthai.com/

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks