น้ำมันรำข้าว PG&P

น้ำมันรำข้าว PG&P
น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว oryzanol

โบทานีก้า PG&P

โบทานีก้า PG&P
โบทานีก้า สูตรข้าวเหนืยวก่ำงอก

เอช พลัส H Plus PG&P

เอช พลัส H Plus PG&P
เอช พลัส กรดอะมิโนธรรมชาติ

ไฟรโตโปร Phyto-Pro

ไฟรโตโปร Phyto-Pro
ไฟรโตโปร คืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษ

อย่างไรถึงเรียกว่า…โรคซึมเศร้า

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความซึมเศร้าเป็นเรื่องที่เกิด ขึ้นได้เป็นธรรมดากับทุกคน เมื่อชีวิตประสบพบกับความผิดหวัง ความล้มเหลว ความไม่ได้ดั่งใจ ต้องเจอในสิ่งที่ไม่อยากเจอ หรือพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็ทำให้เกิดอาการซึมเศร้าขึ้นได้..

อย่างไรถึงเรียกว่า…โรคซึมเศร้า

การแยกแยะว่า ความซึมเศร้านั้นเป็นเพียงแค่ภาวะอารมณ์ซึมเศร้า หรือความซึมเศร้านั้นได้กลายเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะส่งผลกระทบต่อชีวิตต่างกันมากมาย ดังเช่น

ภาวะอารมณ์ซึมเศร้า เป็นปฏิกิริยาทางใจ เมื่อมีเหตุไม่สมหวังมากระทบ ใจจะหวั่นไหว ผิดหวัง เจ็บปวด รู้สึกซึมเศร้า พอเหตุนั้นหมดไปหรือเริ่มปรับตัวได้ ใจก็เข้าสู่ภาวะอารมณ์ปกติ ความซึมเศร้าก็จะค่อย ๆ ลดลงไป ภาวะอารมณ์ซึมเศร้าแบบนี้มักอยู่ไม่นาน และไม่ได้เป็นต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับเหตุที่มากระทบ

ส่วนโรคซึมเศร้า เป็นโรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งคือ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีความผิดปกติที่มีอารมณ์ซึมเศร้านานต่อเนื่อง ติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผู้ที่ป่วยจะมีอาการเศร้าอย่างมากจนไม่มีความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยทำให้กลับมามีความสุขสดชื่นเหมือนเดิม เบื่อหน่ายไปในทุก ๆ สิ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรืออยากนอนทั้งวัน ไม่อยากทำอะไร รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง มองตัวเองไม่ดี และอาจมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย เป็นต้น

ดังนั้น การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่เป็นนั้นเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก หรือเป็นคนไม่สู้ปัญหา เอาแต่ท้อแท้ ซึมเซา แต่ที่เขาเป็นนั้นเป็นเพราะตัวโรค หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคก็จะทุเลาลง และจะกลับมาเป็นผู้ที่มีจิตใจแจ่มใส พร้อมทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้ดังเดิม ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก การเปลี่ยนแปลงโดยหลักจะเป็นในด้านอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรมร่วมกับอาการทางร่างกายต่าง ๆ

การเปลี่ยนแปลงในผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจแบ่งได้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นเดือน ๆ หรือเป็นเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มากระทบ มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด บุคลิกเดิมของเจ้าตัวเป็นอย่างไร มีการช่วยเหลือจากคนรอบข้างมากน้อยแค่ไหน และผู้ที่เป็นอาจไม่มีอาการ ตามดังกล่าวไปทั้งหมด แต่อย่างน้อยอาการหลัก ๆ จะมี คล้าย ๆ กัน เช่น รู้สึกเบื่อ เศร้า ท้อแท้ รู้สึกตนเองไร้ค่า นอนหลับไม่ดี

ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

1. อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ที่พบบ่อยคือจะกลายเป็นคนเศร้าสร้อย หดหู่ สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ดูเหมือนจะอ่อนไหวไปหมด บางคนอาจไม่มีอารมณ์เศร้าชัดเจน แต่จะบอกว่าจิตใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส ไม่สดชื่นเหมือนเดิม บางคนอาจมีความรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่เดิมตนเคยทำแล้วเพลินใจหรือสบายใจ เช่น ฟังเพลง พบปะเพื่อนฝูง เข้าวัด ก็ไม่อยากทำหรือทำแล้วก็ไม่ทำให้สบายใจขึ้น อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย อะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด กลายเป็นคนอารมณ์ร้าย ไม่ใจเย็นเหมือนก่อน บางคนกังวลง่ายขึ้น เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เก็บมาครุ่นคิดกังวลไปหมด

2. ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่จะรู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงหลายกิโลกรัมภายใน 1 เดือน หรือบางคนกลับกันกลายเป็นเจริญอาหารมากผิดปกติ นอกจากนี้ยังอาจมีอาการท้องผูก อืด แน่นท้องได้

3. การนอนเปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่มักนอนไม่หลับ หลับยากขึ้น หลับ ๆ ตื่น ๆ

4. มีอาการทางกายต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากทำอะไร เชื่องช้าหรือในบางรายอาจลุกลี้ลุกลน กระวนกระวายมากขึ้น บางรายมีปากคอแห้ง มีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัวมากขึ้น

5. ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป มองอะไรก็รู้สึกแย่ไปหมด มองชีวิตที่ผ่านมาในอดีตก็เห็นแต่ความผิดพลาดความล้มเหลวของตนเอง ชีวิตตอนนี้ก็รู้สึกว่าอะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด ไม่มีใครช่วยอะไรได้ ไม่เห็นทางออก กลายเป็นคนไม่มั่นใจในตนเอง รู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถ ไร้คุณค่า เป็นภาระแก่คนอื่น ทั้งที่ญาติหรือเพื่อนก็ยืนยันว่ายินดีช่วยเหลือเขาไม่เป็นภาระอะไรแต่ก็ยัง คงคิดเช่นนั้นอยู่

6. มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องฆ่าตัวตาย จากความรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า รู้สึกคับข้องใจ ทรมานจิตใจเหล่านี้อาจทำให้เจ้าตัวคิดถึงเรื่องการตายอยู่บ่อยครั้ง เมื่ออารมณ์เศร้าหรือความ รู้สึกหมดหวังมีมากขึ้น ก็จะเริ่มคิดเป็นเรื่องเป็นราวว่าจะทำอย่างไร ในช่วงนี้หากมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจก็อาจเกิดการทำร้ายตนเองขึ้น ได้จากอารมณ์ชั่ววูบ

7. สมาธิความจำแย่ลง หลงลืมง่าย โดยเฉพาะกับเรื่องใหม่ ๆ วางของไว้ที่ไหนก็นึกไม่ออก ญาติเพิ่งพูดด้วยเมื่อเช้าก็นึกไม่ออกว่าอะไร จิตใจเหม่อลอยบ่อย ทำอะไรไม่ได้นานเนื่องจากสมาธิไม่มี

8. ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเปลี่ยนไป ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะดูซึมลง ไม่ร่าเริง แจ่มใส เหมือนก่อน จะเก็บตัวมากขึ้น ไม่ค่อยพูดจากับใคร บางคนอาจกลายเป็นคนใจน้อย อ่อนไหวง่าย ซึ่งคนรอบข้างก็มักจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป บางคนอาจหงุดหงิดบ่อยกว่าเดิม

9. การงานแย่ลง ความรับผิดชอบต่อการงานก็ลดลง อาจทำงานแบบลวก ๆ เพียงให้ผ่าน ๆ ไป คนที่ทำงานสำนักงานก็จะทำงานที่ละเอียดไม่ได้เพราะสมาธิไม่มี ในช่วงแรก ๆ ผู้ที่เป็นอาจจะพอฝืนใจตัวเองให้ทำได้ แต่พอเป็นมาก ๆ ขึ้นก็จะหมดพลังที่จะต่อสู้ เริ่มลางานขาดงานบ่อย ๆ ซึ่งหากไม่มีผู้เข้าใจหรือให้การช่วยเหลือ ก็มักจะถูกให้ออกจากงาน

10. อาการโรคจิตจะพบในรายที่เป็นรุนแรง ซึ่งนอกจากผู้ที่เป็นจะมีอาการซึมเศร้ามากแล้ว จะยังพบว่ามีอาการของโรคจิตได้แก่ อาการหลงผิดหรือประสาทหลอนร่วมด้วย ที่พบบ่อยได้แก่ เชื่อว่ามีคนคอยกลั่นแกล้ง หรือประสงค์ร้ายต่อตนเอง อาจมีหูแว่วเสียงคนมาพูดคุยด้วย อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้มักจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับการรักษา อารมณ์เศร้าดีขึ้น อาการทางจิตก็จะทุเลา

ปัจจัยที่สำคัญของการเกิดโรคซึมเศร้าเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ กรรมพันธุ์ พบว่ากรรมพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องสูงในโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่มี อาการเป็นซ้ำหลาย ๆ ครั้ง, สารเคมีในสมอง พบว่า ระบบสารเคมีในสมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติอย่าง ชัดเจน โดยมีสารที่สำคัญได้แก่ ซีโรโทนิน และนอร์เอพิเนฟริน ลดต่ำลง รวมทั้งอาจมีความผิดปกติของเซลล์รับสื่อเคมีเหล่านี้ ปัจจุบันเชื่อว่าเป็นความบกพร่องในการควบคุมประสานงานร่วมกัน มากกว่าเป็นความผิดปกติที่ระบบใดระบบหนึ่ง

ยาแก้เศร้าที่ใช้กันนั้นก็ออกฤทธิ์ โดยการไปปรับสมดุลของระบบสารเคมีเหล่านี้, บาง คนมีแนวคิดที่ทำให้ตนเองซึมเศร้า เช่น มองตนเองในแง่ลบ มองอดีตเห็นแต่ความบกพร่องของตนเอง หรือมองโลกในแง่ร้าย บุคคลเหล่านี้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน เช่น ตกงาน หย่าร้าง ถูกทอดทิ้งก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการซึมเศร้าได้ง่าย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสม







ที่มา: เว็บไซต์ความรู้สุขภาพจิตและปัญหาสุขภาพจิต

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สาวๆ ระวังเวลาสวมถุงน่องและรองเท้า

ช่วงนี้ก็เป็นฤดูฝน ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นกับผิวหนัง โดยเฉพาะเรื่องเชื้อราที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง
พ.ญ.ศศิธร ธัญรัตนศรีสกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง โรงพยาบาลผิวหนังอโศก บอกว่า สาวๆ ส่วนใหญ่ที่ต้องแต่งตัวไปทำงาน และต้องใส่ถุงน่องทุกวัน สำหรับในช่วงหน้าฝนอาจจะต้องระวังสักนิดหนึ่ง เนื่องจากเวลาฝนตกอาจจะทำให้ถุงน่องเกิดความเปียกชื้นได้ ถุงน่องที่เปียกชื้นอาจจะส่งผลให้เกิดเชื้อรา และจะเป็นเชื้อราที่เกิดจากความอับชื้นตามบริเวณง่ามนิ้วเท้าได้
เมื่อไร ก็ตามที่ถุงน่องเปียกฝน ควรถอดถุงน่องออก และผึ่งให้แห้ง หรือว่าเปลี่ยนถุงน่องใหม่ โดยทำการซับขา และเท้าให้แห้งเสมอก่อนจะสวมใส่ถุงน่องใหม่ที่แห้งสะอาดเข้าไป อีกอย่างสำหรับรองเท้าที่สวมใส่มาคู่กับถุงน่อง ควรจะเปลี่ยนเป็นคู่ใหม่ในการสวมใส่
รองเท้าคู่เก่า
ให้นำไปผึ่งแดด หรือควรนำมาเป่าด้วยลมร้อน ไม่ก็ซักตากให้แห้งสนิทก่อนที่จะนำกลับมาสวมใส่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อราบริเวณง่ามนิ้วเท้า ถ้ายังปฏิบัติโดยการไม่เปลี่ยนถุงน่อง หรือรองเท้าใหม่ หลังจากเกิดความอับชื้น เปียกฝน เจ้าเชื้อราที่เป็นตัวอันตรายจะเข้ามาหาเท้าสวยๆ ของเราทันที
สังเกตได้ง่ายๆ การติดเชื้อราที่นิ้วเท้า จะมีอาการคัน หรือไม่ก็นิ้วเท้าจะเปื่อย อาจจะมีน้ำเหลืองซึมระหว่างง่ามนิ้วเท้า หรือถึงขั้นแผลเปื่อย ยุ่ยตามบริเวณนิ้วเท้าก็เป็นได้ อาการดังกล่าว เรียกว่า ฮ่องกงฟุต แนะนำว่าถ้ากรณีเกิดขึ้นจริงๆ ให้รีบพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง มิฉะนั้นอาจลามไปผิวหนังบริเวณอื่นๆ ทั่วทั้งเท้าได้
วิธีการดูแลเบื้องต้น
ควรจะซับเท้าให้แห้งทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือหลังเปียกน้ำ อาจจะโรยแป้งฝุ่น เพื่อให้นิ้วเท้าแห้งอยู่ตลอดเวลา และแป้งที่เลือกใช้ควรเป็นแป้งที่ปราศจากน้ำหอม
ข้อแนะนำ
เพิ่มเติมสำหรับสาวๆ ที่ทำงานช่วงนี้ ก็หลีกเลี่ยงการใช้ถุงน่องช่วงหน้าฝนไปก่อน ส่วนรองเท้าที่เลือกใส่ในช่วงนี้ ควรเป็นรองเท้าที่เป็นเนื้อพลาสติก PVC หรือเป็นรองเท้าสาน รองเท้าที่เปิด เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น หรือสาวๆ ที่ทำงานช่วงนี้อาจจะต้องหารองเท้าสำรองไว้ที่ทำงานอีกสักครู่ก็จะเป็นการดี เพื่อสุขภาพผิวพรรณที่ดีของขาและเท้าของเรา



ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

สสส.จับมือพฤกษาจัดบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชินี

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555



สสส.จับมือพฤกษาและสภากาชาดไทย จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชินี มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมบริจาคจำนวนมาก



เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2555 ณ ลานกิจกรรมบริเวณชั้น 35 อาคาร SM Tower (สนามเป้า) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด และสภากาชาดไทย จัดกิจกรรมโครงการ “รวมพลัง ทำความดี บริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชินี” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมบริจาคโลหิตเป็นจำนวนมาก

ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. บอก ถึงความสำคัญของการบริจาคโลหิตว่า การบริจาคโลหิตเป็นการสร้างกุศลอีกทางหนึ่งที่ไม่เสียอะไรเลย เลือดที่บริจาคไปสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ตลอด สำหรับตนเคยป่วยต้องรับการผ่าตัดและเสียเลือดมาก ก็ได้รับเลือดที่ผู้อื่นบริจาคเหมือนกัน จึงรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้บริจาคเพราะเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วย ชีวิตเพื่อนมนุษย์ นอกจากความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว การบริจาคเลือดยังทำให้เราดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้มีเลือดที่ดีบริจาคให้ผู้ที่ต้องการเลือดต่อไปอีกด้วย

ด้านนางสาวพัทธ์ธีรา นาคะสิริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด กล่าว ว่า เริ่มบริจาคเลือดครั้งแรกจากการชักชวนของเพื่อนร่วมงาน โดยส่วนตัวอยากบริจาคมานานแล้ว แต่น้ำหนักตัวไม่ถึงเกณฑ์ จึงบริจาคไม่ได้ พอมีโอกาสเหมาะสมจึงบริจาคมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับตนคิดว่า การบริจาคเลือดเป็นการสร้างความสุขให้กับชีวิตอีกทางหนึ่ง เพราะได้ช่วยชีวิตคน และส่งถึงผู้ที่ต้องการได้โดยตรง แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ต้องลงทุน ลงแรงอะไรมากนัก ผลตอบแทนที่ได้กลับมานับว่าเป็นคุณค่าทางจิตใจมากกว่า

ด้าน น.ส.ศุจินธรา หมื่นราช หรือ น้องทราย นักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ บอก ว่า เป็นการบริจาคเลือดครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้มีส่วนในการช่วยชีวิตใครหลายๆ คน การบริจาคเลือดมีความสำคัญมากกับสังคมทำให้ผู้ป่วยที่ต้องการเลือด ได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยและนับว่าเป็นบุญกุศลแก่ตัวเราเองด้วย อยากเชิญชวนให้ทุกคนไม่ว่าจะวัยใดก็ตาม มาร่วมกันบริจาคเลือดกันมากๆ เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับคำแนะนำในการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนบริจาคโลหิตนั้น น.ส. สุนันทา เหล่าพัดจัน พยาบาลอาสาจากสภากาชาดไทยให้คำแนะนำว่า อันดับแรกต้องทานอาหารครบ 5 หมู่  หลีกเลี่ยงอาหารมัน ดื่มน้ำมากๆ เลือดจะได้มีสารอาหารและมีคุณภาพ ต่อมาคือ การพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเวลา 6-7 ชั่วโมง อันดับสุดท้ายคือ ต้องไม่กินยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ ต้องหยุดกินยา 3 วัน ยาสิว ต้องหยุดกิน 3 เดือน ก่อนรับบริจาคโลหิตเพราะผู้รับเลือดอาจแพ้ยาและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตและเบาหวานไม่สามารถบริจาคเลือดได้

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เผยเด็ก 10-18 ปีติดเกม เข้าขั้นเจ็บป่วย

ร้อง "สวธ." ปัญหาร้านเกมอื้อ พนัน-มั่วสุม ผบก.ปคม. เผยพ่อแม่สุดทนร้องศูนย์ประชาบดีวอนช่วยลูกตกเป็นเหยื่อขายบริการบนร้านเกม เมืองชล   ขณะที่ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก เผยเด็กไทยติดเกมพุ่ง อายุ 10-18 ปี 1 ใน 5 เล่นเกมวันละ 6 ชม. ส่งผลกระทบ พัฒนาการ ชี้สมาคมจิตแพทย์มะกันเตรียมออก หลักเกณฑ์วินิจฉัยติดเกมเข้าขั้นเจ็บป่วย

เผยร้านเกมสารพัดปัญหา ทั้งมั่วสุมทางเพศ-ยาเสพติด

ที่ห้องเจ้าพระยาบอลรูม โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) สำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์ จัดพิธีมอบโล่และเกียรติบัตร โครงการ "ร้านเกมสีขาว เพื่อเยาวชน" ประจำปี 2555 โดยนางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านเกมสมัครเข้าโครงการร้านเกมสีขาว ทั้งเขตกรุงเทพมหานคร และภูมิภาค จำนวน  3,046 แห่ง จากการสรุปข้อมูลการร้องเรียน สวธ.ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบปัญหาร้านเกม  8 ด้าน ได้แก่ 1 .ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการก่อนและหลังเวลาที่กำหนด 2. อนุญาตให้เล่นเกมที่มีเนื้อหาและภาษาไม่สุภาพ จนทำให้ผู้เล่นไม่พอใจ ถึงขั้นข่มขู่และทำร้ายร่างกายกัน 3.เจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ ใช้เกณฑ์มาตรฐานในการตรวจสอบร้านเกม 4. ร้านเกมไม่มีใบอนุญาต 5. ร้านเกมเปิดเว็บไซต์ให้เล่นการพนันออนไลน์ 6. เป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดของเยาวชน  ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน 7. มีกลุ่มบุคคล แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ และเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ และ 8. เป็นแหล่งมั่วสุมทางเพศ

พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.)  กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บก.ปคม. ได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองผ่านมายังศูนย์ประชาบดี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ (พม.) ว่า มีการบังคับให้เด็กขายบริการอยู่บริเวณชั้น 2 ของร้านเกมแห่งหนึ่งในพื้นที่จ.ชลบุรี  เบื้องต้น ได้สั่งการให้กองกำกับการ 2 ส่งสายลับตำรวจเข้าไปตรวจสอบยังร้านเกมดังกล่าวแล้ว พบว่า ร้านเกมแห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน  อย่างไรก็ตาม ได้ติดต่อกับพ่อแม่ของเหยื่อที่ร้องเรียนแล้ว เพื่อหาข้อมูลที่แน่ชัดในการออกหมายค้นต่อไป  ส่วนกรณีตำรวจอ้างตัวเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการนั้น เราไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพียงแต่มีหน้าที่เข้าไปจัดระเบียบร้านเกมดังกล่าวเท่านั้น

ด้าน รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าเด็กและเยาวชนมีปัญหาติดเกมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสำรวจพบว่า  70% เล่นเกมออนไลน์เป็นประจำ อย่างในช่วงวันหยุด ปิดเทอมจะอยู่กับเกมตลอด กลายเป็นว่าเล่นเกม 7 วันต่อสัปดาห์ และ 1 ใน 5 ของเด็กและเยาวชนอายุ 10-18  ปี จะเล่นเกมนานถึงวันละ 6 ชั่วโมง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลต่อศักยภาพการเรียนรู้ พัฒนาการ ในขณะที่ผู้ปกครองเองกลับเข้าใจผิดคิดว่าการเล่นเกมคือการพัฒนาทักษะการใช้ คอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่ใช่ จากปัญหานี้ทำให้สมาคมจิตแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาเตรียมกำหนดหลักเกณฑ์การ วินิจฉัยความผิดปกติทางจิตในทางการแพทย์ฉบับที่ 5 ในเดือน พ.ค. 2556 โดยมีแนวโน้มว่าจะกำหนดการวินิจฉัยภาวะติดเกมและอินเทอร์เน็ตให้เป็นความ เจ็บป่วย

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า เพื่อควบคุมการเล่นเกมของเด็กและเยาวชนนั้น ในการเล่นเกมออนไลน์อาจเริ่มต้นควบคุมในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ด้วยการใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักลงทะเบียนก่อนเล่นเกมออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้เล่นเกมที่ไม่เหมาะสม หรือเล่นเกมเกินเวลา การซื้ออุปกรณ์เสริมในการเล่นเกมได้ไม่เกิน 100 บาท เป็นต้น ซึ่งมาตรการนี้ที่ประเทศจีนใช้อยู่ เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศผู้ออกแบบเกมกำลังประสบปัญหาเด็ก ติดเกม ในขณะที่ประเทศยังไม่มีมาตรการตรงนี้ แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์แห่งชาติ

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากรายงานอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนต์ไทยประจำปี 2552 ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ พบว่าตลาดเกมออนไลน์ในประเทศไทยมีการขยายตัวขึ้นทุกปี เช่น ในปี 2547 บริษัทเกมแห่งหนึ่งมีทุนจดทะเบียนเพียง 5 ล้านบาท ปัจจุบันมีการเพิ่มทุนเป็น 3,000 ล้านบาท แต่ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่พัฒนาขึ้นจากปัญหาสุขภาพของผู้เล่นซึ่งกลุ่มเป้า หมายก็คือเด็ก โดยสร้างเกณฑ์ให้ผู้เล่นใช้เวลานาน เพิ่มความเข้มข้นในการเล่น พัฒนาให้เครื่องมือที่ใช้เล่นจะต้องมีประสิทธิภาพดีขึ้น ผู้เล่นหยุดไม่ได้ ใช้เงินมากกับความต้องการเล่นที่เพิ่มขึ้น เพราะว่ารายได้ของธุรกิจเกมไม่ได้มาจากชั่วโมงการเล่นแต่จะมาจากการซื้อ อุปกรณ์ เครื่องมือในการเล่นเกม แล้วถ้าเด็กคนไหนไม่มีเงินมาซื้อหงุดหงิด ใครห้ามก็จะทำร้าย และส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา แต่ในทางธุรกิจเขาย่อมไม่หยุดพัฒนา

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้าทีมโฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข นายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทราบว่าทางสมาคมจิตแพทย์แห่งสหรัฐ อเมริกาเตรียมกำหนดหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยความผิดปกติทางจิตในทางการแพทย์ ฉบับที่ 5 หรือ ดีเอสเอ็ม 5 โดยมีการปรับในหลายเรื่องด้วยกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จทันในเดือน พ.ค.ปี 2556 หรือไม่ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้มีการพิจารณาทบทวนเฉพาะเรื่องเด็กติดเกม เท่านั้น แต่ทบทวนใน 3 ประเด็น คือ 1. ความผิดปกติบางอย่างที่ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิต เช่น ในอดีตมีการยกเลิกคนที่เป็นโฮโมเซ็กซ์ชวลมาแล้ว 2. การเปลี่ยนแปลงชื่อที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ในอดีตมีการเปลี่ยนคำว่าโรคประสาทเป็นกลุ่มโรควิตกกังวล และ 3. การวินิจฉัยโรคมีความละเอียดขึ้น "การติดเกมมีหลายระดับ เหมือนกับคนเสพยาแต่หลายคนไม่ได้ติดยา ดังนั้นการติดถึงขั้นเป็นความเจ็บป่วยต้องมีเกณฑ์ในการวินิจฉัยว่ามี พฤติกรรมอย่างไรถึงเข้าข่ายเจ็บป่วย" นพ.ยงยุทธ กล่าว







ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

พิษเหล้า ลองเร็ว ติดนาน

เด็กที่คุ้นเคยกับการจิบเครื่องดื่มมึนเมาก่อนขึ้นชั้นมัธยมปลาย  มีแนวโน้มเสพติดน้ำเมาเข้าขั้นอันตราย


 
เมแกน มอรีน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา วิเคราะห์แบบสอบถามเรื่องการดื่ม 'เครื่องดื่มแอลกอฮอล์' ของวัยรุ่นวัยโจ๋ระหว่าง 15-18 ปี จำนวน 1,160 คน จนพบว่า เด็กที่คุ้นเคยกับการจิบเครื่องดื่มมึนเมาก่อนขึ้นชั้นมัธยมปลาย โดยเฉพาะครอบครัวให้ลองดื่ม หรือมีสมาชิกในบ้านชอบดื่ม มีแนวโน้มเสพติดน้ำเมาเข้าขั้นอันตราย สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อระบบสมอง การพัฒนาร่างกาย ลุกลามไปถึงการพลั้งพลาดใช้ยาเสพติด และการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ส่วนเด็กวัยรุ่นตอนปลายที่ลองดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้าสู่ระดับ อุดมศึกษา แม้จะไม่เสพติดเรื้อรังเท่ากับกลุ่มแรก

แต่ภัยร้ายจากน้ำเมาอาจทำให้เด็กเสียการเรียน ติดเที่ยว สุขภาพย่ำแย่ อารมณ์แปรปรวน ซ้ำร้ายหากยิ่งดื่มยิ่งติดใจด้วยแล้ว ส่อแววว่าจะลงเอยด้วยโรคตับแข็ง มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะ ประสาทหลอน โรคจิต และมีอายุสั้นกว่าปกติอีกด้วย




ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

9 กระบวนท่าฟิตร่างกาย พิชิตอาการปวดหลัง

การบริหารกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง จะช่วยลดการเกิดอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี

9 กระบวนท่าฟิตร่างกาย พิชิตอาการปวดหลัง

ท่าที่ 1 นอนหงายชันเข่า 2 ข้าง แขนแนบข้างลำตัว จังหวะที่ 1 เกร็งกล้ามเนื้อท้องเพื่อกดหลังให้แนบกับพื้น... นับ 1-3 ช้าๆ จังหวะที่ 2 คลายกล้ามเนื้อปล่อยพักตามสบาย ทำ 5-6 ครั้งในวันแรก แล้วเพิ่มขึ้นในวันต่อไป ท่าที่ 2 นอนหงายชันเข่า 2 ข้าง ผงกศีรษะค้างไว้นับ 1-2 แล้วเอาลง เริ่มทำครั้งแรก 10 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มจนถึง 25 ครั้งในวันต่อไป ท่าที่ 3 นอนหงายเหยียดขาทั้ง 2 ข้าง ยกขาข้างหนึ่งให้ตั้งฉากกับลำตัวโดยเข่าไม่งอ แล้วค่อยๆ เอาลง จากนั้นยกอีกข้างหนึ่งสลับกัน เมื่อเอาลงแล้วยกพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง อีกครั้งหนึ่ง เริ่มทำ 3 ครั้งแล้วค่อยเพิ่มให้ถึง 10 ครั้ง ท่าที่ 4 นอนคว่ำขาเหยียดตรงแล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นค้างไว้ นับ 1-3 จึงวางลงสลับกับยกขาอีกข้างหนึ่ง ทำเหมือนกันโดยที่เข่าไม่งอขณะยกขา ทำ 5 ครั้งต่อไปค่อยเพิ่มขึ้น

ท่าที่ 5 ยืนหลังตรง งอเข่างอตะโพกลงนั่งให้ชิดพื้นมากที่สุดโดยหลังไม่งอ เริ่มทำ 3 ครั้ง เพิ่มขึ้นจน 10 ครั้งวันต่อไป ท่าที่ 6 นั่ง หลังตรง ขาข้างหนึ่งเหยียดยาวเข่าตรง ขาอีกข้างงอขึ้นมาตั้งไว้ เริ่มทำโดยเหยียดแขนทั้งคู่ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดจนรู้สึกตึงที่หลังขาข้างที่เหยียด นับ 1-3 จึงค่อยเอนหลังกลับท่าเดิม ทำ 5-6 ครั้ง ต่อไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่าที่ 7 นอนหงายงอเข่าขึ้นตั้งไว้ 2 ข้าง มือประสานไว้ตรงเข่า จากนั้นดึงขาเข้ามาชิดอกพร้อมกับยกศีรษะขึ้นด้วย นับ 1-3 แล้วกลับไปอยู่ท่าเดิม ท่าที่ 8 นอนหงายงอเข่าขึ้นตั้งไว้ จังหวะที่ 1 เกร็งกล้ามเนื้อท้องไว้หลังติดพื้น จังหวะที่สองยกก้นขึ้นพ้นพื้นในเวลาเดียวกัน นับ 1-3 ค่อยกลับมาอยู่ในท่าเดิม ท่าที่ 9 ยืนตรงมือทั้ง 2 ข้างเหยียดยันกำแพงไว้ เท้าทั้ง 2 ห่างจากกำแพงครึ่งเมตร จังหวะที่ 1 โน้มตัวไปข้าหน้า ขณะที่ตัวตรงอยู่ ส้นเท้ายังคงแตะอยู่ที่พื้นเช่นเดิม นับ 1-3 จากนั้นค่อยดันตัวกลับมายืนท่าเดิมการบริหารร่างกายต้องทำทุกวันจึงจะได้ ประโยชน์ หากทำแล้วมีอาการปวดมากขึ้นให้หยุดออกกำลังกายทันทีศูนย์โรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี







ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

กินเนื้อวัวปรุงด้วยความร้อนสูง เสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากเร็ว | PG&P

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นักวิจัยมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย และสถาบันป้องกันมะเร็งแคลิฟอร์เนีย ออกโรงเตือนว่า การบริโภคเนื้อวัวหรือเนื้อลูกแกะที่มีสีค่อนข้างคล้ำทอดด้วยความร้อนสูง จะทำให้เสี่ยงกับการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากสูงขึ้นอีกถึงร้อยละ 40
การศึกษาที่แล้วมา ได้ย้ำถึงความเกี่ยวพันของอาหารที่มีเนื้อวัวหรือเนื้อลูกแกะที่มีสีค่อน ข้างคล้ำมาก กับความเสี่ยงโรคมะเร็ง แต่หลักฐานยังได้ค่อนข้างจำกัด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์มาเรียนา สเติร์น ของโรงเรียนแพทย์หัวหน้านักวิจัย ยังไม่ทราบสาเหตุว่า เหตุใดเนื้อที่ทอดด้วยความร้อนสูงจึงต้องเสี่ยงกับโรคสูงไปด้วย แต่สงสัยว่าเนื่องมาจากการก่อตัวของดีอีเอ็นเอของสารที่ก่อมะเร็ง สารดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อน้ำตาลกับกรดอะมิโนถูกปรุงด้วยความร้อนสูง เมื่อปิ้งย่าง หรือรมควัน


ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

นอนเต็มอิ่ม แต่ทำไมยังง่วงล่ะ ? | PG&P

ยุคที่ต้องใช้กำลังกายและกำลัง สมองทำงานอย่างหนักในระหว่างวัน จนเหนื่อยล้าอ่อนแรงไปตามๆ กันพอตกกลางคืนก็อยากจะรีบเข้านอนเพื่อจะได้พักผ่อนออมแรงไว้เผื่อวันรุ่ง ขึ้นจะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นแจ่มใส แต่ที่ไหนได้ ขณะที่นั่งทำงานอยู่ดีๆ แต่เอ๊ะ! ทำไมจึงหาวออกมาเสียงฟอดใหญ่ แล้วรู่สึกเพลียมาก เห็นอะไรต่อมิอะไรที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นหมอนใบนุ่มน่าหนุนไปเสียอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็รีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะอยากมีสุขภาพดีเหมือนคนอื่นๆ ดูบ้าง ตื่นเช้ามาก็ไม่ค่อยจะสดชื่น แถมรู้สึกง่วงมากกว่าเดิมเสียอีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าอย่างนั้น เรามาหาคำตอบกันดีกว่าค่ะ
อย่าลืมนะคะว่าจิตใจที่แจ่มใสอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์การนอนหลับพักผ่อน อย่าง เพียงพอนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในขณะที่เรานอนหลับนั้น ระบบต่างๆ ของร่างกายก็จะพักตามไปด้วย การหายใจจะช้าลงอย่างสม่ำเสมอ มีการหลั่งฮอร์โมนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่ในทางกลับกันหากนอนไม่พอ ร่างกายก็จะอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เกิดอาการเวียน ศรีษะ คิดไม่ออก เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอ้วน จากการศึกษาพบว่า การนอนที่เพียงพอทำให้คุณรับประทานอาหารลดลง ลดความอยากรับประทานลงอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพก็อาจจะทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้ พักผ่อน และก็ทำให้อยากอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลากหลายสาเหตุ เช่น
- มีเรื่องไม่สบายใจ เครียดกังวลจนทำให้สมองรู้สึกเครียดอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว
- เกิดลมในช่องท้องมากเกินไป ทำให้การไหลเวียนเลือดต่ำ และรวมถึงมีอาการท้องผูก ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว
- ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep apnea) เป็นภาวะความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับมี อันตราย และทำให้เกิดความผิดปกดติอื่นจน ถึงเสียชีวิตได้ พบภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้บ่อยครั้งในคนอ้วน เพศชาย ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคความดันเลือดสูงจะทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาบ่อย ในระหว่างนอนหลับ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง เพื่อหายใจ ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่ได้นอน
- ภายในห้องอาจจะมีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลาโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น เสียงหยดน้ำ เสียงเครื่องปั๊มน้ำ เสียงแอร์ที่ดังเกินไป เสียงพัดลม เสียงเข็มนาฬิกาเดิน เป็นต้น เสียงเหล่านี้อาจจะแทนกเข้าไปในความรู้สึกและคลื่นสมองของเราระหว่างนอนได้ ทำให้รบกวนการนอน และนอนไม่เต็มอิ่ม มานอนหลับพักกายใจอย่างมีคุณภาพกันเถอะ
- บุหรี่ สุรา ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีนต่างๆ งดและลืมไปได้เลย อย่างน้อยๆ ก็ 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้กระตุ้นสมองและทำให้ปัสสาวะบ่อย จนรบกวนการนอนได้ แถมไม่ดีต่อสุขภาพอีกต่างหาก
- เข้านอน และตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวันจนเคยชิน แรกๆ ก็อาจจะไม่คุ้นเคย แต่รับรองว่าเมื่อบ่อยครั้งเข้าจะชินไปเอง
- จัดระเบียบการใช้ชีวิตให้ดีๆ สะสางปัญหาการงานที่คั่งค้าง และวิธีการแก้ไข เพื่อความสบายใจ และนอนหลับง่าย
- ออกกำลังกายก่อนหน้าที่จะเข้านอนอย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมง จะช่วยให้นอนหลับสนิทมากขึ้น
- จัดห้องนอนให้สะอาด น่านอนไม่มีแสงรบกวน หมั่นทำความสะอาดเครื่องนอนอยู่เสมอ เอาไปตากแดดจัดๆ ป้องกันไรฝุ่น หาหมองที่พอดีกับต้นคอ เพื่อช่วยให้นอนหลังสนิท ไม่ปวดต้นคอและหลังจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น
- สวดมนต์ หรือนั่งพักผ่อนสบายๆ สักพักก่อนนอน เพื่อให้สมองคลายกังวลจากเรื่องเครียดๆ อาจจะฟังเพลงเพราะๆ สูดอากาศที่บริสุทธ์ หรือดมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ
- ดื่มน้ำอุ่น หรือนมอุ่นก่อนนอนจะช่วยในการนอนหลับ เพราะกรดอะมิโนทริปโตฟานทำให้ง่วงนอนได้ หลีกเลี่ยงการดูดหรือฟังเรื่องตื่นเต้น น่ากลัว เพราะจะกระตุ้นให้เราไม่หลับ


ที่มา: เว็บไซต์วิชาการดอทคอม

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เตือนระวังโรคใหม่คล้ายเอดส์ | PG&P

จากกรณีการรายงานผลการวิจัยของนัก วิจัยประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ ระบุว่าพบโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองชนิดใหม่ในทวีปเอเชีย ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายกับโรคเอดส์ เชื่อพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญของโรค โดยนักวิจัยของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ หรือ NIH ของสหรัฐ ระบุว่าโรคใหม่คือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองในวัยผู้ใหญ่ (adult-onset immunodeficiency syndrome) นั้น
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผอ.สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ และโฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าว ถึงการเปิดเผยผลวิจัยดังกล่าวเริ่มทำตั้งแต่ในปี 2548 โดยศึกษาในประเทศไทยและไต้หวัน ซึ่งเป็นการรายงานผลการศึกษาในกลุ่มคนไข้ 200 คน ที่พบว่ามีลักษณะอาการของโรคคล้ายผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ที่จะมีภูมิต้านทานต่ำ และมีโอกาสป่วยด้วยเชื้อฉวยโอกาสสูง ซึ่งเรียกง่ายๆว่าโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองชนิดใหม่ ยืนยันว่าไม่ใช่โรคติดต่อ และไม่ใช่โรคติดต่ออุบัติใหม่ โดยสันนิษฐานว่าสาเหตุของโรคน่าจะเกิดจากพันธุกรรม โดยจากการศึกษาดังกล่าวพบผู้ป่วยเพียง 12 ราย ยังไม่ใช่สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า สำหรับลักษณะของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองมักพบในผู้ป่วยอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยลักษณะของโรค โปรตีนที่มีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคถูกทำลายไป ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสียและเกิดติดเชื้อโรคฉวยโอกาสง่ายๆ จะเป็นโรคติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต ทำให้เกิดโรคที่ในคนทั่วไปซึ่งมีภูมิคุ้มกันปกติไม่ค่อยเกิดขึ้น เช่น วัณโรค คล้ายๆ ผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนกในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากผลงานวิจัยน่าเชื่อว่าโรคดังกล่าวเป็นโรคที่เกิดจากปัจจัยทาง พันธุกรรม ไม่ใช่โรคติดต่อหรือโรคระบาดแต่อย่างใด ซึ่งการรายงานผลการวิจัยดังกล่าวเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ที่ต้องศึกษา เรื่องโรคใหม่ๆ ตลอดเวลา



ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

นร.ไทยไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์สากล | PG&P

กรมสุขภาพจิตเผยผลสำรวจไอคิว นักเรียนไทยปี 54 พบเด็กไทยมีค่าไอคิวเฉลี่ยต่ำกว่าสากลเล็กน้อย เผยนักเรียนภาคใต้มีไอคิวเฉลี่ยต่ำสุดในประเทศ นพ.ทวีศิลป์ ชี้การเลี้ยงดูของครอบครัวด้วยความรักความอบอุ่น มีผลต่อระดับสติปัญญาของเด็กเพิ่มมากกว่าครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น   

     นร.ไทยไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์สากล กรมสุขภาพจิตเผยเด็กใต้มีไอคิวเฉลี่ยน้อยสุด

ในงาน "การนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2555" กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ นำเสนอผลการสำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาเด็กนักเรียนไทย ปี 2554 และการกระจายระดับสติปัญญารายภาค ซึ่งทำการสำรวจในเด็กนักเรียนอายุ 6-15 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาปีที่ 1-6 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานการศึกษา กรุงเทพมหานคร (ส.กทม.) ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ        

โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 72,780 คน ในช่วงเดือนธันวาคม 2553 ถึงมกราคม 2554 พบว่า เด็กนักเรียนไทยมีคะแนนสติปัญญาเฉลี่ย (ไอคิว) เท่ากับ 98, 59 ซึ่งถือเป็นค่าระดับสติปัญญาที่อยู่ในเกณฑ์ปกติค่อนไปทางต่ำกว่าค่ากลางของ มาตรฐานสากลในยุคปัจจุบันซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 100        

ในส่วนของการกระจายตัวระดับสติปัญญารายภาคพบว่า นักเรียนในภาคกลางมีค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาสูงที่สุด ซึ่งจังหวัดที่นักเรียนมีค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาสูงที่สุดคือ จ.นนทบุรี ส่วนนักเรียนในภาคใต้มีค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาต่ำที่สุด ซึ่งจังหวัดที่นักเรียนมีค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาต่ำที่สุดคือ นราธิวาส        

ด้าน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมและมีผลกระทบต่อสติปัญญาของเด็กนักเรียนไทย คือ ปัจจัยด้านการโภชนาการเช่นระยะเวลาในการดื่มนมแม่ ซึ่งพบว่าเด็กที่มีระดับสติปัญญาสูงจะเป็นเด็กที่มีค่าเฉลี่ยการดื่มนมแม่ นานกว่า 6 เดือน และการบริโภคสารอาหารทั้งไอโอดีนและธาตุเหล็ก ซึ่งพบว่าเด็กที่ขาดการบริโภคไอโอดีนและธาตุเหล็กอย่างสม่ำเสมอจะทำให้มี ระดับสติปัญญาลดน้อยลง       

 "และมีปัจจัยด้านการเลี้ยงดูของครอบครัวก็มีผลต่อระดับสติปัญญาของเด็ก พบว่า ครอบครัวที่ผู้ปกครองมีเวลาในการให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูก จะช่วยในการส่งเสริมในการพัฒนาสติปัญญาได้มากกว่าครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว        

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า อีกทั้งยังมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งการได้รับสารบางอย่างเช่น สารตะกั่วและสารหนู ก็สามารถส่งผลกระทบต่อการพัฒนาระดับสติปัญญาของเด็กได้ สติปัญญาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยเข้มแข็ง การพัฒนาความสามารถทางสติปัญญาจะทำให้เด็กไทยมีความสามารถทัดเทียมในระดับ สากลได้ และข้อมูลระดับคะแนนไอคิวในระดับชาติจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแผนการ พัฒนาคนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป









ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

โรคประหลาด'เล็บ'ผุดทุกรูขุมขน | PG&P

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปัจจุบันเกิดโรคมากมายให้ต้อง ระมัดระวังกัน เพราะมีโรคแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างนึกไม่ถึง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนจำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทและ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อให้สามารถต่อสู้กับโรคต่างๆได้ หรือเพื่อให้ "ทำใจ" ได้หากโชคร้ายอย่างไม่คาดฝัน ดังกรณีสาวน้อยชาวอเมริกันผู้เคราะห์ร้ายรายหนึ่งที่ต้องตกอยู่ในฝันร้าย เมื่อปฏิกิริยาภูมิแพ้ทำให้เธอกลายเป็น "โรคประหลาด" มี "เล็บ" หรือขนแข็งขึ้นแทบทุกรูขุมขน ซึ่งแพทย์จนปัญญาที่จะรักษาให้หายได้
โรคภูมิแพ้มีหลายอย่าง เช่น แพ้นมวัว แพ้อาหารทะเล หรือแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ซึ่งต้องคอยระมัดระวังการบริโภคเพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เป็น อันตราย สำหรับสาวน้อยชานีนา ไอซอม ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซีของสหรัฐ มีความโชคร้ายที่แตกต่างไป โดยต้องทิ้งอนาคตนักศึกษาใหม่ในรั้วมหา วิทยาลัยมาอยู่ในสภาพเหมือนตกนรกทั้งเป็นเพราะอาการประหลาด
เหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 2009 เมื่อไอซอมได้รับ ยาสเตียรอยด์ ตาม แพทย์สั่งเพื่อรักษาโรคหืดกำเริบ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงเธอก็มีอาการเหมือนแพ้ยาจนคันคะเยอไปทั้งตัว ก่อนจะตามมาด้วยตุ่มดำๆ ขึ้นเต็มขาทั้ง 2 ข้างที่แย่ไปกว่านั้นคือมีปุ่มและขนแข็งขึ้นตามรูขุมขนทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ลำตัว และศีรษะ จนผมร่วงต้องสวมวิกแทน ซึ่งภายหลังแพทย์ในบัลติมอร์ตรวจสอบพบว่าแท้จริงแล้วคือ "เล็บ" ดีๆนี่เอง ซึ่งจะงอกขึ้นทุกที่แทน "ผมหรือขน" เรียกว่าผมหรือขนงอกที่ใดจะมีเล็บโผล่ขึ้นมาแทน โดยมีการผลิตเซลล์ผิวหนังในต่อมผมมากกว่าปรกติถึง 12 เท่าตัว
ขณะที่ร่างกายของเธอก็อ่อนแออ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ ทำให้เธอใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก หมดเรี่ยวแรงเดินเหินและทำกิจกรรมต่างๆ สุดท้ายต้องมีชีวิตอยู่บนเตียง
ที่ผ่านมาแพทย์พยายามช่วยรักษาสารพัดวิธี ตั้งแต่การรักษาแผลพุพองไปจนถึงให้ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย Staphy lococcal แต่ไม่ได้ผล และไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ โดยเชื่อว่าไอซอมน่าจะเป็นรายแรกและรายเดียวของโลกที่ป่วยด้วยอาการประหลาด นี้
ในปี 2011 ไอซอมเข้ารับการรักษากับแพทย์ในบัลติมอร์ผู้ค้นพบว่าสิ่งที่โผล่จากรูขุมขน ของเธอคือเล็บ ซึ่งได้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งแต่ยังไม่ได้คำตอบว่าเกิดจากอะไร และยังต้องค้นหา คำตอบต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังโชคดีอยู่บ้างที่แพทย์สามารถควบ คุมอาการต่างๆของเธอได้แล้ว ทำให้เธอสามารถลุกขึ้นนั่งและเดินได้ด้วยตัวเองเป็นบางครั้ง และคงต้องสู้ต่อไปตราบที่ยังมีลมหายใจ
นอกจากนี้เธอยังตั้ง มูลนิธิ S.A.I.Foundation ขึ้นเพื่อระดมทุนช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคของตัวเอง เนื่องจากความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวอย่าง มาก และยังมุ่งช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้รายอื่นๆด้วย หวังว่ากรณีของไอซอมน่าจะเป็นตัวอย่างที่ช่วยให้คุณผู้อ่านใช้ชีวิตอย่างไม่ ประมาทได้บ้าง



ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข  โดย สิริรัตน์ วารี

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

โรคนอนไม่หลับกลายเป็นปัญหาทั่วโลก | PG&P

การวิจัยชิ้นใหม่พบว่ามีคนทั่วโลก มีปัญหานอนไม่หลับกันเพิ่มมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการนอนไม่หลับเกี่ยวเนื่องกับโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่าง อาทิ โรคทางหลอดเลือดและโรคเบาหวาน

โรคนอนไม่หลับกลายเป็นปัญหาทั่วโลก

ปัญหาการนอนไม่หลับไม่ได้เป็นปัญหาที่พบในประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น แต่กลายเป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาด้วย

ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Warwick Medical School ที่เมือง Coventry ในอังกฤษ ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ Dr. Saverio Stranges เป็นหัวหน้าทีมวิจัยนี้ กล่าวว่าจุดมุ่งหมายของการวิจัยคือทำการประมวลข้อมูลที่มีอยู่แล้วในแปด ประเทศ จากทวีปอาฟริกาและทวีปเอเชีย เพื่อกรองหาตัวเลขผู้ป่วยที่รายงานว่าตนเองมีปัญหานอนไม่หลับ และ พยายามตรวจหาปัจจัยอื่นๆที่เป็นตัวเสริมปัญหาการนอนไม่หลับในกลุ่มคนจากทั้ง แปดประเทศ

การวิจัยจัดทำในประเทศกาน่า แทนซาเนีย อาฟริกาใต้ อินเดีย บังคลาเทศ เวียดนาม  อินโดนีเซีย และเขตเมืองในประเทศเคนยา การวิจัยประมาณว่ามีประชากรวัยผู้ใหญ่ 150  ล้านคนในแปดประเทศเหล่านี้กำลังเผชิญกับปัญาที่เกี่ยวข้องการกับการนอนหลับ

Dr. Stranges หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า มีหลักฐานทางชีววิทยาที่สนับสนุนข้อมูลที่ว่าการนอนไม่หลับมีผลกระทบทางลบ ต่อการทำงานของร่างกายในเรื่องการเจริญอาหาร การทำงานของระบบประสาท การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเกี่ยวโยงกับการเจ็บป่วยด้วยโรคที่รุนแรงหลายโรค

นักวิจัยชี้ว่าปัญหาการนอนหลับอาจสืบเนื่องมาจากการสูบบุหรี่กับนิสัยการ รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนการนอนหลับมากเกินพอดีในกลุ่มผู้สูงอายุกลับมีผลเสียต่อสุขภาพทำให้ ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย

Dr. Stranges หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า วิถีชีวิตแบบ 24 ชั่วโมงต่อวันส่งผลให้คนนอนไม่หลับในประเทศพัฒนาแล้ว การใช้อินเตอร์เน็ตก็เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้อาการนอนไม่หลับเลว ร้ายลง เกิดปัญหาโรคซึมเศร้าและโรควิตกจริตตามมา

ทีมวิจัยพบว่าอาการซึมเศร้าและวิตกจริตในประชากรประเทศกำลังพัฒนาได้กลาย เป็นสาเหตุหลักของการนอนไม่หลับและพบว่าผู้หญิงในประเทศกำลังพัฒนาเป็นโรค นี้มากกว่าผู้ชายและชาวบังคลาเทศ ชาวอาฟริกาใต้และชาวเวียดนาม เป็นโรคนอนไม่หลับมากที่สุด ในขณะที่อินเดีย อินโดนีเซีย มีปัญหาคนเป็นโรคนอนไม่หลับจำนวนน้อย

Dr. Stranges หัวหน้าทีมวิจัยเตือนว่า โรคนอนไม่หลับจะ เพิ่มปัญหาสุขภาพแก่คนในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ระบบการบริการทางสาธารณสุขต้องแบกภาระเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากปัญหาโรคระบาด อัตราการเสียชีวิตของเด็กและหญิงคลอดลูกค่อนข้างสูงอยู่แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการบำบัดรักษาอาการนอน ไม่หลับทำได้ยากและมักไม่มีวิธีการรักษาเดียวที่ได้ผลทั้งหมด เนื่องจากมีสาเหตุต่างกันไป เขาแนะนำว่าแพทย์ควรวิเคราะห์วิถีชีวิตและการนอนหลับของผู้ป่วยแต่ละคนในการ วินิจฉัยปัญหาสุขภาพ และควรแนะให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตประจำวันก่อนตัดสินใจเขียน ใบสั่งยาให้ผู้ป่วยรับประทาน







ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

รู้จักรอยด่างดำบนใบหน้า | PG&P

พูดถึงเรื่องรอยด่างดำบนใบหน้า คงมีผู้อ่านหลายท่านสนใจ เพราะเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย รอยด่างดำบนใบหน้าที่พบได้บ่อย เช่น ฝ้า กระตื้น กระลึก กระแดด กระเนื้อ รวมไปถึงรอยดำจากการอักเสบ เช่น รอยสิว ปัญหารอยด่างดำต่าง ๆ มีลักษณะเป็นอย่างไร แล้วมีวิธีการแก้ไขและรักษาทางการแพทย์อย่างไร คอลัมน์หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพ ฉบับนี้มีคำตอบมาฝาก

รู้จักรอยด่างดำบนใบหน้า

"ฝ้า" คือ ภาวะที่ผิวหนังมีเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้นซึ่งเกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ด สีทำงานมากขึ้น บางครั้งจะพบว่าเซลล์สร้างเม็ดสีมีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วย มักพบบริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดด เช่นใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก แก้ม จมูก เหนือริมฝีปากบน และกราม มักเริ่มเป็นฝ้าเมื่ออายุ 30-40 ปี เชื่อว่าเกิดจากแสงแดดเป็นหลัก เราจะพบได้ว่าฝ้ามักจะเข้มขึ้นเมื่อไปตากแดด และฝ้าสามารถจางลงได้ถ้าหากหลบแดด นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดและในผู้ที่ตั้งครรภ์ การรักษาฝ้าสามารถทำได้โดยการใช้ยาทาที่มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสี การใช้สารกลุ่มกรดผลไม้เพื่อผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินออก ร่วมกับการใช้ยากันแดดและการหลบแดด สำหรับการรักษาด้วยเลเซอร์จัดเป็นการรักษารอง บางรายที่ตอบสนองก็จะมีฝ้าจางเร็วขึ้นได้ แต่บางรายฝ้าอาจจะดำขึ้นหากเลือกใช้เลเซอร์หรือการตั้งค่าพลังงานเลเซอร์ไม่ เหมาะสม ส่วน "กระ" สามารถแบ่งได้หลายชนิด เช่น กระตื้น กระลึก กระแดด กระเนื้อ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีหน้าตาแตกต่างกันไป กระตื้น จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด ขนาด 2-3 มิลลิเมตร มักพบได้ที่บริเวณสัมผัสแสงแดด เช่นใบหน้า โดยเริ่มเป็นตอนเข้าสู่วัยรุ่น มักพบในผู้ที่มีผิวละเอียดสีขาว หากสัมผัสแดดจะเป็นมาก และหากหลบแดดได้ดี อาจจะจางได้เอง บางรายอาจเริ่มเป็นตั้งแต่อายุก่อน 10 ปี สำหรับการรักษากระตื้นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการใช้เลเซอร์ที่มี ความยาวคลื่นที่เหมาะสมที่จะจับเม็ดสี เช่น เลเซอร์คิวสวิทช์เอนดีแย็ก คิวสวิทช์อเลกซานไดรท์ และเลเซอร์ทับทิมชนิดคิวสวิทช์

นอกจากนี้ยังมีแสงความเข้มสูงหรือที่เรียกกันว่า "ไอพีแอล" อาจจะพอช่วยได้ บางครั้งอาจใช้น้ำยาทางการแพทย์ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแต้ม เพื่อให้กระหลุดออก แต่การใช้น้ำยามีข้อเสียคือ อาจเกิดแผลเป็นได้ หากแต้มมากเกินไป กระตื้นจุดที่รักษามักจะหายได้ภายหลังการรักษาโดยเลเซอร์ 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นกระตื้นอาจจะเป็นกระตื้นจุดใหม่ได้อีก ดังนั้น จึงควรหลบแดดและใช้สารกันแดด เพื่อไม่ให้เกิดจุดใหม่

กระอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในชาวเอเชีย คือ "กระลึก" รอยโรคจะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลเข้ม อมเทาดำ ขอบเขตไม่ชัด ขนาด 2-3 มิลลิเมตร มักพบที่โหนกแก้มและจมูก พบได้เมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป สีจะค่อย ๆ เข้มขึ้นตามกาลเวลา โดยส่วนใหญ่ คนไข้จะได้รับการรักษาแบบฝ้ามาบ้างแล้วหรือรักษาด้วยแสงความเข้มสูงหรือ ไอพีแอล แต่ไม่ดีขึ้น ซึ่งกระลึกต้องทำการรักษาด้วยเลเซอร์พลังงานและความยาวคลื่นที่เหมาะสม เท่านั้น ไม่สามารถใช้ยาทา น้ำยาแต้ม หรือแสงความเข้มสูงไอพีแอลรักษาได้ หากทำการรักษาได้ถูกวิธี กระลึกมักจะหายไปภายหลังการรักษา 3-6 ครั้ง ส่วนมากผู้ที่เป็นกระลึกจะไม่เป็นซ้ำอีก หากทำการรักษาด้วยเลเซอร์จนหายไปแล้ว

"กระแดด" เป็นกระอีกรูปแบบหนึ่งที่มักเกิดได้ในวัยกลางคนถึงสูงวัย ลักษณะจะเป็นแผ่นสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด ขนาด 0.3-2 เซนติเมตร เกิดจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้น กระชนิดนี้หากปล่อยทิ้งไว้ อาจใหญ่และนูนขึ้นได้ กระชนิดนี้ไม่สามารถจางลงได้แม้หลบแดด จึงต้องทำการรักษาโดยเลเซอร์เท่านั้น เลเซอร์ที่ใช้จะเป็นชนิดเดียวกันกับ

เลเซอร์ที่ใช้รักษากระตื้น ส่วนมากจะหายภายหลังการรักษาด้วยเลเซอร์ 1-2 ครั้ง ผู้ที่เป็นกระแดดอาจจะเป็นกระแดดจุดใหม่ได้อีก ดังนั้นจึงควรหลบแดดและใช้สารกันแดด เพื่อไม่ให้เกิดจุดใหม่

"กระเนื้อ" คือเนื้องอกของผิวหนังชนิดหนึ่ง กระชนิดนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่กระ แต่เป็นเซลล์ผิวหนังที่แบ่งตัวมากขึ้น มีลักษณะสีน้ำตาลอ่อนจนไปถึงสีน้ำตาลเข้มและดำ รอยโรคจะเป็นตุ่มนูนผิวขรุขระ ขนาดตั้งแต่ 2 มิลลิเมตรจนถึงหลายเซนติเมตร มักพบบริเวณใบหน้า คอ แขนและลำตัว เชื่อว่าเกิดจากกรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น บางคนเริ่มเป็นตั้งแต่อายุ 20 ปี เนื้องอกชนิดนี้เป็นเนื้อดี ไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่อาจใหญ่ขึ้นทำให้แลดูไม่สวยงามได้ บางรายอาจพัฒนามาจากกระแดด การรักษาที่ดีที่สุดคือการใช้เลเซอร์ที่มีอำนาจทำลายผิวชั้นบน เช่น คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ อาจใช้จี้ไฟฟ้า หรือทำการรักษาด้วยไนโตรเจนเหลว หรือตัดออก เมื่อกระเนื้อจุดเดิมหายแล้ว ในอนาคตอาจเป็นกระเนื้อจุดใหม่ได้ ไม่มีวิธีป้องกันการเกิดกระเนื้อรอยดำอีกชนิดบนใบหน้าที่พบได้บ่อย คือรอยดำที่เกิดภายหลังการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งรวมไปถึงการที่ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ตัวอย่างที่พบได้บ่อย คือรอยดำจากสิว โดยจะพบมากหากเป็นสิวอักเสบหรือไปแกะสิวเพราะการแกะสิวจะทำให้ผิวหนังบาด เจ็บและอักเสบมากขึ้น รอยดำลักษณะนี้จะเป็นจุดหรือปื้นสีน้ำตาล เกิดบริเวณเดียวกับที่ผิวหนังเคยมีการอักเสบมาก่อน (เช่น มีอาการแดง บวม เจ็บ) วิธีการรักษาที่สำคัญที่สุดคือต้องหยุดการอักเสบโดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยการอักเสบให้เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ รอยดำจะเป็นมากขึ้น เมื่อการอักเสบหายแล้ว สามารถรักษารอยดำที่เหลือได้โดยการใช้ยาทา หรืออาจใช้เลเซอร์เสริมเพื่อทำให้จางเร็วขึ้น

ขึ้นชื่อว่ารอยดำแล้ว แม้จะไม่อันตราย แต่ก็ส่งผลต่อการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับชีวิต โดยเฉพาะในคุณผู้หญิงที่มักจะกังวลกับปัญหารอยดำกันมาก เชื่อเหลือเกินว่าแฟนคอลัมน์คงจะได้ความรู้เกี่ยวกับรอยดำชนิดต่าง ๆ บนใบหน้า รวมถึงแนวทางการรักษารอยดำแต่ละชนิดกันเป็นอย่างดี ฉะนั้น หากพบว่ามีรอยดำและต้องการแก้ไขรักษา แนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเป็นการดีที่สุด







ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  โดย อาจารย์นายแพทย์ วาสนภ วชิรมน อาจารย์แพทย์ประจำแผนกผิวหนังและเลเซอร์ หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

คาดปี 58 นวดไทยทำเงิน 3 หมื่นล้าน | PG&P

สาธารณสุข แถลงข่าวการจัดงาน"มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9" ภายใต้แนวคิด"นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก" หวังสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

คาดปี 58 นวดไทยทำเงิน 3 หมื่นล้าน

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการจัดงาน"มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9" ภายใต้แนวคิด"นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก" ว่า สถานการณ์การนวดของไทยขณะนี้มีผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทนวดไทย จำนวน 1,905 คน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่นับรวมหมอนวดที่ผ่านมาอบรมการนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ จึงกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการให้บริการนวด จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นมหานครแห่งการนวด ชาติใดที่ต้องการได้รับการนวดที่ดีต้องมาที่ประเทศไทยเท่านั้น

"สธ.ได้ส่งเสริมให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุข ภาพตำบลให้บริการและทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้ด้านการนวดให้ประชาชน เพื่อให้เกิดการนวดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนให้มีการวิจัยด้านการนวดไทยและบูรณาการ นับเป็นการสร้างมูลค่าทางการตลาดให้ประเทศไทย โดยมูลค่าทางการตลาดของการนวดไทยสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน"นายวิทยากล่าว

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดี กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯกล่าวว่า สำหรับงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9กันยายน ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในการร่วมจัดนิทรรศการที่น่าสนใจอาทิ เปิดกรุตำรับยา อาบ อบ ประคบ นวด จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร




ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ความจริง 20 ประการเกี่ยวกับความสุข | PG&P

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555


นักวิทยาศาสตร์ได้ให้ความหมายของ คำว่าความสุข มาจาก “อารมณ์บวก” ต่อไปนี้เป็นความจริงบางประการที่ได้มีการศึกษายืนยันทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผลที่ออกมาอาจจะสร้างทั้งความแปลกใจ (อาจจะไม่ค่อยเห็นด้วย) และรู้สึกเห็นด้วยกับผลการศึกษาดังกล่าว ซึ่งความจริงที่ว่านี้คือ ความจริง 20 ประการเกี่ยวกับความสุข โดยวันนี้เราจะนำเสนอท่านผู้อ่าน 10 ข้อแรกในตอนที่ 1 ดังต่อไปนี้

1. ถึงแม้ยีนและการศึกษาจะเป็นตัวกำหนดความสุขของบุคคลกว่าร้อยละ 50 มีเพียงร้อยละ 10 เกี่ยวข้องกับรายได้และสภาพแวดล้อม และอีกกว่าร้อยละ 40 เกี่ยวข้องกับวิถีปฏิบัติตัวของบุคคล ซึ่งรวมถึง การสร้างสัมพันธภาพ เพื่อน งาน ความผูกพันต่อชุมชนที่อาศัย พฤติกรรมสุขภาพ (การออกกำลังกาย) และการใช้เวลาว่างของบุคคลนั้นๆ

2. หลังจากความต้องการพื้นฐานในชีวิตได้รับการตอบสนองครบถ้วนแล้ว สิ่งปรุงแต่งเพื่อความพึงพอใจและความสุขในชีวิต จะต้องการน้อยลงหรือไม่ต้องการเลย (มีการกล่าวกันอย่างกว้างขวางว่า จะต้องได้รับโชคลาภมากกว่า 1 ล้านปอนด์ เพื่อเปลี่ยนจากคนที่ไม่มีความสุขให้เป็นคนมีความสุข และผลกระทบนั้นก็เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น)

3. ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจในชีวิตมากกว่าคนหนุ่มสาว มีรายงานการศึกษายืนยันโดย Center for Disease Control and Prevention พบว่า ประชาชนอายุ 20-24 ปี รู้สึกเศร้าเฉลี่ย 3.4 วันต่อเดือน และประชาชนอายุระหว่าง 65-74 ปี มีความรู้สึกเศร้าเพียง 2.3 วันต่อเดือน

4. ถ้าเราสามารถออกกำลังกายครั้งละ 20 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 6 เดือน เราจะพบว่าความรู้สึก “มีความสุข” จะเกิดได้ง่ายขึ้นกว่าร้อยละ 10-20

5. ผู้ที่มีคะแนนความสุขสูงจากการตอบแบบทดสอบทางจิตวิทยา จะมีภูมิคุ้มกันร่างกายเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 ซึ่งมากกว่าการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

6. จากคลังข้อมูลความสุขประชากรโลก ของมหาวิทยาลัย Erasmus ประเทศฮอลแลนด์พบว่า ความสุขของคนเดนมาร์ก มีความสุขมากกว่าแห่งใดในโลก ตามมาด้วยมอลต้า สวิส ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และแคนาดา

7. ในประเทศสหรัฐ ภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้น 3-10 ครั้ง ในทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดามากกว่าช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาที่ถือเป็นปัญหาใหญ่

8. ผู้อพยพมีแนวโน้มที่จะได้รับความสุขตามประเทศที่เขาย้ายเข้าไปอยู่ ไม่ใช่ความสุขตามประเทศที่เขาเกิด

9. ในประเทศที่มีรายได้สูง ดังเช่น ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าประเทศที่มีการกระจายตัวความมั่งคั่งไม่ทั่วถึง (เช่น สหรัฐฯ) และประชาชนมีแนวโน้มจะต้องการปกครองตนเองในท้องถิ่นและต้องการประชาธิปไตย มากขึ้นเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น

10. แรงงานที่รวยมีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าเพื่อนรวมงานที่จน แต่การศึกษาวิจัยแนะว่าความสุขของผู้คนเป็นพลังให้สร้างความร่ำรวย เช่นกันกับแม่ไก่ที่มีสุขภาพดีก็จะให้ไข่ที่มีคุณภาพดีนั่นเอง







ที่มา: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ป่วยหอบหืด..ออกกำลังกายแบบไหนโรคไม่กำเริบ | PG&P

หอบหืดกำเริบเมื่อออกกำลังกาย ป้องกันได้เพียงเลือกชนิดกีฬาให้เหมาะ และรู้ข้อควรปฏิบัติก่อนเอ็กเซอร์ไซส์ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคหอบหืด ส่วนใหญ่จะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการออกกำลังกาย เนื่องจากบางรายเคยมีประสบการณ์ว่าโรคดังกล่าวนี้กำเริบภายหลังออกกำลังกาย เสร็จไปแล้วราว 5-20 นาที โดยมีอาการแน่นหน้าอก หอบหายใจเร็ว ซึ่งบางรายพักเพียงชั่วครู่ก็หาย แต่บางรายกลับทรุดหนักจนต้องส่งโรงพยาบาล...เหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ ทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดไม่กล้าเล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย

ป่วยหอบหืด..ออกกำลังกายแบบไหนโรคไม่กำเริบ

สาเหตุที่ทำให้อาการหอบหืดกำเริบขณะออกกำลังกายนั้น วารสารชมรมผู้ป่วยโรคหืด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิด เผยไว้ว่า เป็นเพราะหลอดลมหดเกร็ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอุณหภูมิและความชื้นในอากาศที่สูด เข้าไปอย่างรวดเร็วและลึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่ออากาศนั้นมีความเย็นและแห้งมาก

อีกทั้ง โดยปกติแล้วอากาศที่หายใจเข้าทางจมูกจะมีความชื้นและอุ่นกว่าอากาศภายนอก อันเป็นผลมาจากโพรงจมูกช่วยเพิ่มความชื้นและปรับอุณหภูมิก่อนจะเข้าไปสู่ปอด แต่ขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายต้องการอากาศมากขึ้น เราจึงมักอ้าปากหายใจ ทำให้ปอดได้รับอากาศเย็นและแห้งกว่าปกติ อาการหอบหืดจึงกำเริบขึ้น

อย่างไรก็ตาม การกำเริบของหอบหืดมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่ป่วยออกกำลังกายหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวติดต่อกันนานๆ ไม่มีจังหวะพัก เช่น ฟุตบอล สควอช  บาสเก็ตบอล

ขณะที่กีฬาซึ่งเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดมากที่สุดคือ การว่ายน้ำ ที่ สภาพแวดล้อมบริเวณสระน้ำมีอุณหภูมิและความชื้นค่อนข้างคงที่ ประกอบกับลักษณะของการสูดหายใจขณะว่ายน้ำจะมีจังหวะที่ต้องกลั้นหายใจ จึงช่วยให้สูญเสียความร้อนและความชื้นทางลมหายใจน้อย แถมยังเป็นการออกกำลังกายในแนวราบ กล้ามเนื้อปอดได้เคลื่อนไหวจากส่วนท้ายขึ้นมาส่วนบน จึงช่วยไล่อากาศหรือขับสิ่งขัดขวางการหายใจออกได้ง่ายกว่าการออกกำลังท่ายืน และการได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนบน ยังถือเป็นการพัฒนาระบบหายใจให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

สำหรับข้อควรรู้ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยหอบหืด คือ ควรอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหม ไม่ควรออกกำลังกายในช่วงที่อากาศเย็นจัดและแห้ง แต่หากมีความจำเป็นหรือต้องแข่งขันกีฬา ควรสูดยาขยายหลอดลมก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาที ที่สำคัญ ถ้าอาการกำเริบต้องหยุดเล่นกีฬา และสูดยาขยายหลอดลมเข้าช่วย




ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

มังคุดทำลายเซลล์มะเร็ง | PG&P

สตรีนักวิทย์ศึกษาสารสกัดจาก เปลือกมังคุด พบฤทธิ์จู่โจมเฉพาะเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยไม่สร้างความเสียหายให้เซลล์ดีที่อยู่รายรอบ มั่นใจงานวิจัยสามารถพัฒนาเป็นยามะเร็งประสิทธิภาพสูงในอนาคต

มังคุดทำลายเซลล์มะเร็ง

รศ.ดร.รมิดา วัฒนโภคาสิน ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เปิดเผยว่า ใช้เวลากว่า 2 ปีศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งจากสมุนไพร หลังจากเชื่อว่าสมุนไพรบางชนิด อาทิ มังคุด ขมิ้นชัน ใบพุทรา สามารถต้านเซลล์มะเร็ง ทั้งนี้ ผลจากการทดสอบพบว่า สารสกัดจากเปลือกมังคุดสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แม้จะใช้เพียงเล็กน้อยเพียง 4 มิลลิกรัมก็ตาม

สารสกัดจากเปลือกมังคุดที่นำมาใช้ในการศึกษานี้ ได้รับการสนับสนุนจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยการทดสอบพบว่า สารสกัดในปริมาณ 4 มิลลิกรัมดังกล่าว สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้กว่า 50% ของเซลล์มะเร็งทั้งหมด และจากการขยายผลนำสารสกัดไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งอื่น ก็พบว่าสามารถออกฤทธิ์ดีในการทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งตับ

นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้ศึกษาเทคนิคการรักษามะเร็งด้วยยีนบำบัด โดยนำสารสกัดจากมังคุดใส่ในเม็ดบีดขนาดจิ๋วระดับนาโน จากนั้นอาศัยไวรัสที่ถูกทำให้อ่อนตัวและไม่เป็นอันตราย เป็นตัวนำเม็ดบีดนั้นเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ซึ่งวิธีดังกล่าวสามารถที่จะประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย หรือโรคเลือดจาง ส่วนสารสกัดจากสมุนไพรขมิ้นชันและใบพุทรา ยังอยู่ระหว่างการศึกษา

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ฤดูกาลกับการดูแลผม | PG&P

ภาพเส้นผม
 
          ฤดูก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมตรงสวยของคุณสาวๆ จะยังสวยอยู่ได้ตลอดทั้งวันหรือไม่ โดยเฉพาะตอนนี้เมืองไทยก็เข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มตัว จึงได้เตรียมทิปผมสวย 3 ฤดูมาให้สาวๆ กันเลย เริ่มจาก
 
          ฤดูร้อน แสงแดดเป็นตัวการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะของเรา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผมแห้งและแตกปลาย ดังนั้นก่อนการออกไปเจอแสงแดดด้านนอก จึงควรฉีดสเปรย์ทรีตเมนต์ผมให้ทั่วเพื่อปกป้องเส้นผมเช่นเดียวกับที่เรา ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด หรือแม้กระทั่งไปเที่ยวทะเล น้ำทะเลเป็นตัวการทำให้เกล็ดผมเปิดซึ่งจะทำให้ความร้อนและความเค็มของน้ำ ทะเลทำร้ายเส้นผมได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมให้เหมาะสม ทั้งแชมพู ครีมบำรุงผม และสเปรย์ทรีตเมนต์ โดยเฉพาะครีมบำรุงผม หรือทรีตเมนต์ก่อนและหลังการว่ายน้ำ สำหรับสาวผมยาวอย่าลืมเก็บผม เกล้ามวยหรือเก็บปลายผม และอาจจะคลุมด้วยหมวก หรือผ้าคลุมผมเพื่อป้องกันแสงแดด
 
          ฤดูฝน ความชื้นจะเป็นตัวการในการเปิดเกล็ดผมของคุณ และทำให้แกนผมเปียกชื้น แต่กระนั้นก็ตามต้องหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผม เพราะอาจจะทำให้ผมแห้งเกินไป และทำให้เกล็ดผมยิ่งเปิดออก ผมจึงแตกปลายได้ง่าย ผมที่แห้งเสียตรงปลายเกิดจากการขาดโปรตีน ดังนั้นความชื้นจะยิ่งเป็นตัวการทำให้ผมชื้น ชี้ฟูและหยิกหยอย ซึ่งเราหลีกเลี่ยงได้ เพียงแค่เข้าใจธรรมชาติของการทำงานของเกล็ดผมว่าสารอาหารใดที่ผมต้องการ
 
          ฤดูหนาว ลมหนาวทำให้เส้นผมสูญเสียความชื้น ดังนั้นเมื่อสาวๆ อยู่นอกบ้านควรสวมหมวกเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เส้นผมโดนความเย็น ทำให้ผมแตก แห้ง เปราะ ก่อให้เกิดผมแตกปลาย สำหรับสาวผมยาวควรใช้หมวกใหญ่หน่อย และในเวลาที่อยู่ในบ้านก็ใช้ผ้าพันคอผืนใหญ่พันบางๆ รอบๆ ผม สำหรับสาวที่ทำสีผมหรือกัดสีผม ควรให้การดูแลเป็นพิเศษยิ่งในช่วงหน้าหนาว
 
 
 
 
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
 
PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

“แพ้ยา” หรือ “ผลข้างเคียง” จากยา | PG&P

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เชื่อว่าหลาย ๆ ครอบครัวมักมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการแพ้ยา เมื่อใดก็ตามที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการใช้ยา เช่น หลังทานยาแล้วง่วงนอน ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน แสบท้อง หรือมีผื่นขึ้น ก็จะเข้าใจกันว่าเป็นอาการแพ้ยาทั้งสิ้น ซึ่งความจริงแล้วอาการต่างๆ เหล่านี้เรียกรวมๆ ได้ว่าเป็นอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา โดยอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยานั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ อาการข้างเคียงจากยา และการแพ้ยา ซึ่งการปฏิบัติตัวและการจัดการกับอาการข้างเคียงจากยาและการแพ้ยานั้นจะมี ความแตกต่างกัน
อาการข้างเคียงจากยา (Side effect)
หมายถึง ผลใดๆ ที่ไม่ได้จงใจให้เกิดขึ้นจากยา ซึ่งเกิดขึ้นในการใช้ตามขนาดปกติในมนุษย์ และสัมพันธ์กับคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาของยา หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเกิดจากฤทธิ์ของยาเอง เช่น ทานยาแก้ปวด Ibuprofen แล้วมีอาการแสบท้องเนื่องจากยาระคายกระเพาะ เรียกว่าเป็นผลข้างเคียงจากยา อาจแก้ไขโดยทานยาหลังอาหารทันที ห้ามทานตอนท้องว่าง ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เคยเป็นโรคกระเพาะอาจต้องทานยาลดการหลั่งกรดร่วมด้วย ยารักษาความดันโลหิตสูง ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตของผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงให้เป็นปกติ แต่บางครั้งอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ จนมีผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากความดันโลหิตต่ำจากยาได้ เช่น ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด ใจสั่น หรือยารักษาโรคเบาหวาน ถ้าใช้เกินขนาด หรือผู้ป่วยทานอาหารน้อยลง อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยจะมีอาการใจเต้น ใจสั่น เหงื่อออก แต่ถ้ามีอาการมากอาจจะหมดสติ
สำหรับยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอน เช่น ยาในกลุ่มยาแก้แพ้ เช่น Chlorpheniramine, Hydroxyzine หลังทานยาควรหลีกเลี่ยงการขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน เช่น Doxycycline อาจแก้ไขโดยทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ยาออกฤทธิ์ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าอาการข้างเคียงจากยาเป็นอาการที่เกิดจากฤทธิ์ของยาเอง และสามารถจัดการแก้ไขได้โดยการปรับเปลี่ยนวิธีทานยา และการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องห้ามใช้ยาเสมอไป
การแพ้ยา (Drug allergy)
เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านยาที่ได้รับเข้าไป ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าผู้ใดจะแพ้ยาตัวไหน ลักษณะอาการแพ้ยา เช่น หลังทานยาแล้วมีผื่นคัน เปลือกตาบวม ริมฝีปากบวม มีแผลบริเวณเยื่ออ่อน ผิวหนังไหม้ เป็นต้น โดยหากพบว่าทานยาแล้วมีอาการแพ้ยาควรหยุดยาที่ต้องสงสัยทั้งหมด และพบแพทย์เพื่อรักษาอาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างถูกวิธี และห้ามทานยาที่แพ้ซ้ำอีก เพราะจะทำให้เกิดการแพ้ซ้ำ และอาการแพ้อาจรุนแรงขึ้นจนบางครั้งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ควรมีการจดบันทึกชื่อยาไว้ แจ้งแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งว่าท่านแพ้ยาชื่ออะไร
ดังนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบลักษณะอาการข้างเคียงจากยา และการแพ้ยานั้น อาการข้างเคียงจากยาเกิดจากฤทธิ์ของยาจะพบได้มากกว่าคือร้อยละ 95 อาการจะรุนแรงน้อยกว่า และอัตราการตายน้อยกว่า ส่วนการแพ้ยาแม้จะพบได้น้อยคือประมาณร้อยละ 5 แต่อาการมักจะรุนแรงกว่า และมีอัตราการตายสูงกว่า เนื่องจากแพทย์ไม่สามารถทำนายได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดกับใครและอย่างไร การจดจำและสังเกตยาที่ท่านแพ้เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ตัวท่าน และคนในครอบครัวปลอดภัยจากการใช้ยา


ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ ข้อมูลโดย โรงพยาบาลเวชธานี

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

เมื่อลูกมีปัญหาการเรียน | PG&P

คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักอยากให้ ลูกเรียนดี หวังจะเห็นลูกน้อยประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียนและการงานในอนาคต หรืออย่างน้อยก็สามารถเอาตัวรอดได้ในสังคม จึงพบว่าหลายๆครอบครัวส่งลูกไปเรียนพิเศษตามสถาบันกวดวิชาต่างๆที่มีอยู่ มากมายในปัจจุบัน ซึ่งเด็กหลายคนก็มีผลการเรียนดีขึ้นอย่างที่ผู้ปกครองคาดหวังไว้  แต่มีบ่อยครั้งที่พบว่าปัญหาด้านการเรียนของลูกไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการ เรียนพิเศษเพียงอย่างเดียว เพราะปัญหาอาจมาจากสาเหตุอื่นๆได้เช่นกัน ผู้ปกครองจึงควรสังเกตและเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของเด็กให้ได้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียน
1.ปัจจัยภายใน
ระดับความสามารถทางสติปัญญา หรือที่เรียกติดปากว่า IQ ใช้แบ่งความสามารถของเด็กเป็นระดับต่างๆ ตั้งแต่อัจฉริยะ ฉลาด ปรกติ ต่ำกว่าเกณฑ์ คาบเส้น ไปจนถึงปัญญาอ่อน ซึ่งระดับสติปัญญาจะบ่งบอกถึงความสามารถในการเรียนรู้ว่าดีเพียงใด และบอกความสามารถด้านต่างๆที่อาจมีมากน้อยแตกต่างกันไป ทำให้เห็นจุดแข็งหรือความสามารถที่เด็กถนัด และจุดอ่อนหรือความสามารถที่ยังต้องพัฒนาอีก
ด้านจิตใจและโรคทางจิตเวชเด็ก ได้แก่ โรคสมาธิสั้น (ADHD) ความบกพร่องด้านการเรียน (LD) โรคซึมเศร้า ปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น ก้าวร้าว เกเร ดื้อ ต่อต้าน ปัญหาการปรับตัว ความกระทบกระเทือนทางจิตใจ เด็กติดเกม -สุขภาพร่างกาย ปัญหาความเจ็บป่วยทางกาย มีโรคประจำตัว ปัญหาทางสายตา การได้ยิน ความผิดปรกติทางการเคลื่อนไหว
2.ปัจจัยภายนอก
การเลี้ยงดู การขาดอบอุ่น ไม่เคยถูกฝึกระเบียบวินัย การตามใจมากเกินไป ปัญหาด้านความรุนแรงในครอบครัว กระบวนการเรียนการสอน วิธีการสอนของครู ห้องเรียนมีเด็กจำนวนมากเกินไปจนครูดูแลได้ไม่ทั่วถึง รูปแบบการเรียนการสอนไม่น่าสนใจ การขาดสื่ออุปกรณ์การเรียนที่เหมาะสม
เพื่อนและสัมพันธภาพ การเข้ากับครูหรือเพื่อนคนอื่นในห้องไม่ได้ การไม่มีเพื่อน การทะเลาะกัน การคบเพื่อนที่เกเร การถูกชักจูงไปในทางที่ผิด  -สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม สิ่งรบกวนในห้องเรียน หรือการที่โรงเรียนอยู่ไกลทำให้เด็กต้องเหนื่อยในการเดินทาง  โดยปรกติแล้วเรามักพบปัญหาต่างๆดังที่กล่าวมาหลังจากพบว่าลูกมีผลการเรียน ไม่ดี หรือพบว่าบ่อยครั้งเป็นครูที่พบปัญหาแล้วแนะนำให้ผู้ปกครองพาไปพบแพทย์ ในความเป็นจริงแล้วผู้ปกครองสามารถแก้ปัญหาบางอย่างได้เองก่อน หากไม่สามารถจัดการได้จึงค่อยส่งมาพบแพทย์เพื่อประเมินและรักษาต่อไป



 ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข โดย พีรยุทธ ไชยคุณ     

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ผู้ป่วยมะเร็งเหนื่อย แน่นท้องต้องระวัง | PG&P

          ผู้ป่วยมะเร็งทุกรายไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วหรือยัง อยู่ในระหว่างการรักษาก็ตาม หากเริ่มมีอาการเหนื่อยมากขึ้นหรือเริ่มมีอาการแน่นอึดอัดท้อง ท้องโตขึ้นกางเกงที่ใส่อยู่เริ่มคับทั้งๆ ที่ไม่ได้กินอาหารมากกว่าปกติ มิหนำซ้ำกลับเบื่ออาหารมากขึ้นซะอีก ใครมีอาการอย่างนี้ก็อย่านิ่งดูดาย รีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพราะนั่นอาจเป็นอาการเตือนของโรคมะเร็งที่กำลังลุกลาม มากขึ้น
          อาการเหนื่อยที่มากขึ้นอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากมะเร็งแพร่กระจายมาที่อวัยวะในช่องทรวงอก ไม่ว่าจะเป็นปอด เยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจหรืออาจเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะอื่น ระบบอื่นซึ่งอาจเกิดขึ้นใหม่หรือโรคประจำตัวที่เป็นอยู่เดิมแต่เป็นมากขึ้น เช่น โรคไต โรคหัวใจ แต่อาการเหนื่อยที่พบบ่อยในผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มักเกิดจากมะเร็งแพร่ กระจายลุกลามมาที่ปอดหรือเยื่อหุ้มปอดมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าน้ำท่วมปอด ปกติช่องเยื่อหุ้มปอดมีเพียงน้ำหล่อลื่นฉาบอยู่เล็กน้อย เมื่อมีเซลล์มะเร็งลุกลามมาที่เยื่อหุ้มปอด เซลล์มะเร็งจะผลิตน้ำหรือสารคัดหลั่งมากขึ้น ทำให้ช่องเยื่อหุ้มปอดค่อยๆ มีน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปอดข้างนั้นไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ตามปกติ การรักษาใช้เข็มเจาะดูดน้ำออกเป็นครั้งคราวและฉีดยาเข้าไปแทนที่เพื่อให้ เนื้อปอดติดกับเยื่อหุ้มปอดเป็นการปิดช่องเยื่อหุ้มปอดไปเลยหรืออาจจะใช้การ ใส่ท่อระบายน้ำคาไว้เลยแต่ไม่ค่อยนิยม เนื่องจากใส่แล้วมักถอดออกไม่ได้เพราะมีน้ำออกตลอดเวลา
          ส่วนสาเหตุเดียวกันแต่เกิดที่เยื่อบุช่องท้องจนทำให้เกิดอาการแน่นอึดอัด ท้องก็คือภาวะน้ำในช่องท้องหรือท้องมาน เช่นเดียวกับภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำในช่องท้องก็มีมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ในกรณีของมะเร็งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็งของอวัยวะในช่องท้อง เช่น มะเร็งของอวัยวะระบบทางเดินอาหาร มะเร็งของอวัยวะระบบสืบพันธุ์เท่านั้น มะเร็งจากอวัยวะนอกช่องท้องก็สามารถแพร่กระจายมาที่เยื่อบุช่องท้องได้เช่น กัน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด ส่วน การรักษาถ้าผู้ป่วยมีระดับโปรตีนไข่ขาวหรืออัลบูมินในเลือดต่ำก็ให้โปรตีน ไข่ขาวเข้าไปทดแทนเพื่อให้ดึงน้ำที่อยู่ในช่องท้องกลับเข้าสู่หลอดเลือด ในบางรายที่มีอาการแน่นท้องท้องตึงมากก็อาจใช้เข็มเจาะดูดน้ำออกเป็นครั้ง คราวเพื่อลดความทุกข์ทรมานของผู้ป่วย แต่ก็ได้เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเพราะไม่ช้าไม่นานเซลล์มะเร็งก็จะ ผลิตน้ำขึ้นมาใหม่ และที่สำคัญต้องระวังว่าปลายเข็มอาจจะไปเจาะถูกอวัยวะในช่องท้อง เช่น ลำไส้ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตต้องไปผ่าตัดฉุกเฉินซะอีก
          ส่วนการรักษาเฉพาะที่จะจัดการกับมะเร็งที่แพร่กระจายมาที่เยื่อหุ้มปอดหรือ เยื่อบุช่องท้อง ส่วนใหญ่แล้วต้องบอกว่าในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดที่มีประสิทธิภาพอย่าง แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดไปเลาะเอาเยื่อบุออกทั้งหมดหรือการใส่ยาเคมีบำบัดลงไป ในช่องท้องหรือช่องเยื่อหุ้มปอดเพื่อหวังจะให้ออกฤทธิ์กับเซลล์มะเร็งโดยตรง ผลการรักษาส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างจากการรักษาแบบประคับประคองเพียงอย่างเดียว ยกเว้นมะเร็งบางประเภทที่ตอบสนองต่อยาเคมีบำบัด เพราะฉะนั้นเริ่มมีอาการเหนื่อยหรือแน่นท้องอย่าชะล่าใจรีบไปพบแพทย์นะ ครับ...เชื่อผมสิ


ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก โดย  นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ


PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ความเครียดและเด็กไทย! | PG&P

งานวิจัยชี้เด็กไทยใช้เวลาเรียนใน ห้องเรียนเยอะที่สุดในโลก  ขณะที่หลายประเทศที่เรายอมรับว่าเขาเก่งกว่าเรานั้น เด็กของเขาใช้เวลาเรียนในห้องเรียนเพียงแค่ประมาณ 2 ใน 3 ของเด็กเราเท่านั้นเอง

ความเครียดและเด็กไทย!

สัปดาห์ที่แล้วผมไปร่วมอภิปรายหัวข้อ "พัฒนาการเด็กไทย ก้าวไกลสู่สากล" ในงานประชุมวิชาการครบรอบ 60 ปีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ข้อมูลที่น่าสนใจจากงานนี้มาเล่าสู่กันฟังครับ  จาก งานวิจัยของนักวิชาการไทยเขาพบว่า เด็กไทยใช้เวลาเรียนในห้องเรียนเยอะที่สุดในโลก ในขณะที่หลายประเทศที่เรายอมรับว่าเขาเก่งกว่าเรานั้น เด็กของเขาใช้เวลาเรียนในห้องเรียนเพียงแค่ประมาณ 2 ใน 3 ของเด็กเราเท่านั้นเอง

นี่ยังไม่นับเวลาที่เด็กของเราต้องใช้ในการเรียนพิเศษหรือกวดวิชาในตอน เย็นวันหยุดนะครับ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ความสามารถของเด็กเราโดยภาพรวมเป็นอย่างไร คงไม่ต้องสาธยายกันอีก และน่าจะเกิดความกระจ่างกันได้แล้วว่า การจับเด็กนั่งอยู่ในห้องเรียนทั้งวันแล้วยัดความรู้ให้เด็กอย่างเอาเป็น เอาตายเพียงอย่างเดียวนั้น เป็นความพยายามที่ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ต่อพัฒนาการทางสติปัญญาในเด็ก ของเราตามที่เราต้องการแต่อย่างใด  แต่เราก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนกระบวนทัศน์อันนี้เสียที เด็กสอบได้คะแนนไม่ดี เราก็เปิดห้องติว กวดวิชา เพื่อกระตุ้น "ความจำ" และ "ความสามารถในการทำข้อสอบ" ให้เด็ก โดยไม่ได้มองไปที่กระบวนการเรียนรู้ของเด็กทั้งกระบวน  ผลก็คือ เด็กของเราเครียดกับการเรียนรู้ในห้องเรียนมากที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้เก่งที่สุดในโลก ทั้งๆ ที่ค่าเฉลี่ยระดับสติปัญญาของเด็กเราก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเด็กชาติอื่นๆ

ตอนนี้กระแสโอลิมปิกฟีเวอร์กำลังแรง เกาหลีใต้ จีน กลายเป็นฮีโร่ และแว่วๆ ว่าทั้ง 2 ประเทศนี้ใช้วิธีการแบบ "จัดหนัก" กับกระบวนการฝึกนัก กีฬาของเขา ชนิดปั้นกันเป็น

รายตัวตั้งแต่เด็กๆเลยทีเดียว และก็เริ่มมีข่าวว่าผู้มีอำนาจหลายๆคนในบ้านเราปิ๊งกับแนวคิด "จัดหนัก" ที่ว่านี้  ผมกลัวจริงๆครับว่าเราจะเอาแนวคิด "จัดหนัก" ที่ว่านี้มาใช้กับการพัฒนาการเรียนรู้หรือการศึกษาของเด็กเรา ผมไม่เชื่อครับว่า "กระบวนการปั้นดาวรุ่งโอลิมปิก" จะสามารถใช้ ได้กับการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ในทุกๆ มิติ  แคลนซี่ แบลร์ ศาสตรา จารย์ด้านจิตวิทยาประยุกต์แห่ง มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ได้เขียนบทความตีพิมพ์ในวารสาร Scien tific American Mind ฉบับเดือนกันยายน-ตุลาคม 2555 เล่าถึงอันตรายของ "ความ เครียด" ว่าส่งผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญา ทักษะทางสังคม และพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของเด็กอย่างไรบ้าง เขาพบว่าความเครียดที่ไม่มากเกินไปจะทำให้การเรียนรู้ของเด็กมีประสิทธิภาพ มากขึ้น

แต่ถ้าเมื่อไรที่ระดับความเครียดมากจนเกินพอดี ระดับของสารคอร์ติซอล (สารความ เครียด) ในเลือดของเด็กจะเพิ่มขึ้น สารตัวนี้จะทำให้สมาธิ ความจำ การใช้ความคิด และการควบคุมอารมณ์ของเด็กเสียไป ซึ่งในที่สุดผลก็คือประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเด็กก็จะลดลงไปด้วย  สิ่งที่ศาสตราจารย์แคลนซี่ แบลร์ ค้นพบน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับครูและพ่อแม่ไทยที่นิยมการบีบบังคับให้เด็ก เรียนหนังสือเยอะๆ ได้ว่า สิ่งที่ตนเองทำนั้นส่งผลดีหรือผลเสียให้กับเด็กกันแน่  ในงานวิจัยที่ทำ ศาสตราจารย์แคลนซี่ แบลร์ และทีมของเขา ได้ติดตามเด็กกว่า 1,200 คน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 7 ขวบ และพบว่าเด็กกลุ่มที่พ่อแม่ชอบบังคับให้ทำตามสิ่งที่พ่อแม่คิด คอยกำกับทุกอย่างไม่ว่า

เด็กจะทำอะไร จะมีพัฒนาการในเรื่องสติปัญญา ทักษะทางสังคม และพัฒนาการทางอา รมณ์ แย่กว่าเด็กที่พ่อแม่เป็นแค่คนคอยสนับสนุนให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง แสวงหาประ สบการณ์ด้วยตัวเอง   เขาพบว่าเด็กที่พ่อแม่คอยเป็นคนเสริมและสนับสนุน ระดับสารคอร์ติซอลจะไม่สูงเหมือนกับเด็กที่พ่อแม่คอย กำกับทุกอย่าง  นั่นก็คือ เด็กที่มีพ่อแม่คอยกำกับการเรียนรู้ทุกฝีก้าวมีความเครียดมากกว่าเด็กที่พ่อ แม่ทำแค่คอยสนับสนุน และความเครียดที่เกิดขึ้นทำให้เด็กเรียนรู้ได้น้อยลง มีพัฒนาการในด้านต่างๆไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ความหวังดีของพ่อแม่กลับ กลายเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายศักย ภาพของเด็กไปโดยไม่ตั้งใจ  กลับมาที่สังคมไทยของเรา  ในการประชุมวิชาการของ กรมอนามัยครั้งนี้มีข้อมูลที่น่า

ตกใจว่า 10 ปีที่ผ่านมา นับแต่ปี 2542 เป็นต้นมา เราได้ทุ่มเทกับการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทยกันหนักเอาการทีเดียว แต่ผลก็คือ "ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" คะแนนพัฒนาการของเด็กไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว สะท้อนอย่างชัดเจนว่าวิธีการที่เราใช้พัฒนาเด็กของเราตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน แล้วเราควรจะทำอย่างไร  เพราะเด็กคืออนาคตของเราทุกคน แถมขณะนี้เด็กในสังคมของเราก็มีสัดส่วนน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด และเราก็มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อัตราการเป็นภาระของสังคมในอนาคตนับวันจะ สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่คนที่จะเป็นผู้แบกภาระของเรากลับมีศักยภาพลดลง  การบูรณาการภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมอนามัย กรมสุขภาพจิต กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ หรือองค์กรท้องถิ่น คงจะต้องทำให้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่  นอกเหนือจากการบูรณาการงานเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว เราต้องยอมรับกันเสียทีว่ายุทธศาสตร์หรือกระบวนการที่เราใช้อยู่ตั้งแต่ใน อดีตมาจนถึงปัจจุบันใช้ไม่ได้ผลแล้ว เราจำเป็นต้องค้นคว้า ค้นหาหรือวิจัย วิธีการกระบวนการใหม่ๆ มาใช้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป







ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ไก่ มีสุข “ธรรมะ ทำให้มองเห็นตัวเอง” | PG&P

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เป็นอีกหนึ่งคนที่หันมาดูแลสุขภาพ อย่างจริงจัง ทั้งสุขภาพกายและใจ สำหรับ “ไก่- มีสุข แจ้งมีสุข”  พิธีกรมากความสามารถจาก รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง เธอบอกว่า “เป็นคนที่มีความสุขกับการกิน  จะตามใจปากมาก แต่ความสุขบางอย่างก็ตามมาด้วยความทุกข์ ถ้ากินตามใจปากมากเกินไปก็เกิดโรคได้”
“แต่ก่อนกินพวกโปรตีนเยอะ ชอบกินอาหารประเภทเนื้อมากๆ ทั้ง เนื้อย่าง ไก่ทอด สเต็ก  ปกติไม่ชอบกินข้าวจะกินขนมปัง หรือ เบเกอรี่แทน ตั้งแต่ทำรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง  รู้สึกว่าต้องใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงเริ่มลดแป้ง ลดโปรตีนประเภทเนื้อ จากเป็นคนไม่ชอบกินผัก ก็หันมาสนใจพยายามคิดว่า กินผักทำให้สุขภาพดีและผิวสวย”

นอกจากจะเอาใจใส่เรื่องอาหารแล้ว “ไก่ มีสุข” ก็ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายไปพร้อมๆ กันด้วย
“เป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้วทั้ง เทนนิส ปั่นจักรยานฟิกเกียร์ จะพยายามปั่นจักรยานให้ได้อย่างน้อยสองวันต่อสัปดาห์  พอเริ่มทำประจำเห็นผลเลยว่า รูปร่างดีขึ้น ร่างกายกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ช่วงบ่าย ทำงานจะไม่รู้สึกเพลียเหมือนแต่ก่อน สองสามปีที่ผ่านมา รู้สึกได้ว่า ชีวิตสดชื่นขึ้น”
สำหรับการดูแลสุขภาพใจนั้น พิธีกรคนเก่งบอกว่า “เป็นคนไม่ชอบเรื่องเครียดๆ  จะพยายามไม่ทำให้สุขภาพจิตเสีย  มีช่วงหนึ่งทำงานหนักมาก งานที่ติดต่อเข้ามาจะรับหมด  เพราะคิดว่าเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่ต้องลองทำ ปกติเป็นคนหงุดหงิดยากมาก แต่พอทำงานหนักๆ กลับเป็นคนหงุดหงิดง่ายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนวันหนึ่งเกิดคำถามกับตัวเองว่า ที่ทำอยู่มีความสุขหรือเปล่า  พอคิดได้ จึงเริ่มเตือนสติตัวเอง จากนั้นก็มีสติในการทำงานมากขึ้น รับงานน้อยลง เพื่ออยู่กับตัวเองมากขึ้น ไปเที่ยว พักผ่อน ให้ร่างกาย จิตใจได้พักบ้าง”
“สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การศึกษาธรรมะ  ถือศีลภาวนา ทำให้มองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง  สิ่งที่สุขใจที่สุดคือ เมื่อเห็นตัวเองแล้วเรายอมรับตัวเองได้ทุกอย่าง และพร้อมที่จะเปลี่ยน  ทุกวันนี้เรามีสติและรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่  ได้ปล่อยวาง  ได้อยู่กับธรรมมะ สวดมนต์   ซึ่งเป็นเหมือนพลังที่ทำให้จิตใจเราแข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับทุก สถานการณ์” พิธีกรคนเก่งฝากทิ้งท้าย



ภาพประกอบ : อินเทอร์เน็ต

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

แปรงฟันประจำคุ้มครองสมอง ปลอดโรคไปถึงจนแก่จนเฒ่า | PG&P

นักวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ ศึกษาพบว่า ผู้ที่แปรงฟันประจำทุกวัน ทำให้ฟันและเหงือกแข็งแรงดี จะช่วยลดอันตรายของการเป็นโรคสมองเสื่อมในบั้นปลายชีวิตให้น้อยลงได้
พวกเขาได้ติดตามศึกษาผู้สูงอายุ 5,500 คน วัยระหว่าง 52-105 ปี อย่างใกล้ชิดมานานไม่ต่ำกว่า 18 ปี พบว่า ผู้ที่แปรงฟันเป็นประจำ จะไม่ค่อยเป็นโรคสมองเสื่อม จะเป็นน้อยกว่าผู้ที่ไม่ค่อยได้แปรงถึงร้อยละ 65
หัวหน้าคณะผู้วิจัยแอนน์เลีย ปากานินิฮิลล์ แจ้งว่า เชื้อแบคทีเรียของโรคเหงือกอักเสบ พัวพันอยู่กับโรคหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคลมอัมพาต และเบาหวาน และรายงานผลการศึกษาหลายเรื่อง แจ้งว่า ผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม จะมีแบคทีเรียโรคเหงือกอยู่ในสมองมากกว่าผู้ปกติ เป็นที่เชื่อว่าแบคทีเรียของโรคเหงือก อาจจะเข้าสู่สมอง ก่อให้เกิดการอักเสบและทำให้สมองเสียหาย ด้วยเหตุนั้นจึงต้องการจะศึกษาให้รู้แจ้งว่า การรักษาสุขภาพฟันให้คงดีอยู่นาน จะพยากรณ์ให้รู้ว่าสมองจะยังคงดีอยู่ได้ ไปจนถึงบั้นปลายชีวิตหรือไม่


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

ป่วยหอบหืด..ออกกำลังกายแบบไหนโรคไม่กำเริบ | PG&P

หอบหืดกำเริบเมื่อออกกำลังกาย ป้องกันได้เพียงเลือกชนิดกีฬาให้เหมาะ และรู้ข้อควรปฏิบัติก่อนเอ็กเซอร์ไซส์ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคหอบหืด ส่วนใหญ่จะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการออกกำลังกาย เนื่องจากบางรายเคยมีประสบการณ์ว่าโรคดังกล่าวนี้กำเริบภายหลังออกกำลังกาย เสร็จไปแล้วราว 5-20 นาที โดยมีอาการแน่นหน้าอก หอบหายใจเร็ว ซึ่งบางรายพักเพียงชั่วครู่ก็หาย แต่บางรายกลับทรุดหนักจนต้องส่งโรงพยาบาล...เหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ ทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดไม่กล้าเล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย

ป่วยหอบหืด..ออกกำลังกายแบบไหนโรคไม่กำเริบ

สาเหตุที่ทำให้อาการหอบหืดกำเริบขณะออกกำลังกายนั้น วารสารชมรมผู้ป่วยโรคหืด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิด เผยไว้ว่า เป็นเพราะหลอดลมหดเกร็ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอุณหภูมิและความชื้นในอากาศที่สูด เข้าไปอย่างรวดเร็วและลึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่ออากาศนั้นมีความเย็นและแห้งมาก

อีกทั้ง โดยปกติแล้วอากาศที่หายใจเข้าทางจมูกจะมีความชื้นและอุ่นกว่าอากาศภายนอก อันเป็นผลมาจากโพรงจมูกช่วยเพิ่มความชื้นและปรับอุณหภูมิก่อนจะเข้าไปสู่ปอด แต่ขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายต้องการอากาศมากขึ้น เราจึงมักอ้าปากหายใจ ทำให้ปอดได้รับอากาศเย็นและแห้งกว่าปกติ อาการหอบหืดจึงกำเริบขึ้น

อย่างไรก็ตาม การกำเริบของหอบหืดมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่ป่วยออกกำลังกายหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวติดต่อกันนานๆ ไม่มีจังหวะพัก เช่น ฟุตบอล สควอช  บาสเก็ตบอล

ขณะที่กีฬาซึ่งเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดมากที่สุดคือ การว่ายน้ำ ที่ สภาพแวดล้อมบริเวณสระน้ำมีอุณหภูมิและความชื้นค่อนข้างคงที่ ประกอบกับลักษณะของการสูดหายใจขณะว่ายน้ำจะมีจังหวะที่ต้องกลั้นหายใจ จึงช่วยให้สูญเสียความร้อนและความชื้นทางลมหายใจน้อย แถมยังเป็นการออกกำลังกายในแนวราบ กล้ามเนื้อปอดได้เคลื่อนไหวจากส่วนท้ายขึ้นมาส่วนบน จึงช่วยไล่อากาศหรือขับสิ่งขัดขวางการหายใจออกได้ง่ายกว่าการออกกำลังท่ายืน และการได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนบน ยังถือเป็นการพัฒนาระบบหายใจให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

สำหรับข้อควรรู้ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยหอบหืด คือ ควรอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหม ไม่ควรออกกำลังกายในช่วงที่อากาศเย็นจัดและแห้ง แต่หากมีความจำเป็นหรือต้องแข่งขันกีฬา ควรสูดยาขยายหลอดลมก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาที ที่สำคัญ ถ้าอาการกำเริบต้องหยุดเล่นกีฬา และสูดยาขยายหลอดลมเข้าช่วย




ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

คาดปี 58 นวดไทยทำเงิน 3 หมื่นล้าน | PG&P

สาธารณสุข แถลงข่าวการจัดงาน"มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9" ภายใต้แนวคิด"นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก" หวังสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

คาดปี 58 นวดไทยทำเงิน 3 หมื่นล้าน

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการจัดงาน"มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9" ภายใต้แนวคิด"นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก" ว่า สถานการณ์การนวดของไทยขณะนี้มีผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทนวดไทย จำนวน 1,905 คน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่นับรวมหมอนวดที่ผ่านมาอบรมการนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ จึงกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการให้บริการนวด จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นมหานครแห่งการนวด ชาติใดที่ต้องการได้รับการนวดที่ดีต้องมาที่ประเทศไทยเท่านั้น

"สธ.ได้ส่งเสริมให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุข ภาพตำบลให้บริการและทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้ด้านการนวดให้ประชาชน เพื่อให้เกิดการนวดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนให้มีการวิจัยด้านการนวดไทยและบูรณาการ นับเป็นการสร้างมูลค่าทางการตลาดให้ประเทศไทย โดยมูลค่าทางการตลาดของการนวดไทยสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน"นายวิทยากล่าว

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดี กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯกล่าวว่า สำหรับงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9กันยายน ที่ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในการร่วมจัดนิทรรศการที่น่าสนใจอาทิ เปิดกรุตำรับยา อาบ อบ ประคบ นวด จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร




ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

PG&P
สโนว์  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม พีจีแอนด์พี  pg&pthai พีจีแอนด์พีไทย pgpthai พีจีพี thaipgp เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักท์ สกัดจากธัญพืช ธัญพืชสกัด
PGPTHAI คลิปตัวอย่าง PG&P FEED PG&P

บทความที่ได้รับความนิยม

Backlinks